คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เชื่อมโยง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 27 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1351/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องเคลือบคลุมคดีป่าไม้: การระบุปริมาณไม้และเหตุเชื่อมโยงความผิดฐานทำไม้และแปรรูปไม้
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสี่ตาม พ.ร.บ. ป่าไม้ฯ โดยบรรยายฟ้องเกี่ยวกับประกาศกระทรวงเกษตร เรื่องกำหนดเขตควบคุมการแปรรูปไม้ ตาม พ.ร.บ. ป่าไม้ พุทธศักราช 2484ว่า ทางราชการได้คัดสำเนาประกาศดังกล่าวประกาศไว้ ณ ที่ว่าการอำเภอที่ทำการกำนัน และที่สาธารณสถานในท้องที่ซึ่งเกี่ยวข้องและในท้องที่เกิดเหตุคดีนี้ให้ทราบโดยทั่วกันแล้ว ดังนี้ คำว่าให้ทราบโดยทั่วกันแล้ว หมายความว่าจำเลยทั้งสี่ทราบประกาศดังกล่าวแล้วเป็นคำฟ้องที่ยืนยันแน่ชัดว่าจำเลยทั้งสี่ทราบประกาศเรื่องนี้แล้วฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม ความผิดข้อหาทำไม้กับแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตนั้นแม้ไม้ที่จำเลยร่วมกันแปรรูปและที่จำเลยร่วมกันทำไม้จะเป็นไม้จำนวนเดียวกันหรือไม่ก็ตามก็เป็นความผิดคนละกรรมต่างกัน การที่โจทก์บรรยายฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในข้อหาแปรรูปไม้โดยมิได้รับอนุญาตโดยมิได้ระบุให้แน่ชัดว่า ไม้ที่จำเลยร่วมกันแปรรูปเป็นไม้จำนวนเดียวกันกับไม้ที่จำเลยร่วมกันทำไม้โดยมิได้รับอนุญาตหรือไม่จึงไม่ทำให้เป็นฟ้องที่เคลือบคลุม.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 218/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องแย้งต้องเกี่ยวเนื่องกับฟ้องเดิม ศาลไม่รับฟ้องแย้งที่ไม่เชื่อมโยงกัน
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากทรัพย์สินที่เช่าและเรียกค่าเสียหายเพราะครบกำหนดการเช่าตามสัญญาและโจทก์บอกกล่าวแก่จำเลยแล้ว แต่จำเลยเพิกเฉยเสีย จำเลยให้การว่าโจทก์ไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดิน ไม่มีอำนาจฟ้อง. การบอกเลิกการเช่าไม่ชอบโจทก์ไม่เสียหาย ต่อมาจำเลยยื่นคำร้องขอเพิ่มเติมคำให้การโดยฟ้องแย้งมาในคำร้องว่า เมื่อโจทก์ต้องการให้จำเลยออกจากที่ดิน โจทก์ต้องชดใช้ค่าถมที่ดินให้จำเลยเป็นเงิน 55,000 บาท กับให้โจทก์ใช้เงินที่ยืมจำเลยไปอีก 5,000 บาท ที่จำเลยยื่นคำร้องขอเพิ่มเติมคำให้การก็เพื่อให้ศาลสั่งรับฟ้องแย้งของจำเลย จำเลยฟ้องแย้งขอให้โจทก์ใช้เงินค่าถมที่ดินให้จำเลย เมื่อจำเลยต้องออกไปจากที่ดินนั้น เป็นฟ้องแย้งที่มีเงื่อนไข ส่วนที่จำเลยฟ้องแย้งขอให้โจทก์ใช้เงินยืมให้จำเลยก็เป็นเรื่องอื่นคำฟ้องแย้งของจำเลยจึงไม่เกี่ยวข้องกันกับฟ้องเดิม พอที่จะรวมการพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1917/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งต้องเกี่ยวข้องกับฟ้องเดิม หรืออาศัยมูลหนี้เดียวกัน ศาลพึงรับพิจารณาหากเชื่อมโยงกันได้
ฟ้องแย้งที่ศาลพึงรับไว้พิจารณาต้องเป็นฟ้องแย้งที่เกี่ยวกับฟ้องเดิม ซึ่งหมายความว่าต้องเป็นฟ้องอาศัยฟ้องเดิมเป็นมูลแห่งหนี้ หรือต้องมีส่วนสัมพันธ์กับฟ้องเดิมพอที่จะพิจารณาและชี้ขาดตัดสินไปด้วยกันได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรค 3 และมาตรา 179 วรรคท้าย
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ที่ 2 เช่าตึกพิพาทจากโจทก์ที่ 1 แล้วให้จำเลยเข้าอยู่อาศัยโดยให้จำเลยชำระค่าเช่าแทน โจทก์ที่ 2 ต้องการตึกพิพากคืน จำเลยไม่คืนให้ขอให้ขับไล่ จำเลยฟ้องแย้งว่า โจทก์ที่ 2 ให้จำเลยเช่าเพื่อทำกิจการค้าขายหนังสือแล้วแบ่งส่วนให้จำเลยเป็นเปอร์เซนต์ โดยที่โจทก์ที่ 2 ให้จำเลยเป็นผู้ออกเงินค่าตบแต่งตึกพิพาทเป็นการต่างตอบแทน เมื่อโจทก์จะให้จำเลยออกจากตึกพิพาทที่เช่าเพื่อโจทก์ที่ 2 จะทำการค้าเสียเอง โจทก์ที่ 2 จึงต้องชดใช้ค่าตบแต่งตึกพิพาทให้ ฟ้องแย้งของจำเลยจึงอาศัยสิทธิตามสัญญาเช่าหรือนัยหนึ่งอาศัยฟ้องเดิมของโจทก์เป็นมูลหนี้นั่นเอง จึงเป็นฟ้องแย้งที่เกี่ยวข้องกับฟ้องเดิม พอที่จะพิจารณาและชี้ขาดตัดสินไปด้วยกันได้ (อ้างฎีกาที่ 442/2511) สมควรที่ศาลจะรับไว้พิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 857/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งเกี่ยวเนื่องกับคำฟ้องเดิม: มูลหนี้จากตั๋วแลกเงินเชื่อมโยงกับสัญญาซื้อขาย, ศาลรับฟ้องแย้งได้
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระเงินตามตั๋วแลกเงิน 4 ฉบับซึ่งจำเลยเป็นผู้รับรองโดยกล่าวในฟ้องว่า มูลค่าของตั๋วแต่ละฉบับคือมูลค่าของสินค้าซึ่งจำเลยสั่งซื้อและรับไปจากโจทก์แล้ว จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่ามูลหนี้ตามตั๋วที่โจทก์ฟ้องเกิดจากสัญญาซื้อขายเหล็กเส้นที่จำเลยซื้อจากโจทก์ โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา จำเลยจึงจำต้องยับยั้งการจ่ายเงินตามตั๋ว และการผิดสัญญาซึ่งเป็นมูลหนี้ของตั๋วเหล่านี้เป็นเหตุให้จำเลยเสียหาย จึงฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหายดังนี้ฟ้องแย้งเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 149/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความชัดเจนของฟ้องอาญา: การเชื่อมโยงข้อความในฟ้องเพื่อให้เข้าใจช่วงเวลาการกระทำผิด
ฟ้องข้อ ค. ระบุวันเดือนปีที่จำเลยทำผิด แม้ไม่ได้ระบุว่าเป็นเวลากลางวันหรือกลางคืน แต่เมื่อข้อความในฟ้อง ข้อ ค.ต่อเนื่องกับฟ้อง ข้อ ข. ซึ่งระบุวันเดือนปีตรงกับฟ้อง ข้อ ค. และระบุเวลากลางวันไว้ด้วย ทำให้เข้าใจได้ดีว่า การกระทำของจำเลยตามฟ้อง ข้อ ค. ได้เกิดขึ้นแล้วในฟ้อง ข้อ ข. อันเป็นวันเวลาเดียวกัน นั้นเอง เช่นนี้ ฟ้องข้อ ค. ไม่เคลือบคลุมในข้อที่ไม่ระบุเวลาว่า กลางวันหรือกลางวัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1508/2499

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับสารภาพและการครอบครองยาเสพติด พยานหลักฐานเชื่อมโยงจำเลยกับฝิ่นของกลาง
ในคดีหาว่ามีฝิ่นไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตแม้โจทก์ไม่มีพยานยืนยันว่าฝิ่นของกลางเป็นของใคร แต่โจทก์มีพยานสืบว่าฝิ่นของกลางถูกซุกซ่อนไว้ในตู้เก็บอาหารแห้งในเรือสินค้าต่างประเทศ ประกอบกับเมื่อค้นฝิ่นแล้ว ผู้ค้น ตำรวจและผู้สอบสวนสอบถามจำเลยถึง 3 ครั้ง 3 หนแต่จำเลยก็รับว่าเป็นฝิ่นของตนต่อหน้ามูลนายของจำเลยทั้งยังเขียนคำรับเป็นภาษาจีนและแสดงวิธีเอาฝิ่นไปซุกซ่อนไว้ให้ดูโดยถอดกระดานฝาตู้ชั้นในออกเอาฝิ่นซุกไว้แล้วปิดฝาอย่างเก่า สมกับเป็นผู้เอาฝิ่นไว้เองทั้งจำเลยเป็นผู้ครอบครองตู้ๆ นั้น มีกุญแจ จำเลยเป็นผู้รักษากุญแจเอง พฤติการณ์เหล่านี้ฟังประกอบกับคำรับสารภาพของจำเลยในชั้นสอบสวนคดีฟังได้ว่าจำเลยมีฝิ่นไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1618/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานหลักฐานในคดีอาญา: การพิสูจน์ความผิดของผู้ต้องหาต้องอาศัยพยานหลักฐานที่เชื่อมโยงโดยตรง ไม่ใช่เพียงคำให้การที่ไม่น่าเชื่อถือ
ในอดีตฆาตกรรมนั้นไม่จำเป็นต้องมีประจักษ์พยานรู้เห็นในขณะกระทำผิดเสมอไป พยานพฤติเหตุแวดล้อมกรณีอันมั่นคงก็เพียงพอรับฟังมาลงโทษจำเลยได้
ข้อเท็จจริงได้ความแต่เพียงว่าจำเลยที่ 1 รายงานแจ้งเหตุวิสามัญฆาตกรรมโดยอ้างว่าจำเลยทั้ง 5 ยิงต่อสู้กับผู้ร้าย 5-6 คนในตอนกลางคืนซึ่งไม่ใช่ความจริง เป็นการปั้นเรื่องขึ้นเพื่อกลบเกลื่อนการฆ่าผู้ตาย เพียงเท่านี้เมื่อโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานอื่นใดยืนยันว่าจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ได้เข้ามาเกี่ยวข้องกับผู้ตายในตอนใดเสียเลยแล้วเช่นนี้ ศาลจะฟังแต่เพียงถ้อยคำอันไม่ใช่ความจริงของจำเลยเองมาลงโทษจำเลยในคดีเรื่องฆ่าคนตายอันมีโทษอุกฤฎ์โดยไม่มีพยานโจทก์ยืนยันความผิดของจำเลยไม่ได้ ถือว่าโจทก์สืบไม่ได้ว่าจำเลยเหล่านี้ทำผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 565/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลักทรัพย์กระบือ: ขาดหลักฐานเชื่อมโยงจำเลยกับความผิด
ไม่ปรากฏว่ากระบือของเจ้าทรัพย์หายไปแต่เวลาใด แต่ไปพบจำเลยอยู่กับกระบือเป็นเวลากลางคืนแล้ว ถ้ากระบือหายไปในตอนเช้า ก็เป็นระยะเวลาห่างจากที่พบจำเลยกับกระบือมาก ทั้งระยะทางจากที่กระบือหาย จนถึงที่พบจำเลยกับกระบือห่างกันถึง 150 เส้น จึงยังสันนิษฐานไม่ได้ว่าจำเลยเป็นคนร้ายที่ลักกระบือไปจากทำเลเลี้ยง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 458/2488

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่านายหน้าแม้ไม่ได้ชี้ช่องตรง แต่เชื่อมโยงกับการเสนอขายทำให้เกิดสัญญาได้
โจทก์ได้เป็นนายหน้าไปเสนอขายเครื่องจักร์ของจำเลยต่อกระทรวงอุสาหกรรม ๆ ไม่ต้องการต่อมากรมเกษตร์ได้ทำสัญญาซื้อเครื่องจักร์รายนี้จากจำเลย แม้โจทก์จะไม่ได้เป็นผู้ชี้ช่องให้กรมเกษตร์ซื้อเครื่องจักร์รายนี้โดยตรงก็ดี แต่ที่กรมเกษตร์ทราบว่าจำเลยจะขายก็เนื่องมาจากโจทก์ไปเสนอขายทางกระทรวงอุสาหกรรมดังนี้ นับว่าโจทก์เป็นผู้ชี้ช่องให้เข้าทำสัญญากัน โจทก์มีสิทธิได้รับค่านายหน้า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 552/2558

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทิ้งฎีกาและการไม่รับวินิจฉัยฟ้องแย้งเนื่องจากประเด็นกรรมสิทธิ์เชื่อมโยงกับฟ้องเดิม
โจทก์ฟ้องว่ารถแบ็คโฮพิพาทเป็นของโจทก์แต่ให้ใส่ชื่อจำเลยที่ 1 ในคู่มือจดทะเบียนแทน ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนรถแบ็คโฮพิพาทให้แก่โจทก์ จำเลยทั้งสองให้การและฟ้องแย้งว่า โจทก์ยืมรถแบ็คโฮพิพาทแล้วผิดสัญญา ขอให้โจทก์คืนรถแบ็คโฮพิพาทหรือใช้ราคาแทนแก่จำเลยทั้งสอง ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยทั้งสองไปจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนรถแบ็คโฮพิพาทแก่โจทก์และยกฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสอง จำเลยทั้งสองฎีกาขอให้พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และให้บังคับคดีตามฟ้องแย้ง แต่จำเลยทั้งสองเสียค่าขึ้นศาลในชั้นฎีกาตามจำนวนทุนทรัพย์ในส่วนฟ้องแย้ง โดยไม่ได้เสียค่าขึ้นศาลตามทุนทรัพย์ในส่วนของฟ้องเดิม ศาลฎีกามีคำสั่งให้จำเลยทั้งสองเสียค่าขึ้นศาลในชั้นฎีกาในส่วนฟ้องเดิมให้ครบถ้วน จำเลยทั้งสองไม่ชำระ ถือว่าจำเลยทั้งสองทิ้งฎีกาในส่วนฟ้องเดิมตาม ป.วิ.พ. มาตรา 174 ประกอบมาตรา 246 และ 247 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้ คงมีปัญหาต้องวินิจฉัยในส่วนฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสอง แต่เมื่อประเด็นข้อพิพาทตามฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสองเป็นการโต้แย้งเรื่องกรรมสิทธิ์ในรถแบ็คโฮพิพาท ซึ่งปัญหาดังกล่าวเกี่ยวเนื่องกับประเด็นที่พิพาทในส่วนฟ้องเดิมที่จำเลยทั้งสองทิ้งฟ้องฎีกาไม่สามารถวินิจฉัยแยกออกจากกันได้และไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลง ประเด็นปัญหาในส่วนฟ้องแย้งจึงไม่เป็นสาระอันควรได้รับการวินิจฉัยตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคหนึ่ง (เดิม) ซึ่งมีผลใช้บังคับอยู่ในขณะยื่นฟ้อง ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยให้เช่นกัน
of 3