พบผลลัพธ์ทั้งหมด 301 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1253/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทิ้งฟ้อง: การไม่ดำเนินการใดๆ หลังศาลสั่งให้จำเลยทราบเรื่อง
พฤติการณ์ที่ถือว่า ทิ้งฟ้องชั้นฎีกา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1253/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทิ้งฟ้องฎีกา: ผลของการไม่จัดการเมื่อศาลสั่งให้ดำเนินการ
จำเลยยื่นฎีกา เจ้าพนักงานกองหมายนำหมายนัดและสำเนาฎีกาส่งแก่โจทก์แต่ส่งไม่ได้ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า"ให้จำเลยทราบและจะจัดการอย่างไร" ทนายจำเลยได้ทราบคำสั่งศาลชั้นต้นลงวันที่ 10 มกราคม 2494 และจนถึงวันที่29 มกราคม 2494 ก็มิได้แถลงให้ศาลทราบ จนศาลชั้นต้นส่งสำนวนมาศาลฎีกา พฤติการณ์ดังกล่าวถือว่าเป็นการทิ้งฟ้องฎีกาตามความในมาตรา 174 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง และให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความตามมาตรา 132 ประกอบมาตรา 247
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1669/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทิ้งฟ้องอุทธรณ์: ศาลมีอำนาจใช้ดุลยพินิจ ไม่จำกัดเฉพาะการจำหน่ายคดี
การทิ้งฟ้องตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 174 นั้น ย่อมนำมาใช้บังคับแก่การทิ้งอุทธรณ์ได้โดยอนุโลม
(อ้างฎีกาที่ 679/2490)
ในกรณีที่โจทก์ทิ้งฟ้องตามมาตรา 174 นั้น ศาลมีอำนาจสั่งจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความได้ตามมาตรา 132 แต่บทมาตรา 132 นี้ไม่ได้บังคับเด็ดขาดว่า ศาลต้องจำหน่ายคดีเป็นแต่ให้ศาลใช้ดุลยพินิจ ถ้าศาลไม่สั่งให้จำหน่ายคดีกรณีก็ต้องชี้ขาดตัดสินไปตามมาตรา 133
(อ้างคำสั่งคำร้องที่ 57/2493)
จำเลยอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น แล้วนำเจ้าพนักงานไปส่งหมายนัดแก้อุทธรณ์ให้โจทก์เกินกำหนด 15 วันไป 1 วันนั้นศาลอาจเห็นว่า เป็นพฤติการณ์ที่ยังไม่สมควรที่จะจำหน่ายคดีของจำเลยได้
(อ้างฎีกาที่ 679/2490)
ในกรณีที่โจทก์ทิ้งฟ้องตามมาตรา 174 นั้น ศาลมีอำนาจสั่งจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความได้ตามมาตรา 132 แต่บทมาตรา 132 นี้ไม่ได้บังคับเด็ดขาดว่า ศาลต้องจำหน่ายคดีเป็นแต่ให้ศาลใช้ดุลยพินิจ ถ้าศาลไม่สั่งให้จำหน่ายคดีกรณีก็ต้องชี้ขาดตัดสินไปตามมาตรา 133
(อ้างคำสั่งคำร้องที่ 57/2493)
จำเลยอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น แล้วนำเจ้าพนักงานไปส่งหมายนัดแก้อุทธรณ์ให้โจทก์เกินกำหนด 15 วันไป 1 วันนั้นศาลอาจเห็นว่า เป็นพฤติการณ์ที่ยังไม่สมควรที่จะจำหน่ายคดีของจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1669/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทิ้งฟ้องอุทธรณ์และการใช้ดุลพินิจของศาลในการจำหน่ายคดี
การทิ้งฟ้องตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174นั้น ย่อมนำมาใช้บังคับแก่การทิ้งอุทธรณ์ได้โดยอนุโลม(อ้างฎีกาที่ 679/2490)
ในกรณีที่โจทก์ทิ้งฟ้องตามมาตรา 174 นั้น ศาลมีอำนาจสั่งจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความได้ตามมาตรา 132 แต่บทมาตรา 132 นี้ไม่ได้บังคับเด็ดขาดว่า ศาลต้องจำหน่ายคดีเป็นแต่ให้ศาลใช้ดุลพินิจ ถ้าศาลไม่สั่งให้จำหน่ายคดีกรณีก็ต้องชี้ขาดตัดสินไปตามมาตรา 133 (อ้างคำสั่งคำร้องที่ 57/2493)
จำเลยอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น แล้วนำเจ้าพนักงานไปส่งหมายนัดแก้อุทธรณ์ให้โจทก์เกินกำหนด 15 วันไป 1 วันนั้น ศาลอาจเห็นว่า เป็นพฤติการณ์ที่ยังไม่สมควรที่จะจำหน่ายคดีของจำเลยได้
ในกรณีที่โจทก์ทิ้งฟ้องตามมาตรา 174 นั้น ศาลมีอำนาจสั่งจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความได้ตามมาตรา 132 แต่บทมาตรา 132 นี้ไม่ได้บังคับเด็ดขาดว่า ศาลต้องจำหน่ายคดีเป็นแต่ให้ศาลใช้ดุลพินิจ ถ้าศาลไม่สั่งให้จำหน่ายคดีกรณีก็ต้องชี้ขาดตัดสินไปตามมาตรา 133 (อ้างคำสั่งคำร้องที่ 57/2493)
จำเลยอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น แล้วนำเจ้าพนักงานไปส่งหมายนัดแก้อุทธรณ์ให้โจทก์เกินกำหนด 15 วันไป 1 วันนั้น ศาลอาจเห็นว่า เป็นพฤติการณ์ที่ยังไม่สมควรที่จะจำหน่ายคดีของจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1487/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยไม่นำส่งสำเนาฎีกาตามกำหนด ถือเป็นการทิ้งฟ้องฎีกา
จำเลยฎีกาแล้วไม่นำส่งสำเนาฎีกาแก่โจทก์ภายในกำหนดที่ศาลสั่ง เป็นการทิ้งฟ้องฎีกาตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 174 ข้อ 2 นั้น ที่จำเลยแถลงว่าทนายจำเลยติดว่าความที่ศาลต่างจังหวัด ไม่ได้มานำส่งสำเนาฎีกาแก่โจทก์นั้น ไม่เป็นเหตุสมควรที่จะผ่อนผันให้ได้ ศาลฎีกาจึงต้องจำหน่ายคดีจากสารบบความศาลฎีกา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1270/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่ส่งสำเนาคำฟ้องอุทธรณ์และผลกระทบต่อการฎีกา: คำสั่งระหว่างพิจารณาต้องห้ามฎีกา
โจทก์อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น แต่ไม่ดำเนินการส่งสำเนาแก่จำเลย ศาลชั้นต้นเห็นว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง (อุทธรณ์) จึงส่งสำนวนไปยังศาลอุทธรณ์มีคำสั่งแต่ศาลอุทธรณ์เห็นว่ายังไม่เข้ากรณีทิ้งฟ้องจึงสั่งให้ศาลชั้นต้นสั่งกำหนดวันให้โจทก์มานำเจ้าพนักงานศาลนำหมายนัดและสำเนาอุทธรณ์เพื่อส่งแก่จำเลย ดังนี้ถือว่าคำสั่งของศาลอุทธรณ์เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาต้องห้ามมิให้ฎีกาตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 247, 226
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1270/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่ส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลย และผลกระทบต่อการฎีกา
โจทก์อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้น แต่ไม่ดำเนินการส่งสำเนาแก่จำเลยศาลชั้นต้นเห็นว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง(อุทธรณ์)จึงส่งสำนวนไปยังศาลอุทธรณ์มีคำสั่งแต่ศาลอุทธรณ์เห็นว่ายังไม่เข้ากรณีทิ้งฟ้อง จึงสั่งให้ศาลชั้นต้นสั่งกำหนดวันให้โจทก์มานำเจ้าพนักงานศาลนำหมายนัดและสำเนาอุทธรณ์เพื่อส่งแก่จำเลย ดังนี้ ถือว่า คำสั่งของศาลอุทธรณ์เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 247,226
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 237/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่นำสืบในคดีเรือชน และการทิ้งฟ้องอุทธรณ์: ศาลฎีกาไม่ย้อนสำนวนหากสืบพยานสิ้นกระแสความแล้ว
(ประมวลแพ่งฯ ละเมิด วิธีพิจารณาความแพ่ง หน้าที่นำสืบ ทิ้งฟ้องอุทธรณ์)
ในเรื่องเรือใบกับเรือกลไฟชนกัน เมื่อเจ้าของเรือใบมาฟ้องเรียกค่าเสียหาย เป็นหน้าที่ของฝ่ายเรือกลไฟจะต้องนำสืบก่อนในข้อที่จะไม่ต้องรับผิด ส่วนจำนวนค่าเสียหายเป็นหน้าที่ของฝ่ายเรือใบจะต้องนำสืบก่อน
ในเรื่องเรือชนกัน เมื่อศาลชั้นต้นกะหน้าที่นำสืบก่อนหลังผิดไป และคู่ความได้นำสืบไปตามนั้นแล้ว แม้ฎีกาของคู่ความที่คัดค้านในข้อนี้ฟังขึ้น ศาลฎีกาก็ไม่ย้อนสำนวนให้สืบพะยานกันใหม่
เพียงแต่ปรากฏว่า ผู้อุทธรณ์ไปนำเจ้าพนักงานส่งสำเนาฟ้องอุทธรณ์ให้แก่อีกฝ่ายหนึ่งเกินกำหนด 15 วันไป 4 วัน นับแต่วันศาลสั่งรับอุทธรณ์นั้น ยังไม่พอถือว่าทิ้งฟ้องอุทธรณ์อันถึงกับจะให้จำหน่ายคดี
ในเรื่องเรือใบกับเรือกลไฟชนกัน เมื่อเจ้าของเรือใบมาฟ้องเรียกค่าเสียหาย เป็นหน้าที่ของฝ่ายเรือกลไฟจะต้องนำสืบก่อนในข้อที่จะไม่ต้องรับผิด ส่วนจำนวนค่าเสียหายเป็นหน้าที่ของฝ่ายเรือใบจะต้องนำสืบก่อน
ในเรื่องเรือชนกัน เมื่อศาลชั้นต้นกะหน้าที่นำสืบก่อนหลังผิดไป และคู่ความได้นำสืบไปตามนั้นแล้ว แม้ฎีกาของคู่ความที่คัดค้านในข้อนี้ฟังขึ้น ศาลฎีกาก็ไม่ย้อนสำนวนให้สืบพะยานกันใหม่
เพียงแต่ปรากฏว่า ผู้อุทธรณ์ไปนำเจ้าพนักงานส่งสำเนาฟ้องอุทธรณ์ให้แก่อีกฝ่ายหนึ่งเกินกำหนด 15 วันไป 4 วัน นับแต่วันศาลสั่งรับอุทธรณ์นั้น ยังไม่พอถือว่าทิ้งฟ้องอุทธรณ์อันถึงกับจะให้จำหน่ายคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 237/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่การนำสืบในคดีเรือชน และการทิ้งฟ้องอุทธรณ์: ศาลฎีกาชี้ขาดประเด็นการนำสืบและการดำเนินการทางกฎหมาย
ในเรื่องเรือใบกับเรือกลไฟชนกัน เมื่อเจ้าของเรือใบมาฟ้องเรียกค่าเสียหาย เป็นหน้าที่ของฝ่ายเรือกลไฟจะต้องนำสืบก่อนในข้อที่จะไม่ต้องรับผิด ส่วนจำนวนค่าเสียหายเป็นหน้าที่ของฝ่ายเรือใบจะต้องนำสืบก่อน
ในเรื่องเรือชนกัน เมื่อศาลชั้นต้นกะหน้าที่นำสืบก่อนหลังผิดไป และคู่ความได้นำสืบไปตามนั้นแล้ว แม้ฎีกาของคู่ความที่คัดค้านในข้อนี้ฟังขึ้น ศาลฎีกาก็ไม่ย้อนสำนวนให้สืบพยานกันใหม่
เพียงแต่ปรากฏว่า ผู้อุทธรณ์ไปนำเจ้าพนักงานส่งสำเนาฟ้องอุทธรณ์ให้แก่อีกฝ่ายหนึ่งเกินกำหนด 15 วันไป 4 วันนับแต่วันศาลสั่งรับอุทธรณ์นั้นยังไม่พอถือว่าทิ้งฟ้องอุทธรณ์อันถึงกับจะให้จำหน่ายคดี
ในเรื่องเรือชนกัน เมื่อศาลชั้นต้นกะหน้าที่นำสืบก่อนหลังผิดไป และคู่ความได้นำสืบไปตามนั้นแล้ว แม้ฎีกาของคู่ความที่คัดค้านในข้อนี้ฟังขึ้น ศาลฎีกาก็ไม่ย้อนสำนวนให้สืบพยานกันใหม่
เพียงแต่ปรากฏว่า ผู้อุทธรณ์ไปนำเจ้าพนักงานส่งสำเนาฟ้องอุทธรณ์ให้แก่อีกฝ่ายหนึ่งเกินกำหนด 15 วันไป 4 วันนับแต่วันศาลสั่งรับอุทธรณ์นั้นยังไม่พอถือว่าทิ้งฟ้องอุทธรณ์อันถึงกับจะให้จำหน่ายคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 679/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทิ้งฟ้องอุทธรณ์เนื่องจากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล และการถือว่าทราบคำสั่งเมื่อจดไว้ในคำคู่ความ
กรณีที่ผู้ยื่นคำคู่ความจดไว้ในคำคู่ความว่าจะรอฟังคำสั่งไม่รอฟัง ให้ถือว่าได้ทราบคำสั่งนั้น แม้ผู้ยื่นคำร้องมิได้ฟังคำสั่งก็ถือว่าได้ทราบคำสั่งแล้ว
เรื่องการทิ้งฟ้องตาม ม.174 ย่อมนำมาใช้บังคับแก่การทิ้งฟ้องอุทธรณ์ได้ โดยอนุโลมผู้อุทธรณ์ไม่มานำส่งสำเนาอุทธรณ์ให้แก่อีกฝ่าย 1 ภายในกำหนด ที่ศาลสั่งย่อมเป็นการทิ้งฟ้องศาลอุทธรณ์ย่อมสั่งจำหน่ายคดี
เรื่องการทิ้งฟ้องตาม ม.174 ย่อมนำมาใช้บังคับแก่การทิ้งฟ้องอุทธรณ์ได้ โดยอนุโลมผู้อุทธรณ์ไม่มานำส่งสำเนาอุทธรณ์ให้แก่อีกฝ่าย 1 ภายในกำหนด ที่ศาลสั่งย่อมเป็นการทิ้งฟ้องศาลอุทธรณ์ย่อมสั่งจำหน่ายคดี