พบผลลัพธ์ทั้งหมด 347 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1111/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญากู้: ข้อความในสัญญาเป็นหลักฐานสำคัญ หากจำเลยอ้างต่างจากสัญญา ต้องมีหลักฐานสนับสนุน
สัญญากู้มีข้อความชัดแจ้งว่าจำเลยได้กู้และได้รับเงินไปครบถ้วนแล้ว จำเลยจะนำสืบว่าความจริงจำเลยมิได้รับเงินไปแต่เป็นเรื่องเช่านาโจทก์ทำโจทก์เกรงจะไม่ได้ค่าเช่า จึงให้จำเลยทำเป็นสัญญากู้เงิน นั้น นำสืบไม่ได้(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 246/2485 และ 799/2493)
การดำเนินคดีในทางแพ่งนั้นเมื่อฝ่ายชนะคดีมิได้แต่งตั้งทนายว่าความ ศาลก็ไม่จำต้องพิพากษาให้ฝ่ายแพ้คดีใช้ค่าทนายแทน
การดำเนินคดีในทางแพ่งนั้นเมื่อฝ่ายชนะคดีมิได้แต่งตั้งทนายว่าความ ศาลก็ไม่จำต้องพิพากษาให้ฝ่ายแพ้คดีใช้ค่าทนายแทน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1103-1104/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจสอบสวนของพนักงานสอบสวนและการยกข้อต่อสู้ที่ไม่ทันต่อศาล รวมถึงค่าธรรมเนียมโจทก์ร่วม
การที่จะฟังว่าพนักงานสอบสวนมีอำนาจสอบสวนหรือไม่นั้นเป็นข้อเท็จจริง ฉะนั้นถ้าจำเลยมิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้หรือให้การปฏิเสธว่าพนักงานสอบสวนนั้นไม่มีอำนาจเช่นนั้นแล้ว จนเมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จแล้วจำเลยจึงกล่าวอ้างขึ้นมา และจำเลย ก็มิได้นำสืบว่า พนักงานสอบสวนมิชอบด้วยอำนาจหน้าที่อย่างไรนั้น ก็ย่อมเป็นคำกล่าวอ้างอันหาสาระมิได้ เพราะการกระทำทั้งหลายย่อมสันนิษฐานว่าเป็นการชอบ เว้นแต่จะได้ความว่าไม่ชอบ
คดีอาญาที่อัยการฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานปล้นทรัพย์และขอให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ด้วยนั้น แม้ผู้เสียหายจะขอเข้าไปเป็นโจทก์ร่วมกับอัยการ ผู้เสียหายก็มิต้องเสียค่าธรรมเนียมสำหรับทุนทรัพย์ที่ขอให้จำเลยคืน
คดีอาญาที่อัยการฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานปล้นทรัพย์และขอให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ด้วยนั้น แม้ผู้เสียหายจะขอเข้าไปเป็นโจทก์ร่วมกับอัยการ ผู้เสียหายก็มิต้องเสียค่าธรรมเนียมสำหรับทุนทรัพย์ที่ขอให้จำเลยคืน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 968/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกข้อต่อสู้เรื่องอำนาจลงนามที่ไม่ชัดเจน และขอบเขตความรับผิดของตัวแทนและผู้ค้ำประกัน
คำให้การของจำเลยที่ตัดฟ้องว่า โจทก์ไม่มีอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมายที่จะลงนามแทนสำนักนายกรัฐมนตรีได้ นั้น ย่อมไม่ทำให้เกิดประเด็นที่ศาลจะต้องยกขึ้นวินิจฉัยเพราะจำเลยหาได้ยกข้อเท็จจริงอย่างใดขึ้นกล่าวอ้างให้เป็นประเด็นเพื่อให้ศาลได้วินิจฉัยไม่ว่าด้วยเหตุใด หรือเนื่องด้วยพฤติการณ์อย่างใดโจทก์จึงไม่มีอำนาจ และการไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้นคือบทกฎหมายบทใดข้อใด แม้ข้อเท็จจริงบางอย่างศาลรังรู้ได้เอง แต่คู่ความจะต้องกล่าวอ้างข้อเท็จจริงนั้นให้เป็นประเด็นขึ้นมาในคดี แม้แต่ข้อกฎหมายที่จะยกขึ้นต่อสู้ ก็จะต้องกล่าวอ้างเช่าเดียวกัน
ภรรยากระทำการไปในฐานะเป็นตัวแทนของสามี ภรรบาจึงไม่ต้องรับผิดในหนี้สินอันเกิดจากการที่กระทำไปตามหน้าที่ตัวแทนหรือร่วมกับสามีเป็นตัวการ
ทำสัญญาค้ำประกันให้ผู้ขายหากผู้ซื้อละเมิดสัญญาหรือมีหนี้สินประกันยอมรับผิด และชดใช้ค่าเสียหายแทน ไม่เกินวงเงินจำนวนหนึ่ง เมื่อผู้ซื้อไปทำหนี้สินเกินกว่าจำนวนเงินที่คำประกันไว้ ผู้ค้ำประกันก็คงรับผิด ไม่เกินกว่าเงินที่ค้ำประกันไว้
ภรรยากระทำการไปในฐานะเป็นตัวแทนของสามี ภรรบาจึงไม่ต้องรับผิดในหนี้สินอันเกิดจากการที่กระทำไปตามหน้าที่ตัวแทนหรือร่วมกับสามีเป็นตัวการ
ทำสัญญาค้ำประกันให้ผู้ขายหากผู้ซื้อละเมิดสัญญาหรือมีหนี้สินประกันยอมรับผิด และชดใช้ค่าเสียหายแทน ไม่เกินวงเงินจำนวนหนึ่ง เมื่อผู้ซื้อไปทำหนี้สินเกินกว่าจำนวนเงินที่คำประกันไว้ ผู้ค้ำประกันก็คงรับผิด ไม่เกินกว่าเงินที่ค้ำประกันไว้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 945/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปฏิเสธข้อเท็จจริงเรื่องสถานะนิติบุคคลในคำให้การ ถือเป็นประเด็นที่โจทก์ต้องนำสืบ
ฟ้องของโจทก์ระบุมาแจ้งชัดว่าโจทก์เป็นนิติบุคคล จำเลยกล่าวในคำให้การว่า โจทก์จะเป็นนิติบุคคลหรือไม่จำเลยไม่รู้ และไม่รับรอง ดังนี้ ถือว่าคำให้การดังกล่าวนี้ ไม่ใช่เป็นคำให้การปฏิเสธว่าโจทก์ไม่ใช่เป็นนิติบุคคล จึงย่อมถือว่าไม่มีข้อต่อสู้ในคำให้การของจำเลย อันเป็นประเด็นที่โจทก์จะต้องนำสืบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 760/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกข้อไม่มีอำนาจฟ้องต้องยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ตามกฎหมาย หากมิได้ยกขึ้น ศาลไม่ต้องวินิจฉัยเอง
โจทก์ฟ้องคดีโดยว่าเป็นหญิงหม้าย จำเลยมิได้ให้การหรือดำเนินการตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 56 โดยว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง โดยเป็นหญิงมีสามี ฉะนั้นคดีจึงไม่มีประเด็นในข้อนี้ แม้จะมีพยานเบิกความถึง ก็เป็นเรื่องนอกประเด็นไม่เป็นข้อเท็จจริงที่ศาลจะพึงรับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 760/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องหญิงหม้าย - การไม่ยกข้อต่อสู้เรื่องสถานภาพ
โจทก์ฟ้องคดีโดยว่าเป็นหญิงหม้าย จำเลยมิได้ให้การหรือดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 56 เลยว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง โดยเป็นหญิงมีสามี ฉะนั้นคดีจึงไม่มีประเด็นในข้อนี้ แม้จะมีพยานเบิกความถึง ก็เป็นเรื่องนอกประเด็นไม่เป็นข้อเท็จจริงที่ศาลจะพึงรับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 252/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความมรดก 1 ปี หากไม่มีการยกข้อต่อสู้ ศาลมิอาจยกอายุความขึ้นอ้างเป็นเหตุยกฟ้องได้
เรื่องอายุความมรดก 1 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่ง ฯ มาตรา 1754 นั้นเมื่อไม่มีฝ่ายใดได้ยกอายุความขึ้นเป็นข้อต่อสู้ ศาลจะอ้างเอาอายุความมาเป็นมูลยกฟ้องไม่ได้ตามมาตรา 193
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 252/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความมรดก 1 ปี: ศาลไม่ยกฟ้องเอง แม้ฝ่ายจำเลยไม่ได้ยกข้อต่อสู้
เรื่องอายุความมรดก 1 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1754 นั้นเมื่อไม่มีฝ่ายใดได้ยกอายุความขึ้นเป็นข้อต่อสู้ ศาลจะอ้างเอาอายุความมาเป็นมูลยกฟ้องไม่ได้ตามมาตรา 193
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1000/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการนำสืบพยานเมื่อต่อสู้ว่าสัญญาไม่สมบูรณ์เพราะถูกหลอกลวง
โจทก์ฟ้องจำเลยเรียกเงินกู้ตามสัญญากู้ จำเลยให้การว่าสัญญารายนี้ไม่สมบูรณ์เพราะจำเลยมิได้กู้เอาเงินของโจทก์ไปเลย หากแต่จำเลยถูกหลอกลวงให้พิมพ์ลายมือลงในสัญญา ดังนี้ จำเลยย่อมมีสิทธินำพยานบุคคลเข้าสืบประกอบข้อต่อสู้ของจำเลยได้ ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 961/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแปลงหนี้และโอนสิทธิเรียกร้อง: จำเลยต่อสู้ว่ามีการตกลงแปลงหนี้เดิมเป็นหนี้ใหม่และโอนสิทธิเรียกร้องให้พ่อตาโจทก์
โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้จากจำเลย จำเลยต่อสู้ว่ากู้เงินโจทก์ตามที่ฟ้องจริง แต่ภายหลังยืมข้าวโจทก์มาอีกจำนวนหนึ่ง แล้วตกลงทำสัญญากู้กันใหม่ โดยเอาจำนวนเงินที่กู้เดิมบวกกับราคาข้าวที่ยืมมาลงเงินเป็นจำนวนกู้ในสัญญากู้ใหม่นี้ และในสัญญากู้ใหม่นี้ตกลงกันให้ลงชื่อพ่อตาโจทก์เป็นผู้ให้กู้ จำเลยเป็นผู้กู้ แล้วจำเลยได้ชำระเงินเท่าจำนวนตามสัญญาใหม่ให้แก่พ่อตาโจทก์แล้ว โจทก์กับพ่อตาสมคบกันเอาสัญญากู้ฉบับเก่ามาฟ้องดังนี้เป็นเรื่องต่อสู้ว่าได้ตกลงแปลงหนี้ใหม่และโอนสิทธิเรียกร้องให้พ่อตาโจทก์ซึ่งถ้าเป็นจริงหนี้เดิมก็ระงับสิ้นไปได้จึงต้องให้จำเลยสืบตามข้อต่อสู้