คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ขออนุญาต

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 30 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 299/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าช่วง: การขออนุญาตจากผู้ให้เช่าตามสัญญาใหม่มีผลผูกพันแม้เจ้าของเดิมยินยอมก่อนหน้า
เมื่อฟ้องโจทก์อาศัยสัญญาเช่าที่ทำกันใหม่ซึ่งมีข้อความบ่งชัดว่า'ผู้เช่าช่วงจะต้องได้รับอนุญาตจากผู้ให้เช่าเป็นหนังสือก่อนจึงจะให้เช่าช่วงได้'ดังนี้ แม้เจ้าของที่ดินเดิมจะได้ยินยอมให้จำเลยให้คนอื่นเช่าช่วงห้องของจำเลยที่ปลูกในที่ดินนั้นแล้วที่ดินจึงได้โอนมายังโจทก์ก็ตามจำเลยก็มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามสัญญาใหม่ที่ทำไว้กับโจทก์เมื่อไม่ได้รับอนุญาตในเรื่องเช่าช่วงจึงถือว่าจำเลยผิดสัญญาโจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้
วัตถุประสงค์ของสัญญาดังกล่าวชอบด้วยกฎหมายและไม่เกี่ยวแก่ความสงบเรียบร้อยของประชาชน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2005/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขนย้ายข้าวข้ามเกาะ แม้ในเขตจังหวัดเดียวกัน ต้องขออนุญาตตามกฎหมาย
การขนย้ายข้าวจากพื้นแผ่นดินใหญ่ไปยังเกาะโดยทางทะเลนั้น แม้เกาะนั้น จะเป็นเขตในจังหวัดเดียวกันกับพื้นแผ่นดินใหญ่ในทางปกครองก็ตาม แต่ประกาศคณะกรรมการสำรวจและห้ามกักกันข้าวฉะบับที่ 36 พ.ศ.2490 และฉะบับที่ 51 พ.ศ.2493 ได้กำหนดเขตจังหวัดที่มีอาณาเขตติดต่อกับทะเลว่า ถ้าด้านที่ติดต่อกับทะเลในตอนใด เป็นทางน้ำหรือทะเลให้ถือว่าเขตห้ามขนย้ายข้าวมีกำหนดเพียงชายตลิ่งหรือชายฝั่งเท่านั้น ดังนี้ การขนย้ายข้าวจากพื้นแผ่นดินใหญ่ไปยังเกาะนั้น จึงต้องถือว่าเป็นการขนย้ายข้าวออกนอกเขตห้ามขนย้ายข้าวจะต้องได้รับอนุญาตเสียก่อน มิฉะนั้นย่อมเป็นความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 182/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจะซื้อขายสุรา: โจทก์มีหน้าที่จัดการขออนุญาตก่อน หากไม่จัดการ โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าปรับจากจำเลย
จำเลยทำสัญญากับโจทก์รับจะจัดการนำสุราไปขายยัง 4 จังหวัด ซึ่งเป็นเขตต์ที่โจทก์ได้รับอนุญาตมาให้เป็นผู้ขายส่งสุรา แต่โจทก์ไม่จัดการออกใบขนสุราให้จำเลยและไม่จัดการขออนุญาตตั้งร้านค้าช่วงและผู้รับช่วงจำหน่ายในจังหวัดนั้น ๆให้จำเลย ซึ่งโจทก์เท่านั้นเป็นผู้มีอำนาจขออนุญาต จำเลยจะเป็นผู้ขออนุญาตไม่ได้ จำเลยจึงไม่ได้นำสุราไปขายยังจังหวัดนั้น ๆ เป็นเหตุให้โจทก์ถูกโรงงานปรับดังนี้ เป็นเรื่องโจทก์มิได้จัดการในกรณีที่อยู่ในอำนาจของตัวเพื่อให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาโดยชอบโจทก์ย่อมไม่มีสิทธิฟ้องหาว่าจำเลยทำผิดสัญญาและเรียกให้จำเลยชดใช้ค่าปรับที่โจทก์เสียไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 927/2485 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกู้ยืมเงินแทนผู้เยาว์และการขออนุญาตศาล: ไม่เข้าข่ายต้องขออนุญาตหากไม่ใช่การให้กู้ยืม
ผู้แทนโดยชอบธัมของผู้เยาว์กู้ยืมแทนผู้เยาว์เอาทรัพย์ของผู้เยาว์ไปเปนประกันเงินกู้ไม่จำต้องขออนุญาตต่อสาลดั่งที่บัญญัติไว้ไน ป.พ.พ.ม.1546 เพราะไม่ไช่กรนีที่เอาทรัพย์ของผู้เยาว์ไปไห้กู้ยืม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 414/2485

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเก็บแร่ปริมาณน้อย ไม่ถือเป็นสถานที่เก็บแร่ตามกฎหมาย จึงไม่ต้องขออนุญาต
ร่อนแร่ได้จากในคลองประมาณ 6 ก.ก. แล้วนำมาเก็บไว้ที่บ้านประมาณ 7-8 วัน. ยังไม่พอให้สันนิษฐานว่าเป็นการตั้งสถานที่เก็บแร่ตามความใน พ.ร.บ. จึงไม่ต้องมีการขออนุญาต.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 350/2485

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การผูกพันตามสัญญาจ้างทำนบ: การลงนามโดยผู้จ้างบางส่วนผูกมัดทั้งหมด, ประเด็นการขออนุญาตไม่เกี่ยวข้อง
ฟ้องเรียกค่าจ้างทำทำนบปิดปากห้วยตามสัญญา คู่สัญญาโต้เถียงกันข้อเดียวว่าทำถูกต้องตามสัญญาหรือไม่ และทางการก็มิได้เข้ามาเกี่ยวข้อง ดังนี้ ศาลไม่ควรยกประเด็นเรื่องทำโดยไม่ได้ขออนุญาตมาตัดสิน
ผู้จ้างเพียงบางคนได้ลงชื่อรับมอบการสร้างทำนบ ย่อมผูกมัดผู้จ้างคนอื่นๆ ซึ่งมีชื่อในสัญญาจ้างด้วย
ประชุมใหญ่ครั้งที่ 9/85

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 169/2472

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความเข้าใจผิดทางกฎหมายเป็นเหตุแก้ตัวได้ในการขออนุญาตมีอาวุธปืน
ความเข้าใจผิดโดยสุจริตเพราะเนื่องด้วยข้อความที่บัญญัติไว้ในกฎหมาย เปนเหตุให้แก้ตัวได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 613/2554

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การควบคุมโภคภัณฑ์: คลอโรฟอร์มผสมในของเหลวต้องขออนุญาตขนย้าย แม้ไม่บริสุทธิ์
ตาม พ.ร.ฎ.ควบคุมโภคภัณฑ์ (ฉบับที่ 7) พ.ศ.2522 มาตรา 3 ประกอบกฎกระทรวง ฉบับที่ 13 (พ.ศ.2522) ข้อ 1 ระบุเพียงว่า ให้น้ำยาเคมี คลอโรฟอร์ม เป็นโภคภัณฑ์ที่ถูกควบคุม โดยมิได้ระบุว่าจะต้องเป็นน้ำยาเคมี คลอโรฟอร์มบริสุทธิ์แต่อย่างใด จำเลยขนย้ายของเหลวที่มีน้ำยาเคมี คลอโรฟอร์มผสมอยู่โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย จึงเป็นความผิดตามกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6909/2553

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับวินิจฉัย คดีเกี่ยวกับยาเสพติด ศาลอุทธรณ์พิพากษาเป็นที่สุด จำเลยต้องขออนุญาตฎีกา
โจทก์ฟ้องจำเลยเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2551 ภายหลังที่ พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดียาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2550 มีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2551 แล้ว แม้จำเลยจะกระทำความผิดก่อนที่กฎหมายนี้ใช้บังคับก็ตาม ก็ต้องใช้กฎหมายดังกล่าวบังคับแก่คดีของจำเลยด้วยเพราะบทเฉพาะกาลในมาตรา 24 ที่คงให้ใช้กฎหมายซึ่งใช้อยู่ก่อน บังคับจนกว่าคดีจะถึงที่สุดนั้น เป็นกรณีที่คดีค้างพิจารณาอยู่ในศาล คดีของจำเลยไม่ได้ค้างพิจารณา จึงไม่เข้าข้อยกเว้นตามบทเฉพาะกาล
พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดียาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2550 มาตรา 18 วรรคหนึ่ง บัญญัติให้คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลอุทธรณ์เฉพาะการกระทำซึ่งเป็นความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้เป็นที่สุด และมาตรา 19 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า คู่ความอาจยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้องไปพร้อมกับฎีกาต่อศาลฎีกา เพื่อขอให้พิจารณารับฎีกาไว้วินิจฉัย ซึ่งเท่ากับว่าเมื่อศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาในคดียาเสพติดแล้ว ต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกา เว้นแต่จะได้รับอนุญาตให้ฎีกา เมื่อจำเลยยื่นฎีกาโดยมิได้ยื่นคำร้องขออนุญาตฎีกาต่อศาลฎีกา การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยจึงเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 229/2562

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์คดีอาญา: การปฏิบัติตามขั้นตอนการขออนุญาตอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามกฎหมายเฉพาะ
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงตาม ป.อ. มาตรา 341 (เดิม) ซึ่งมีอัตราโทษอย่างสูงให้จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ จึงต้องห้ามมิให้โจทก์อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง เว้นแต่ผู้พิพากษาคนใดซึ่งพิจารณาหรือลงชื่อในคำพิพากษาหรือทำความเห็นแย้งในศาลชั้นต้นพิเคราะห์แล้วเห็นว่าข้อความที่ตัดสินนั้นเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลอุทธรณ์และอนุญาตให้อุทธรณ์ หรืออธิบดีกรมอัยการหรือพนักงานอัยการซึ่งอธิบดีกรมอัยการได้มอบหมายลงลายมือชื่อรับรองในอุทธรณ์ว่ามีเหตุอันควรที่ศาลอุทธรณ์จะได้วินิจฉัย ตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499 มาตรา 22 และมาตรา 22 ทวิ ซึ่งขั้นตอนในการที่จะปฏิบัติตามข้อยกเว้นให้โจทก์อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงได้ดังกล่าวมิได้มีบัญญัติวางหลักเกณฑ์ไว้โดยเฉพาะใน พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499 จึงต้องนำบทบัญญัติแห่ง ป.วิ.พ. มาตรา 224 วรรคท้าย มาใช้บังคับโดยอนุโลมตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499 มาตรา 4 กล่าวคือ โจทก์ต้องยื่นคำร้องพร้อมกับคำฟ้องอุทธรณ์ต่อศาลชั้นต้นขอให้ผู้พิพากษาคนใดซึ่งพิจารณาหรือลงชื่อในคำพิพากษา หรือทำความเห็นแย้งในศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงได้ แต่โจทก์ยื่นคำขออนุญาตยื่นอุทธรณ์โดยระบุเพียงว่าขอศาลได้โปรดอนุญาตให้อุทธรณ์ โดยโจทก์ไม่ได้ระบุว่าจะขอให้ผู้พิพากษาคนใดเป็นผู้พิจารณาอนุญาตให้อุทธรณ์ คำร้องของโจทก์ดังกล่าวมิได้ปฏิบัติตาม ป.วิ.พ. มาตรา 224 วรรคท้าย ประกอบ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499 มาตรา 4 จึงถือว่าคดีไม่มีการอนุญาตหรือรับรองให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง การที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์นั้นชอบแล้ว
of 3