คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ความเชื่อมโยง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 46 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3434/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาค่าทดแทนกรณีลูกจ้างถูกฆ่าตายก่อนเริ่มทำงาน และการพิสูจน์ความเชื่อมโยงกับการทำงาน
ผู้ตายเป็นพนักงานของการรถไฟแห่งประเทศไทย มีหน้าที่เป็นพนักงานกำกับการเดินรถ เริ่มปฏิบัติงานตั้งแต่เวลา 00.00นาฬิกาถึง 8.00 นาฬิกา ในวันรุ่งขึ้น วันเกิดเหตุผู้ตาย ไปถึงย่านปล่อยรถเวลา 21 นาฬิกาเศษ เพื่อรอโดยสารรถยนต์ของเพื่อนร่วมงานไปยังหอควบคุมการเดินรถซึ่งอยู่ห่างไปประมาณ 600 เมตร รออยู่จนกระทั่ง 22 นาฬิกาก็ยังไม่มาผู้ตายจึงเดินไปเอง หลังจากนั้นประมาณ 5 นาทีผู้ตายถูกยิงถึงแก่ความตาย ดังนี้ ถือว่าผู้ตายถูกยิงตายก่อนเริ่มลงมือทำงาน ถือไม่ได้ว่าผู้ตายถูกฆ่าตายเนื่องจากการทำงานให้แก่นายจ้างหรือป้องกันรักษาประโยชน์ให้แก่นายจ้าง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2911/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าทดแทนกรณีลูกจ้างถึงแก่ความตายจากการทำงาน ต้องพิสูจน์ความเชื่อมโยงโดยตรงระหว่างงานและโรค/การเจ็บป่วย
โรคหรือการเจ็บป่ายอย่างอื่นที่ทำให้ลูกจ้างถึงแก่ความตาย อันเป็นผลให้นายจ้างต้องจ่ายค่าทดแทน ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง โรคซึ่งเกิดขึ้นเกี่ยวเนื่องกับการทำงาน ฯ ข้อ 22 จะต้องเป็นโรคหรือการเจ็บป่วยที่เกิดขึ้น สืบเนื่องจากการทำงานของลูกจ้างโดยตรง หรืออีกนัยหนึ่งก็คืองานที่ลูกจ้างทำนั้นเป็นมูลให้เกิดโรค หรือการเจ็บป่วยขึ้น และเป็นเหตุให้ลูกจ้างถึงแก่ความตายด้วยโรคและการเจ็บป่วยดังกล่าว ปกติลูกจ้างผู้ตายมีหน้าที่คุมประแจ ทำความสะอาดสถานีรถไฟและแขวนพ่วงทางสะดวก มิใช่เป็นงานที่ก่อให้เกิดโรคหรือการเจ็บป่วยเป็นลมในปัจจุบัน เมื่อปรากฏว่าผู้ตายมิได้ทำงานตรากตรำ แต่ทำงานทุกวันโดยไม่มีวันหยุด และถึงแก่ความตายทันทีทันใดที่ปฏิบัติหน้าที่ และกำลังปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ยังถือไม่ได้ว่าผู้ตายถึงแก่ความตายด้วยโรคหรือการเจ็บป่วย ซึ่งเป็นผลเนื่องจากการทำงาน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2911/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าทดแทนกรณีลูกจ้างเสียชีวิตจากการทำงาน ต้องพิสูจน์ความเชื่อมโยงโดยตรงระหว่างงานและโรคที่เป็นเหตุ
โรคหรือการเจ็บป่วยอย่างอื่นที่ทำให้ลูกจ้างถึงแก่ ความตาย อันเป็นผลให้นายจ้างต้องจ่ายค่าทดแทนตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องโรคซึ่งเกิดขึ้นเกี่ยวเนื่องกับการทำงานฯ ข้อ 22 จะต้องเป็นโรคหรือการเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นสืบเนื่องจากการทำงานของลูกจ้างโดยตรงหรืออีกนัยหนึ่งก็คืองานที่ลูกจ้างทำนั้นเป็นมูลให้เกิดโรคหรือการเจ็บป่วยขึ้นและเป็นเหตุให้ลูกจ้างถึงแก่ความตายด้วยโรคและการเจ็บป่วยดังกล่าวปกติลูกจ้างผู้ตายมีหน้าที่คุมประแจทำความสะอาดสถานีรถไฟและแขวนห่วงทางสะดวกมิใช่เป็นงานที่ก่อให้เกิดโรคหรือการเจ็บป่วยเป็นลมในปัจจุบันเมื่อปรากฏว่าผู้ตายมิได้ทำงานตรากตรำแต่ทำงานทุกวันโดยไม่มีวันหยุดและถึงแก่ความตายทันทีทันใดที่ปฏิบัติหน้าที่และกำลังปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ยังถือไม่ได้ว่าผู้ตายถึงแก่ความตายด้วยโรคหรือการเจ็บป่วยซึ่งเป็นผลเนื่องจากการทำงาน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1633/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อยกเว้นภาษีเครื่องจักรผลิตซิเมนต์: การพิจารณาความเชื่อมโยงโดยตรงกับการผลิต
เครื่องจักรส่วนประกอบและอุปกรณ์ของเครื่องจักรที่โจทก์นำเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อใช้ในการผลิตซิเมนต์ของโจทก์อันจะได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีการค้าตามประมวลรัษฎากร มาตรา 79ตรี (11) นั้นจะต้องเป็นเครื่องจักรส่วนประกอบและอุปกรณ์ของเครื่องจักรสำหรับใช้ในการผลิตซิเมนต์ เมื่อปรากฏว่ารถแทรกเตอร์และเครื่องรุ่นที่โจทก์นำเข้ามาในราชอาณาจักรใช้สำหรับดันหินที่ระเบิดจากยอดเขาให้ตกลงมาข้างล่างเพื่อขนไปทำซิเมนต์ต่อไป ดังนี้ รถแทรกเตอร์และเครื่องรุ่นดังกล่าวจึงไม่ใช่เครื่องจักรที่ใช้ผลิตซิเมนต์และไม่มีส่วนเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กับเครื่องจักรที่ใช้ผลิตซิเมนต์ ไม่ได้รับยกเว้นภาษีตามมาตราดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 86/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ – การพิจารณาความเชื่อมโยงของข้อกล่าวหา – จำเป็นต้องสืบพยานก่อนวินิจฉัย
คดีก่อนโจทก์ฟ้องจำเลยกล่าวหาว่าเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่มิชอบทุจริตต่อหน้าที่เบียดบังยักยอกเงินศาสนสมบัติจากอำเภอไชยา และอำเภอพระแสงหลายครั้งรวมเป็นเงิน 52,922 บาท 55 สตางค์ ศาลพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยคดีถึงที่สุดไปแล้วส่วนคดีนี้โจทก์ฟ้องกล่าวหาจำเลยว่าทุจริตเบียดบังเงินศาสนสมบัติสำหรับซ่อมแซมพระอุโบสถวัดน้ำหัก อำเภอคีรีรัฐนิคม จังหวัดเดียวกันไปเป็นจำนวน 30,000 บาท แม้ว่าเหตุในคดีนี้จะเกิดอยู่ในช่วงระยะเวลาของคดีก่อน สถานที่เกิดเหตุอยู่ที่เดียวกันและเงินที่จำเลยทุจริตเบียดบังเอาไปนั้นเป็นเงินประเภทเดียวกันก็ตาม แต่ตามคำบรรยายฟ้องยังไม่ชี้ชัดลงไปว่าเงินจำนวน 30,000 บาท ที่โจทก์หาว่าจำเลยเบียดบังในคดีนี้เป็นจำนวนเดียวกันรวมอยู่ในคดีก่อนหรือไม่และโจทก์สามารถจะฟ้องรวมมา ในคดีก่อนได้อยู่แล้วหรือไม่ จึงชอบที่จะฟังจากการนำสืบพยานหลักฐานของโจทก์จำเลยเสียก่อน ไม่ควรสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้วพิพากษายกฟ้องโดยอ้างว่าเป็นฟ้องซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 86/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องซ้ำในคดีอาญา: การพิจารณาความเชื่อมโยงของข้อหาและพยานหลักฐานก่อนวินิจฉัย
คดีก่อนโจทก์ฟ้องจำเลยกล่าวหาว่าเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่มิชอบทุจริตต่อหน้าที่เบียดบังยักยอกเงินศาสนสมบัติจากอำเภอไชยา และอำเภอพระแสง หลายครั้งรวมเป็นเงิน 52,922 บาท 55 สตางค์ศาลพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยคดีถึงที่สุดไปแล้วส่วนคดีนี้โจทก์ฟ้องกล่าวหาจำเลยว่าทุจริตเบียดบังเงินศาสนสมบัติสำหรับซ่อมแซมพระอุโบสถวัดน้ำหัก อำเภอคีรีรัฐนิคม จังหวัดเดียวกันไปเป็นจำนวน30,000 บาท แม้ว่าเหตุในคดีนี้จะเกิดอยู่ในช่วงระยะเวลาของคดีก่อนสถานที่เกิดเหตุอยู่ที่เดียวกันและเงินที่จำเลยทุจริตเบียดบังเอาไปนั้นเป็นเงินประเภทเดียวกันก็ตาม แต่ตามคำบรรยายฟ้องยังไม่ชี้ชัดลงไปว่าเงินจำนวน 30,000 บาท ที่โจทก์หาว่าจำเลยเบียดบังในคดีนี้ เป็นจำนวนเดียวกันรวมอยู่ในคดีก่อนหรือไม่ และโจทก์สามารถจะฟ้องรวมมาในคดีก่อนได้อยู่แล้วหรือไม่จึงชอบที่จะฟังจากการนำสืบพยานหลักฐานของโจทก์จำเลยเสียก่อน ไม่ควรสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้วพิพากษายกฟ้องโดยอ้างว่าเป็นฟ้องซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2437/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบของกลางเมื่อจำเลยไม่มีความผิด: หลักการความเชื่อมโยงระหว่างความผิดและการลงโทษ
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกร่วมกันใช้ไม้ตีทำร้าย ผู้เสียหาย ขอให้ลงโทษและริบไม้ของกลาง เมื่อการริบทรัพย์สินเป็นโทษอย่างหนึ่ง และคดีฟังไม่ได้ว่าจำเลยนี้กระทำความผิด แม้ไม้ของกลางจะเป็นทรัพย์สินที่ผู้อื่นใช้ในการกระทำผิด ก็จะพิพากษาให้ริบในคดีนี้ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 403/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย ศาลพิจารณาความเชื่อมโยงของการกระทำและผลที่เกิดขึ้น
ศาลชั้นต้นลงโทษฐานทำให้ผู้อื่นตายโดยไม่มีเจตนาฆ่าตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 จำคุก 4 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นทำร้ายผู้อื่นตาม มาตรา 295 จำคุก 2 เดือน เป็นการแก้ไขมากไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 895/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานทำร้ายร่างกาย: การประเมินความเชื่อมโยงระหว่างการกระทำและการบาดเจ็บ
จำเลยเอาก้อนอิฐขว้างปาผู้เสียหาย ผู้เสียหายหลบ ก้อนอิฐไม่ถูกตัวผู้เสียหายแต่ผู้เสียหายเซไป มือจึงฟาดถูกข้างเรือ ทำให้ปลายมือบวมยาว 4 เซนติเมตร กว้าง 2 เซนติเมตร และเจ็บที่บริเวณศีรษะ แต่ไม่มีบาดแผล ถือได้ว่าอันตรายแก่กายนี้เนื่องจากการกระทำของจำเลย จำเลยจึงมีผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 115/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาความรับผิดของจำเลยที่ 3 ในคดีร่วมกันยักยอกทรัพย์: การวินิจฉัยข้อเท็จจริงและความเชื่อมโยงกับจำเลยอื่น
ศาลชั้นต้นเห็นว่า โจทก์ไม่มีพยานหลักฐานนำสืบพาดพิงว่าจำเลยที่ 3 ได้เกี่ยวข้องกับการยักยอกตั๋วสัญญาใช้เงินที่โจทก์ฟ้องดังนี้ เท่ากับฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 3 ไม่ได้กระทำการตามที่โจทก์ฟ้อง มิได้ฟังว่าจำเลยที่3 กระทำการตามที่โจทก์ฟ้องแล้วแต่เห็นว่าการกระทำนั้นไม่เป็นผิดกฎหมายดังนั้น อุทธรณ์ของโจทก์ที่ว่าศาลชั้นต้นก็ได้สั่งว่าคดีมีมูลสำหรับจำเลยที่ 1-2 ฉะนั้นมูลคดีที่โจทก์กล่าวหาในฟ้องเป็นฐานความผิดเดียวกันการกระทำของจำเลยทั้ง 3 เป็นกรณีเดียวกันซึ่งเข้าข้อกฎหมายเข้าในเหตุลักษณะคดีคดีของโจทก์ต้องมีมูลทั้ง 3 คนนั้น จึงเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง
ข้อที่ว่าตั๋วสัญญาใช้เงินไม่ใช่ตั๋วใช้เงินธรรมดาแต่เป็นตั๋วมีเงื่อนไขให้หักเงินค่าจ้างจากผลงานชดใช้เงินตามตั๋วได้ซึ่งจำเลยก็ทราบดี เป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง
ข้อที่ว่า เท่าที่โจทก์นำพยานบุคคลและพยานเอกสารเข้าสืบต่อศาล พอฟังได้ว่าในชั้นไต่สวนมูลฟ้องว่าคดีโจทก์มีมูล ก็เป็นการเถียงข้อเท็จจริง
of 5