คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ปรปักษ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 62 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2693/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองที่ดินโดยหวังผลภายหลังพินัยกรรม: ไม่ถือเป็นการครอบครองปรปักษ์
โจทก์ทราบเรื่องที่ ป.ทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินรวมทั้งที่ดินพิพาทให้แก่ตน และรู้ด้วยว่าที่ดินพิพาทจะตกเป็นของตนเมื่อ ป.ตายแล้ว การเข้าครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าวโจทก์ก็ต้องมีเจตนามุ่งหวังว่าจะได้ที่ดินนั้นเมื่อ ป. ตายแล้วเช่นกัน ดังนี้ขณะ ป.ยังไม่ตาย จะถือว่าโจทก์ครอบครองอย่างเป็นเจ้าของหรือครอบครองปรปักษ์เพื่อแย่งเอากรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทไม่ได้ ต้องฟังเป็นเรื่องครอบครองแทน ป.เท่านั้น และในกรณีเช่นนี้โจทก์จะครอบครองเป็นเวลานานเท่าใดก็ไม่ทำให้โจทก์ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินนั้นโดยการครอบครองตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 723/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภารจำยอมโดยอายุความ: การใช้ทางเดินโดยสิทธิอาศัยไม่ใช่การครอบครองปรปักษ์
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์รับโอนที่ดินมาจากเจ้าของเดิมซึ่งได้ใช้ทางเดินผ่านที่ดินของจำเลยออกสู่ถนนสาธารณะมาราว 40ปี จนได้ภารจำยอมแล้วจึงขายให้โจทก์ ต่อมาจำเลยปิดทางภาระยอมนั้นเสีย จึงขอให้ศาลบังคับให้จำเลยเปิดได้ความว่าเดิมที่ดินแปลงของจำเลยกับแปลงของโจทก์เป็นที่ดินมรดกแปลงเดียวกัน เมื่อได้รับมรดกมาแล้วทายาทได้แบ่งโฉนดกันที่แปลงของโจทก์อยู่ข้างใน ส่วนแปลงของจำเลยอยู่ติดถนนสาธารณะมีบ้านมรดกอยู่ในที่ดินแปลงของจำเลยหนึ่งหลัง เจ้าของที่ดินเดิมแปลงของโจทก์ได้อาศัยอยู่ในบ้านมรดกหลังนี้ตลอดมา เพิ่งออกไปตอนขายที่ดินให้โจทก์แล้ว ดังนี้ การที่เจ้าของที่ดินเดิมอยู่ในบ้านมรดกนั้นเป็นการอยู่โดยใช้สิทธิอาศัยที่ดินจำเลยฉะนั้น การเดินเข้าออกสู่ถนนสาธารณะย่อมเป็นการเดินโดยใช้สิทธิอาศัยจำเลย ไม่ใช่โดยปรปักษ์แม้จะใช้เดิน ติดต่อกันมาถึง 40 ปี ก็ไม่ได้ภาระจำยอมโดยอายุความโจทก์เองเพิ่งใช้ทางเดินผ่านที่ดินแปลงของจำเลยเมื่อได้รับโอนมายังไม่ถึงสิบปี ที่ดินแปลงของจำเลยจึงยังไม่ตกเป็นภารจำยอมแก่ที่ดินแปลงของโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2782/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความครอบครองปรปักษ์และการขัดขวางการครอบครองชั่วคราว
ฟ้องโจทก์บรรยายข้อความพอที่จำเลยจะเข้าใจข้อหาและต่อสู้คดีได้ถูกต้อง แม้จะไม่แสดงรูปแผนที่สังเขปของที่พิพาทแนบท้ายฟ้องไว้ตามคำให้การของจำเลยก็ไม่ปรากฏว่าหลงข้อต่อสู้ จึงไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
จำเลยเข้าแย่งการครอบครองที่ดินตาม ส.ค.1 ของโจทก์ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2519 โจทก์ฟ้องคดีเมื่อเดือนมีนาคม 2521 เกินกำหนดหนึ่งปี จึงเสียสิทธิที่จะเอาคืนซึ่งการครอบครองแม้จะปรากฏว่าในฤดูทำนา ปี พ.ศ.2519 เกิดน้ำท่วมข้าวเสียหายจนฤดูทำนาปี พ.ศ.2520 จำเลยจึงกลับเข้าทำนาใหม่ ต้องถือว่าเป็นเหตุอันมีสภาพเป็นเหตุชั่วคราวมาขัดขวาง มิให้จำเลยยึดถือที่พิพาท การครอบครองของจำเลยไม่สิ้นสุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1377 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 839/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความครอบครองปรปักษ์: ฟ้องคดีเกิน 10 ปี นับจากเจ้ามรดกถึงแก่กรรม และไม่มีการครอบครอง
โจทก์ฟ้องคดีเมื่อพ้นกำหนด 10 ปี นับแต่เจ้ามรดกถึงแก่กรรมโดยโจทก์ไม่เคยเข้าครอบครองที่พิพาทด้วยตนเองและไม่มีพยานหลักฐานว่าจำเลยครอบครองที่พิพาทแทนโจทก์คดีโจทก์ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 วรรคสุดท้ายจึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยว่าโจทก์ได้รู้หรือควรรู้ถึงความตายของเจ้ามรดกเมื่อไร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1992/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองที่ดินร่วมกันโดยมิได้ครอบครองโดยปรปักษ์ และการแบ่งมรดก
โจทก์และจำเลยทั้งเก้าเป็นญาติพี่น้องกัน มีชื่อในโฉนดเป็นเจ้าของร่วมกันโดยได้รับมรดกมา แล้วต่างก็ครอบครองทำกินกันมาเกิน 10 ปี เมื่อมีการขายที่ดินบางส่วนให้แก่กระทรวงการคลังเพื่อ ประโยชน์ของกรมชลประทานโจทก์จำเลยทุกคนก็ได้รับเงินค่าขายที่ดิน เห็นได้ว่าโจทก์จำเลยต่างครอบครองที่พิพาทร่วมกัน ไม่ใช่เป็นการครอบครองโดยปรปักษ์ แม้ครอบครองมาเกิน 10 ปีก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ตามส่วนที่ครอบครอง ต้องแบ่งที่ดินกันตามส่วนที่แต่ละคนมีสิทธิได้รับมรดกมา
จำเลยทั้งเก้าไม่ได้โต้แย้งสิทธิของโจทก์ในฐานะเป็นผู้รับมรดกที่ดินพิพาท เมื่อต่างครอบครองที่พิพาทร่วมกันมาเช่นนี้ ฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1073/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภารจำยอมโดยการใช้ปรปักษ์: อายุความเริ่มต้นเมื่อถูกขัดขวาง
โจทก์ใช้สะพานทางเดินพิพาทโดยปรปักษ์ต่อจำเลยตั้งแต่พ.ศ.2502 อายุความได้สิทธิในภารจำยอมของโจทก์ต้องเริ่มต้นนับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมานับถึงวันที่จำเลยทำรั้วปิดกั้นสะพานทางเดินพิพาทเมื่อพ.ศ.2519 จึงเกินกว่าสิบปีแล้วที่ดินอันเป็นที่ตั้งสะพานทางเดินพิพาทพร้อมสะพานจึงตกอยู่ในภารจำยอมเพื่อประโยชน์แก่ที่ดินส่วนที่เหลือซึ่งโจทก์เป็นเจ้าของรวมจำเลยจะทำรั้วปิดกั้นหรือจะรื้อทำลายสะพานทางเดินหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2686/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเดินทาง (ภารจำยอม/ทางจำเป็น) เมื่อที่ดินถูกแบ่งแยกและไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะ การใช้สิทธิโดยปรปักษ์
ที่ดินของโจทก์ซึ่งผู้ซื้อคนก่อนและโจทก์ไม่เคยเข้าอยู่หรือเกี่ยวข้องทำประโยชน์และไม่เคยใช้ทางพิพาทเดินผ่านเข้าออกที่ดินดังกล่าว ดังนี้ โจทก์จะอ้างว่าทางพิพาทตกเป็นภารจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์โดยอายุความหาได้ไม่ เพราะการจะได้ภารจำยอมโดยเหตุดังกล่าวจะต้องเป็นการใช้สิทธิโดยปรปักษ์เดินผ่านทางพิพาทเข้าออกที่ดินของโจทก์ติดต่อกันเป็นเวลา 10 ปีแล้ว และเหตุเพียงแต่ว่าที่ดินของโจทก์ได้แบ่งแยกจากทางพิพาทมาเกินกว่า 10 ปี ก็หาใช่เป็นการใช้สิทธิโดยปรปักษ์อันจะทำให้เกิดภารจำยอมโดยอายุความไม่
ที่ดินโจทก์ตกอยู่ในที่ล้อมโดยรอบ โจทก์มีความจำเป็นจะต้องมีทางออกสู่ทางสาธารณะ แต่ที่ดินของโจทก์นี้แบ่งแยกออกมาจากที่ดินซึ่งอยู่ติดกับทางสาธารณะ จึงเป็นกรณีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1350 ที่ให้โจทก์มีสิทธิเรียกร้องเอาทางเดินจากที่ดินแปลงที่ได้แบ่งแยกได้โจทก์จะเอาทางเดินจากที่ดินแปลงอื่นหาได้ไม่ และเมื่อกรณีต้องด้วยมาตรา 1350 ก็จะนำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1349 มาปรับแก่คดีของโจทก์ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1653/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแย่งการครอบครองที่ดินมือเปล่า และการได้มาซึ่งสิทธิโดยอายุความครอบครอง (ปรปักษ์)
เมื่อโจทก์เข้าแย่งการครอบครองที่ดินมือเปล่าของจำเลยไว้เพื่อตนเอง แสดงว่าโจทก์ได้ตั้งเป็นปกปักษ์แก่จำเลยและยึดถือที่พิพาทเป็นของโจทก์มาแต่นั้นแล้วการแย่งการครอบครอง จะเป็นไปโดยความสงบเปิดเผยหรือไม่มีสำคัญ สำคัญอยู่ที่ว่ามีเจตนาเป็นเจ้าของ เมื่อโจทก์แย่งการครอบครองมาเกินกว่า 1 ปี จำเลยย่อมหมดสิทธิที่จะเอาคืนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 การที่จำเลยไปแจ้งความต่อตำรวจหาว่าโจทก์บุกรุกและยื่นคำร้องขอออกโฉนดที่พิพาท หาทำให้การครอบครองของโจทก์สะดุดหยุดลงไม่ เพราะจำเลยไม่ได้ฟ้องต่อศาลภายใน 1 ปี นับแต่เวลาถูกแย่งการครอบครอง
โจทก์บรรยายฟ้องอ้างว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ โจทก์มีสิทธิครอบครองดีกว่าจำเลย ศาลยกอายุความครอบครอบด้วยอำนาจปกปักษ์เหนือที่พิพาทของโจทก์ขึ้นวินิจฉัยได้ไม่เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 525/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีครอบครองปรปักษ์: การรบกวนการครอบครอง และข้อพิพาทเรื่องสาธารณสมบัติ
โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองที่พิพาท โดยโจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 2 นำป้ายไปปักในที่ดินของโจทก์ และอ้างว่าเป็นที่สาธารณะตะกาดวังหินของจำเลยที่ 1 ขอให้ศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์โดยการครอบครอง ห้ามจำเลยเข้าเกี่ยวข้องดังนี้ จึงเห็นได้ว่าโจทก์เป็นผู้ยึดถือครอบครองที่พิพาท แต่เมื่อถูกจำเลยรบกวนสิทธิของโจทก์ในฐานะผู้ยึดถือครอบครองอยู่ และจำเลยก็ได้แย้งสิทธิในทรัพย์พิพาทว่าเป็นที่สาธารณะ ถือว่าโจทก์จำเลยมีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นในทรัพย์นั้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 แล้ว โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องห้ามจำเลยเข้าเกี่ยวข้องในที่พิพาทได้ หาใช่เป็เรื่องโจทก์ฟ้องขอให้ศาลแสดงว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองที่พิพาท โดยโจทก์ไม่มีสิทธิที่จะขอให้ศาลพิพากษาตามคำขอท้ายฟ้องไม่
แม้โจทก์ไม่ได้แจ้งการครอบครองที่พิพาทภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดซึ่งตามพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 มาตรา 5 บัญญัติให้ถือว่าโจทก์มีเจตนาสละสิทธิครอบครองก็ดี ก็เป็นเรื่องของรัฐที่จะว่ากล่าวกับผู้ยึดถือครอบครองที่ดินนั้นเองแต่คดีนี้เป็นกรณีที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ในฐานะเทศบาลตำบลชะอำ และจำเลยที่ 2 ในฐานะส่วนตัว ที่เข้ามารบกวนสิทธิของโจทก์ในฐานะผู้ยึดถือครอบครองอยู่ โจทก์หาได้พิพาทกับรัฐโดยตรงไม่ และเมื่อข้อเท็จจริงยังไม่ปรากฏว่าที่พิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินหรือไม่ ถ้าไม่เป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินจำเลยก็ไม่มีสิทธิเข้าไปเกี่ยวข้อง หรือถ้าเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภทพลเมืองใช้ร่วมกัน ก็อาจอยู่ในอำนาจหน้าที่ของนายอำเภอ เป็นผู้ดูแลจัดการคุ้มครองป้องกันก็ได้ หาใช่อำนาจหน้าที่ของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเทศบาลตำบลไม่ ดังนั้นศาลจะพิพากษายกฟ้องโดยเห็นว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง และไม่ได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงดังกล่าวหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3341/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้ทางภารจำยอมต้องมีลักษณะเป็นการใช้สิทธิโดยปรปักษ์อย่างเปิดเผยต่อเนื่อง และมีระยะเวลาตามกฎหมาย
ทางที่จำเลยปิดกั้นเป็นทางคันลำกระโดงสวนในที่ดินของจำเลย ซึ่งโจทก์เจ้าของที่ดินอีกแปลงหนึ่งได้ใช้เดินเข้าออกสู่ทางสาธารณะ เป็นเวลาติดต่อกันมาไม่น้อยกว่า 30 ปีก็ตามแต่เมื่อโจทก์เบิกความว่า โจทก์เดินมาโดยถือวิสาสะกันโดยไม่ต้องบอกกล่าวเจ้าของที่ดิน และพยานโจทก์ปากอื่นก็เบิกความว่า ที่โจทก์เดินผ่านก็โดยอาศัยความคุ้นเคยกันดังนี้ โจทก์จะเถียงว่าเป็นการใช้สิทธิโดยปรปักษ์หาได้ไม่ เมื่อจำเลยซื้อที่ดินนั้นมาแล้ว และจำเลยได้ทำทางขึ้นใหม่แม้จะฟังว่าโจทก์ได้ใช้ทางที่จำเลยทำขึ้นใหม่นี้โดยปรปักษ์ แต่นับถึงวันฟ้องยังไม่ถึง 10 ปี ทางพิพาทจึงไม่ตกเป็นภารจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์
of 7