พบผลลัพธ์ทั้งหมด 44 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3892/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมอบอำนาจฟ้องคดี: พยานเบิกความยืนยันหนังสือมอบอำนาจเพียงพอต่อการรับฟัง
เมื่อผู้รับมอบอำนาจให้ฟ้องคดีเบิกความยืนยันว่าหนังสือมอบอำนาจมีลายมือชื่อผู้มีอำนาจลงชื่อแทนและประทับตราสำคัญของนิติบุคคลถูกต้อง แม้ผู้มอบอำนาจมิได้มาเบิกความก็เพียงพอให้รับฟังว่าได้มีการมอบอำนาจกันจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 748/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังคำให้การชั้นสอบสวนในคดีข่มขืน: จำเป็นต้องมีพยานเบิกความต่อศาลเพื่อยืนยันความผิด
ในคดีข่มขืนกระทำชำเรา โจทก์ไม่ได้ตัวผู้เสียหายมาเบิกความ คงมีแต่คำให้การชั้นสอบสวนของผู้เสียหาย ซึ่งจะรับฟังประกอบได้ก็แต่เพียงว่าผู้เสียหายได้ให้การไว้ในชั้นสอบสวนเช่นนั้นจริง แต่ความจริงจะเป็นอย่างไรในชั้นศาลโจทก์จะต้องมีพยานมาเบิกความต่อศาลว่าจำเลยได้กระทำผิดจริงเมื่อชั้นศาลโจทก์ไม่มีพยานมาเบิกความว่าจำเลยได้กระทำผิดโดยข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย เช่นนี้ เพียงแต่คำให้การชั้นสอบสวนจึงยังฟังลงโทษจำเลยไม่ได้ (อ้างฎีกา165/2503)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1355/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร้องสอดคดีหลังพยานเบิกความไปมาก ศาลมีอำนาจพิจารณาเหตุสมควรหรือไม่ เพื่อป้องกันความยุ่งยากในการพิจารณา
ผู้ร้องได้ทราบถึงการที่โจทก์ฟ้องคดีมาตั้งแต่แรก แต่เพิ่งร้องสอดเข้ามาหลังจากโจทก์ฟ้องคดีแล้ว 5 ปีเศษ จนได้มีการสืบพยานโจทก์เสร็จสิ้นไปแล้ว ทั้งได้สืบพยานจำเลยไปแล้วรวม 29 นัด จวนจะเสร็จสิ้นพยานจำเลยอยู่แล้ว จึงไม่สมควรอนุญาตให้ผู้ร้องร้องสอดเข้ามาในคดีนี้ เพราะจะทำให้การดำเนินกระบวนพิจารณาของศาลเพิ่มความยุ่งยากขึ้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2015/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำรับสารภาพชั้นสอบสวนใช้ประกอบพยานแวดล้อมได้ แม้ไม่มีพยานเบิกความต่อศาลโดยตรง
คำให้การชั้นสอบสวนเป็นพยานบอกเล่า จะรับฟังดังคำพยานที่เบิกความต่อศาลไม่ได้ แต่อาจฟังว่าเคยให้การไว้เช่นนั้นเพื่อพิเคราะห์สอดส่องถึงข้อเท็จจริงอย่างเช่นเอกสารทางราชการที่ได้ทำขึ้นจากถ้อยคำของบุคคล(อ้างฎีกาที่ 51/2498)
คดีอาญาเรื่องปล้นทรัพย์ จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธชั้นศาล โจทก์ไม่ได้ตัวผู้เสียหายซึ่งเป็นประจักษ์พยานและพยานรายทางอื่นมาสืบ คงมีคำให้การชั้นสอบสวนที่จำเลยให้การรับสารภาพไว้โดยสมัครใจและนำชี้ที่เกิดเหตุให้ถ่ายภาพไว้กับมีตำรวจผู้จับและพนักงานสอบสวนมาสืบประกอบว่าได้จับกุมจำเลยทั้งสามได้ในที่แห่งเดียวกันและได้สร้อยคอของผู้เสียหายจากจำเลยที่ 2 ทั้งในชั้นสอบสวนผู้เสียหายได้ชี้ตัวจำเลยทั้งสามได้ถูกต้อง ดังนี้ ศาลรับฟังคำรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยทั้งสามประกอบพยานแวดล้อมดังกล่าวลงโทษจำเลยทั้งสามได้
คดีอาญาเรื่องปล้นทรัพย์ จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธชั้นศาล โจทก์ไม่ได้ตัวผู้เสียหายซึ่งเป็นประจักษ์พยานและพยานรายทางอื่นมาสืบ คงมีคำให้การชั้นสอบสวนที่จำเลยให้การรับสารภาพไว้โดยสมัครใจและนำชี้ที่เกิดเหตุให้ถ่ายภาพไว้กับมีตำรวจผู้จับและพนักงานสอบสวนมาสืบประกอบว่าได้จับกุมจำเลยทั้งสามได้ในที่แห่งเดียวกันและได้สร้อยคอของผู้เสียหายจากจำเลยที่ 2 ทั้งในชั้นสอบสวนผู้เสียหายได้ชี้ตัวจำเลยทั้งสามได้ถูกต้อง ดังนี้ ศาลรับฟังคำรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยทั้งสามประกอบพยานแวดล้อมดังกล่าวลงโทษจำเลยทั้งสามได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 280/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความแตกต่างของวันเกิดเหตุตามฟ้องและพยานเบิกความ ถือเป็นสาระสำคัญทำให้ต้องยกฟ้อง
โจทก์ฟ้องว่า เกิดเหตุวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2507 เวลากลางคืนก่อนเที่ยง ซึ่งหมายความว่า เหตุเกิดหลัง 24 น. ของวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2507 ไปแล้ว จนถึง 6.00 น.ของวันที่ 13 ฯ
ทางพิจารณา พยานโจทก์เบิกความว่า เหตุเกิดเวลาใกล้สว่างของวันแรม 15 ค่ำเดือน 3 แต่เดือน 3 เป็นเดือนขาด มีเพียงแรม 14 ค่ำ ฉะนั้น ที่พยานโจทก์เบิกความเช่นนี้ จึงหมายความว่า เหตุเกิดเวลาใกล้สว่างของวันขึ้น 1 ค่ำเดือน 4 ซึ่งตรงกับวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2507 เวลากลางคืนก่อนเที่ยงนั่นเอง
วันเกิดเหตุเป็นสาระสำคัญแห่งคดี เมื่อข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่โจทก์กล่าวในฟ้องดังกล่าวแล้ว ก็ต้องยกฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรค 2 (อ้างฎีกาที่ 967/2501)
ทางพิจารณา พยานโจทก์เบิกความว่า เหตุเกิดเวลาใกล้สว่างของวันแรม 15 ค่ำเดือน 3 แต่เดือน 3 เป็นเดือนขาด มีเพียงแรม 14 ค่ำ ฉะนั้น ที่พยานโจทก์เบิกความเช่นนี้ จึงหมายความว่า เหตุเกิดเวลาใกล้สว่างของวันขึ้น 1 ค่ำเดือน 4 ซึ่งตรงกับวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2507 เวลากลางคืนก่อนเที่ยงนั่นเอง
วันเกิดเหตุเป็นสาระสำคัญแห่งคดี เมื่อข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่โจทก์กล่าวในฟ้องดังกล่าวแล้ว ก็ต้องยกฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรค 2 (อ้างฎีกาที่ 967/2501)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1728/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดูหมิ่นเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ แม้พยานให้การไม่สอดคล้องกัน ศาลฎีกาพิเคราะห์จากคำรับสารภาพของจำเลยและคำเบิกความของพยาน
(1)การที่ผู้ใหญ่บ้านร่วมกับตำรวจไปทำการจับกุมภริยาจำเลยและจำเลย จำเลยกล่าวว่า "เจ้าพนักงานจับกุมไม่เสียใจ ทำไมต้องเอาอ้ายผู้ใหญ่บ้านหัวควยยังงี้มาด้วยละ กูไม่ไว้ใจประเดี๋ยวจะลักของกู มึงออกจากบ้านกูไปเดี๋ยวนี้ มึงล่อลวงประชาชน หากินเล็กหากินน้อยอย่างของกูมึงไม่ได้กินหรอก กูไม่ไว้ใจมึง เดี๋ยวมึงจะเอาของผิดกฎหมายมาใส่ให้กู"นั้น เป็นการดูหมิ่นผู้ใหญ่บ้านซึ่งเป็นเจ้าพนักงานกระทำการตามหน้าที่ (2)แม้เพียงถ้อยคำที่จำเลยรับว่าได้กล่าวว่า "อั๊วไม่ไว้ใจลื้อเดี๋ยวลื้อจะเอาของผิดกฎหมายมาใส่อั๊ว" ก็เป็นการดูหมิ่นเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่อยู่แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 165/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานหลักฐานในคดีอาญา: คำให้การชั้นสอบสวนที่ไม่สามารถใช้ลงโทษจำเลยได้หากไม่มีพยานเบิกความยืนยัน
ในคดีหาว่าข่มขืนกระทำชำเราโจทก์ไม่สามารถจะได้ตัวผู้เสียหายและมารดาผู้เสียหายมาเบิกความ คงมีแต่คำให้การชั้นสอบสวนที่ให้การว่า จำเลยข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย และมีพนักงานสอบสวนมาเบิกความประกอบกับมีคำเบิกความของผู้ใหญ่บ้านผู้รับแจ้งความจากมารดาผู้เสียหายว่า จำเลย กับพวกได้ฉุดคร่าผู้เสียหายไป ดังนี้ ศาลจะรับฟังพยานหลักฐานดังกล่าวมาลงโทษจำเลยไม่ได้ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 95 (2) เพราะคำให้การชั้นสอบสวนจะรับฟังเป็นประกอบได้ ก็แต่เพียงว่าผู้เสียหายและมารดาให้การไว้ในชั้นสอบสวนเช่นนั้นจริง แต่ความจริงจะเป็นอย่างไรแน่ในชั้นศาล โจทก์จะต้องมีพยานมาเบิกความว่า จำเลยได้กระทำผิดจริง เมื่อชั้นศาลโจทก์ไม่มีพยานมาแสดงว่า จำเลยได้ข่มขืนชำเราผู้เสียหาย เช่นนี้ เพียงคำชั้นสอบสวนก็ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้กระทำผิดดังฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 165/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานหลักฐานในคดีข่มขืน จำเป็นต้องมีพยานเบิกความต่อหน้าศาล ไม่สามารถใช้เพียงคำให้การชั้นสอบสวนลงโทษได้
ในคดีหาว่าข่มขืนกระทำชำเราโจทก์ไม่สามารถจะได้ตัวผู้เสียหายและมารดาผู้เสียหายมาเบิกความคงมีแต่คำให้การชั้นสอบสวนที่ให้การว่า จำเลยข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายและมีพนักงานสอบสวนมาเบิกความประกอบกับมีคำเบิกความของผู้ใหญ่บ้านผู้รับแจ้งความจากมารดาผู้เสียหายว่าจำเลยกับพวกได้ฉุดคร่าผู้เสียหายไปดังนี้ ศาลจะรับฟังพยานหลักฐานดังกล่าวมาลงโทษจำเลยไม่ได้ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 95(2)เพราะคำให้การชั้นสอบสวนจะรับฟังประกอบได้ ก็แต่เพียงว่าผู้เสียหายและมารดาให้การไว้ในชั้นสอบสวนเช่นนั้นจริงแต่ความจริงจะเป็นอย่างไรแน่ในชั้นศาล โจทก์จะต้องมีพยานมาเบิกความว่า จำเลยได้กระทำผิดจริง เมื่อชั้นศาลโจทก์ไม่มีพยานมาแสดงว่าจำเลยได้ข่มขืนชำเราผู้เสียหาย เช่นนี้ เพียงคำชั้นสอบสวนก็ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้กระทำผิดดังฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1086/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
น้ำหนักพยานหลักฐาน: คำเบิกความสอดคล้องของพยานสำคัญมีน้ำหนักกว่าความเห็นผู้เชี่ยวชาญด้านลายมือ
ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญการพิสูจน์ลายมืออาจมีน้ำหนักไม่พอจะหักล้างคำประจักษ์พยานหลายปากซึ่งเบิกความสอดคล้องต้องกันได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2084/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาความถูกต้องของวันเกิดเหตุในคดีอาญา และการริบของกลางเมื่อไม่ได้พิสูจน์ความเป็นเจ้าของ
เกี่ยวกับวันเกิดเหตุโจทก์ฟ้องว่าวันขึ้น 2 ค่ำ พยานโจทก์ 2 ปากแรกให้การชั้นศาลว่า วันแรม 2 ค่ำ พยานโจทก์ 2 ปากหลังให้การชั้นศาลว่าวันขึ้น 2 ค่ำแต่ชั้นสอบสวนซึ่งเป็นเวลาหลังเกิดเหตุเพียง 2 วัน พยานโจทก์2 ปากแรกก็ได้ให้การว่าวันขึ้น 2 ค่ำ เมื่อข้อเท็จจริงยังฟังได้ว่าวันเกิดเหตุเป็นวันข้างขึ้นตามฟ้อง วันที่พยานโจทก์ 2 ปากแรกเบิกความชั้นศาลนั้นคลาดเคลื่อนไปดังนี้จะฟังว่าโจทก์ฟ้องผิดวันยังไม่ได้
ในคดีที่ฟ้องว่าจำเลยใช้ปืนยิงคนโดยเจตนานั้น เมื่อฟ้องกล่าวว่าเป็นปืนของผู้มีชื่อขอให้ริบ ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยเอาปืนไปจากนายบ่ายซึ่งเป็นผู้ถือปืนอยู่ นายบ่ายจะได้ปืนมาอย่างใดและจะจดทะเบียนหรือไม่ไม่ปรากฏ เพียงเท่านี้ยังไม่พอจะสั่งให้ริบปืนของกลาง
ในคดีที่ฟ้องว่าจำเลยใช้ปืนยิงคนโดยเจตนานั้น เมื่อฟ้องกล่าวว่าเป็นปืนของผู้มีชื่อขอให้ริบ ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยเอาปืนไปจากนายบ่ายซึ่งเป็นผู้ถือปืนอยู่ นายบ่ายจะได้ปืนมาอย่างใดและจะจดทะเบียนหรือไม่ไม่ปรากฏ เพียงเท่านี้ยังไม่พอจะสั่งให้ริบปืนของกลาง