คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
มิชอบ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 89 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7152/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปฏิบัติหน้าที่มิชอบของเจ้าพนักงาน – การยึดของกลางที่ไม่ถูกต้อง
ส.ต.ต. ส.กับพวกแต่งกายในเครื่องแบบร่วมกันไปจับกุมผู้ลักลอบเล่นการพนันไฮโลว์ ก่อนไปจับกุมได้ไปขอแบ่งรายได้ที่เก็บจากการเล่นการพนันดังกล่าวจาก ก. ก.ปฏิเสธ ส.ต.ต. ส.ก็พูดจาในทำนองข่มขู่ ต่อจากนั้นได้ไปยังบริเวณที่มีการเล่นการพนันกัน เมื่อไปถึง ส.ต.ต. ส.ได้ร้องตะโกนให้พวกเล่นการพนันวิ่งหนีโดยไม่ได้เข้าจับกุมบุคคลเหล่านั้น แต่ได้ยึดเครื่องมือที่ใช้เล่นการพนันและเงินสดโดยไม่ได้ทำบันทึกการยึดของกลางไว้ การกระทำของส.ต.ต. ส.กับพวกหาใช่เป็นการปฏิบัติตามหน้าที่หรือกระทำการตามหน้าที่หรือกระทำการตามหน้าที่ในการเข้าจับกุมผู้ลักลอบเล่นการพนันไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6129/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยินยอมให้ลดค่าธรรมเนียมและภาษีโดยมิชอบ ทำให้ไม่มีสิทธิเรียกร้องเงินคืน
โจทก์รู้เห็นยินยอมให้จำเลยนำเงินไปมอบให้เจ้าพนักงานเพื่อให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการโอนที่ดินและค่าภาษีให้น้อยลงเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนต่อกฎหมายโดยโจทก์รู้อยู่แล้วว่าโจทก์ไม่มีความผูกพันที่จะต้องชำระเงินส่วนที่เหลือจากค่าธรรมเนียมและค่าภาษีการโอนโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกเงินคืนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา407

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7465/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความความเสียหายจากการยึดทรัพย์โดยมิชอบ เริ่มนับแต่วันที่เกิดเหตุ
การที่จำเลยทั้งสองใช้อำนาจตามประมวลรัษฎากร มาตรา 12ประกาศยึดทรัพย์ของโจทก์โดยผิดกฎหมาย เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2532 ทำให้โจทก์ไม่สามารถจดทะเบียนขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างให้แก่ผู้จะซื้อได้ ทำให้เกิดความเสียหายตั้งแต่วันนั้น หาใช่โจทก์เพิ่งจะได้รับความเสียหายในวันที่โจทก์อ้างว่าได้ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้จะซื้อไม่ จึงเริ่มนับอายุความตั้งแต่วันที่ 18 มกราคม2532

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3409/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดินที่มิชอบ โดยการนำค่ารายปีที่ไม่ยุติมาเป็นหลัก และการคำนวณค่ารายปีตามดัชนีราคาผู้บริโภค
ตาม พระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. 2475 มาตรา 18กำหนดให้พนักงานเจ้าหน้าที่นำค่ารายปีของปีที่ล่วงมาแล้วเป็นหลักสำหรับการคำนวณค่าภาษีซึ่งจะต้องเสียในปีต่อมา แต่บทบัญญัติดังกล่าวมิใช่เป็นการบังคับให้ต้องนำมาเป็นหลักเสมอไป เมื่อปรากฏว่าค่ารายปีของปีที่ล่วงมาแล้ว โจทก์และจำเลยยังโต้แย้งกันอยู่ว่าค่ารายปีดังกล่าวชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 1 จึงไม่อาจนำค่ารายปีของปีที่ล่วงมาแล้วซึ่งยังมิได้ยุติมาเป็นหลักในการคำนวณค่ารายปีของปีที่พิพาทได้ การจัดทำดัชนีราคาผู้บริโภคเพื่อเป็นหลักฐานอ้างอิงทางวิชาการได้มีการจัดส่งหลักฐานข้อมูลดังกล่าวให้แก่หน่วยราชการที่เกี่ยวข้องรวมทั้งจำเลยที่ 1 เพื่อใช้เป็นเกณฑ์กำหนดค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินตามกฎหมาย การเปลี่ยนแปลงอัตราค่าเช่าหรือค่ารายปีตามดัชนีราคาผู้บริโภค จึงเป็นอัตราที่มีเหตุผลตามภาวะเศรษฐกิจของประเทศ และจำเลยที่ 1 ก็ทราบแล้ว แม้อัตราค่ารายปีของปี 2522 จะมิใช่ค่ารายปีของปีที่ล่วงมาแล้ว ซึ่งจะเป็นหลักในการคำนวณค่ารายปีสำหรับปีต่อมาก็ตามแต่โจทก์ก็ได้เพิ่มค่ารายปีตามภาวะค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นจากปี 2522 จนถึงปี 2529 เป็นอัตราที่สูงกว่าดัชนีราคาผู้บริโภคที่ทางราชการกำหนด ทั้งไม่สามารถนำค่ารายปีของปีอื่น ๆ มาเป็นหลักคำนวณค่ารายปีพิพาทได้ การคำนวณค่ารายปีสำหรับโรงเรือนและที่ดินคดีนี้ตามอัตราที่โจทก์คำนวณตามฟ้อง จึงเป็นอัตราที่สมควร จำเลยที่ 1 ต้องคืนเงินภาษีที่โจทก์ชำระเกินแก่โจทก์ภายในกำหนด3 เดือน นับแต่วันอ่านคำพิพากษา ถ้าไม่คืนในกำหนดดังกล่าวจึงจะต้องรับผิดชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีตาม พระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. 2475 มาตรา 39 วรรคสอง สำหรับจำเลยที่ 2เป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาดอุทธรณ์ไปตามอำนาจหน้าที่ มิใช่ผู้ที่รับภาษีโรงเรือนและที่ดินที่โจทก์ชำระตามคำวินิจฉัย จำเลยที่ 2 จึงไม่มีหน้าที่คืนเงินภาษีส่วนที่เกินแก่โจทก์ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4846/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานจูงใจเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ แม้ผลสำเร็จยังไม่เกิด ก็ถือเป็นความผิดได้
การที่จำเลยเรียกและรับเงินไปจาก ฉ.เป็นการตอบแทนในการที่จะจูงใจเจ้าพนักงานในตำแหน่งผู้พิพากษาศาลฎีกาโดยวิธีอันทุจริตให้กระทำการในหน้าที่พิพากษาคดีอันเป็นคุณแก่ ฉ.ให้ฉ.ชนะคดีในชั้นศาลฎีกานั้นครบองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 143 แล้ว จำเลยจะได้ไปจูงใจเจ้าพนักงานในตำแหน่งผู้พิพากษาศาลฎีกาให้กระทำการในหน้าที่ให้เป็นคุณแก่ฉ.หรือไม่ หาใช่องค์ประกอบของความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 143 ไม่ ดังนั้น แม้ศาลชั้นต้นจะได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาไปก่อนที่จำเลยจะได้เรียกและรับเงินจากฉ.จำเลยย่อมไม่สามารถจะจูงใจเจ้าพนักงานในตำแหน่งผู้พิพากษาศาลฎีกาให้ปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นคุณแก่ ฉ.ได้ทันก็ตาม ก็ไม่ทำให้การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดเพราะขาดองค์ประกอบความผิดไปแต่อย่างใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 456/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งหมายนัดโดยการปิดหมายที่ภูมิลำเนาคู่ความที่ย้ายที่อยู่แล้ว มิชอบตามกฎหมาย
ทนายโจทก์ได้ย้ายภูมิลำเนาไปแล้วก่อนมีการปิดหมายแจ้ง วันนัดฟังคำพิพากษา แม้จะปิดหมายครบ 15 วันแล้วก็ไม่มีผล ใช้ได้ตามกฎหมายและถือไม่ได้ว่าเป็นการส่งหมายนัดโดยชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4036/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีขายทอดตลาดโดยมิชอบ การแจ้งหมายและการส่งประกาศ
พนักงานเดินหมายปิดประกาศขายทอดตลาดทรัพย์พิพาทยังบ้านที่จำเลยแจ้งย้ายออกไปแล้ว ไม่ใช่เป็นการปิด ณ ภูมิลำเนาหรือสำนักงานทำการงานของจำเลยและเจ้าพนักงานบังคับคดีใช้วิธีการประกาศโฆษณาทางหนังสือพิมพ์แทนการส่งหมายนัดโดยวิธีธรรมดา ทั้ง ๆ ที่การส่งโดยวิธีธรรมดายังทำได้อยู่ ย่อมเป็นการไม่ชอบตาม ป.วิ.พ. มาตรา 79 วรรคแรก ถือได้ว่า จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของทรัพย์พิพาทไม่ทราบประกาศขายทอดตลาด การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีขาย-ทอดตลาดทรัพย์พิพาทไปโดยไม่แจ้งให้ทราบซึ่งคำสั่งศาลและวันขายทอดตลาดแก่จำเลยผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดี จึงเป็นการดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อ ป.วิ.พ.มาตรา 2 6 วรรคสอง และมาตรา 306

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองหุ้นแทนทายาทและการอ้างการครอบครองปรปักษ์ที่มิชอบ
ขณะ ก. มีชีวิตอยู่โจทก์เป็นผู้ครอบครองหุ้นและใบหุ้นแทน ก. เมื่อ ก. ตาย โจทก์มิได้มอบใบหุ้นของ ก. ให้จำเลยซึ่งเป็นทายาท เพื่อนำไปเวนคืนให้บริษัทรับจำเลยลงทะเบียนเป็นผู้ถือหุ้น การที่ศาลมีคำสั่งตั้งโจทก์และจำเลยที่ 1 เป็นผู้จัดการมรดกของ ก. จึงต้องถือว่าโจทก์ครอบครองหุ้นและใบหุ้นไว้แทนทายาทของ ก. ต่อไป แม้ระหว่างเป็นผู้จัดการมรดกโจทก์กับจำเลยที่ 1 ได้ทำบันทึกข้อตกลงแบ่งทรัพย์สินกันว่าให้ทรัพย์สินที่อยู่ในนามของ ก. ตกเป็นของโจทก์ก็ตาม แต่ต่อมาศาลฎีกาพิพากษาว่าบันทึกตกลงแบ่งทรัพย์สินดังกล่าวเป็นโมฆะแล้ว ฉะนั้นการที่โจทก์ยังคงครอบครองหุ้นและใบหุ้นของ ก. ต่อไป ต้องถือว่าครอบครองไว้แทนจำเลยซึ่งเป็นทายาท โจทก์จึงไม่อาจอ้างการครอบครองปรปักษ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 ขึ้นยันจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 834/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้ามตาม ป.วิ.อ. มาตรา 220 กรณีศาลชั้นต้นรับฎีกาโดยมิชอบ
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ คดีโจทก์ต้องห้ามฎีกาตาม ป.วิ.อ. มาตรา 220 ที่แก้ไขเพิ่มเติมแล้ว การที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของโจทก์ จึงมิชอบ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 518/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินภาษีที่มิชอบ กรณีราคาซื้อขายสินค้าไม่มีราคาตลาดเปรียบเทียบ และเจ้าพนักงานประเมินใช้วิธีการคำนวณราคาที่ไม่ถูกต้อง
ของที่โจทก์ขายคือตะกรันซึ่งมีสารแทนทาลัมเพนต๊อกไซด์เจือปนอยู่ และของชนิดนี้ไม่เคยมีใครทำการซื้อขายกันมาก่อนคงมีแต่โจทก์เป็นผู้ขายรายเดียว ในการกำหนดราคาขายของดังกล่าวนั้น เป็นไปตามเงื่อนไขที่ปรากฏในสัญญาซื้อขายซึ่งจำเลยอ้างว่าราคาที่กำหนดตามเงื่อนไขในเอกสารดังกล่าวนั้นเป็นการกำหนดที่ต่ำกว่าความเป็นจริง และผู้ซื้อเป็นบริษัทที่ถือหุ้นอยู่ในบริษัทโจทก์ แต่ข้อเท็จจริงได้ความว่าบริษัทผู้ซื้อสินค้าจากบริษัทโจทก์ไม่ใช่ผู้ถือหุ้นในบริษัทโจทก์ ดังนั้นข้ออ้างของจำเลยที่ว่า โจทก์กำหนดราคาตามสัญญาซื้อขายต่ำตามที่อ้างข้างต้นจึงฟังไม่ได้ จึงนำเหตุนี้มาเป็นข้อพิจารณาว่าราคาที่โจทก์ขายนั้น ต่ำกว่าราคาตลาดโดยไม่มีเหตุอันสมควรตามที่บัญญัติไว้ในประมวลรัษฎากรมาตรา 65 ทวิ (4) ไม่ได้ และของที่โจทก์ขายนั้นไม่มีการซื้อขายกันมาก่อนทั้งไม่มีผู้ขายรายอื่นได้ทำการขายของตามที่โจทก์ขาย กรณีจึงไม่มีราคาของที่มีการขายจริงที่จำเลยจะนำมาพิจารณาเพื่อให้เห็นว่าราคาที่โจทก์ขายนั้นต่ำกว่าราคาตลาดโดยไม่มีเหตุอันสมควร ส่วนที่จำเลยคิดคำนวณราคาของที่โจทก์ขายโดยยึดถือเอาราคาจากตารางราคาในหนังสือเมตัลบุลเลทิน ข่าวเหล็กกล้า และโลหะของโลก อันเป็นราคาต่างประเทศที่ตลาดลอนดอน นั้น ราคาที่กำหนดในหนังสือดังกล่าวนั้นเป็นการคำนวณราคาปริมาณเนื้อแทนทาลัมเพนต๊อกไซด์ในเปอร์เซ็นต์ที่แตกต่างกันกับของที่โจทก์ขาย จำเลยจะใช้วิธีการคำนวณโดยหักค่ากรรมวิธีที่จะให้ได้เปอร์เซ็นต์ของแร่ดังกล่าวเท่ากันและหักค่าขนส่ง ค่าประกันภัยแล้วมาคิดเทียบเคียงกับของที่โจทก์ส่งไปขายนั้น กรรมวิธีในการผลิตที่จะเปลี่ยนสภาพเปอร์เซ็นต์ของเนื้อแทนทาลัมเพนต๊อกไซด์ให้ได้เปอร์เซ็นต์ตามที่ปรากฏในหนังสือดังกล่าวนั้น ก็ไม่ปรากฏว่าสามารถทำได้ในประเทศไทยในขณะที่เกิดกรณีพิพาทจึงไม่อาจจะทราบได้เลยว่า ค่ากรรมวิธีในการผลิตดังกล่าวนี้จะต้องมีค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนเท่าใด การที่จำเลยนำเอาค่ากรรมวิธีในการผลิตมาหาราคาเทียบเคียงกับของที่โจทก์ส่งออกจึงเป็นเรื่องที่เจ้าพนักงานของจำเลยกำหนดขึ้นมาเองโดยไม่ปรากฏว่าเจ้าพนักงานของจำเลยจะมีความรู้ความสามารถหรือเข้าใจกรรมวิธีในการผลิตว่าจะต้องมีวิธีการที่ซับซ้อนเพียงใด ต้องใช้เครื่องมือเครื่องใช้ที่ต้องใช้เทคนิค สูงเพียงใด แล้วเจ้าพนักงานของจำเลยจะรู้ได้อย่างไรว่า ค่ากรรมวิธีในการผลิตนั้นจะเป็นเท่าใด อันจะทำให้สามารถ หาราคาที่เทียบเคียงกันได้ ทั้งราคาที่จะนำมาคำนวณเทียบเคียงตามหนังสือดังกล่าวก็มิใช่ราคาในประเทศไทยที่โจทก์ส่งออกแต่เป็นราคาที่กำหนดซื้อขายกันในตลาดโลกที่ตลาดลอนดอนประเทศอังกฤษ หลักเกณฑ์ที่จำเลยนำมาเพื่อหาราคาตลาดของของที่โจทก์ขายไปจึงนำมาใช้กับกรณีของโจทก์ไม่ได้ เพราะมิใช่ราคาของชนิดเดียวกัน ณ ที่ส่งของออก จึงไม่มีกรณี ที่ทำให้เห็นว่าราคาที่โจทก์ตกลงซื้อขายไปนั้นมิใช่ราคาตลาด และในการที่โจทก์ขายของชนิดนี้ โดยการส่งไปขายนอกราชอาณาจักรนั้น เจ้าพนักงานผู้ตรวจปล่อยสินค้าก็ไม่ได้แจ้งว่าราคาว่าต่ำไปแต่ประการใด ทั้งในการกำหนดราคาขายของโจทก์เพื่อเปรียบเทียบกับราคาของที่กรมทรัพยากรธรณีประกาศสำหรับเสียค่าภาคหลวง ราคาที่โจทก์ขายก็สูงกว่าราคาตลาดตามประกาศของทรัพยากรธรณีหลายเท่า เชื่อได้ว่าราคาที่โจทก์ขายนั้นเป็นราคาในท้องตลาดมิใช่ราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาดโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร ส่วนราคาที่เจ้าพนักงานประเมินกำหนดขึ้นนั้นไม่อาจฟังได้ว่าเป็นราคาตลาดของของที่โจทก์ขายไป
of 9