คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
สิทธิและหน้าที่

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 33 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 322/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนขายที่ดินที่มีสัญญาเช่าเดิม ผู้รับโอนต้องรับสิทธิและหน้าที่ตามสัญญาเช่า
จำเลยที่ 2 เช่าที่พิพาทจากจำเลยที่ 1 ผู้เป็นเจ้าของ ต่อมาโจทก์เช่าช่วงจากจำเลยที่ 2 โดยจำเลยที่ 1 ยินยอม แล้วโจทก์ซื้อที่พิพาทจากจำเลยที่ 1 ในระหว่างที่สัญญาเช่าระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 ยังมีผลบังคับอยู่ แม้จำเลยที่ 1 จะต้องโอนขายที่พิพาทให้โจทก์ แต่โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับโอนจะต้องรับโอนสิทธิและหน้าที่ตามสัญญาเช่าที่จำเลยที่ 1 ผู้โอนได้ทำไว้กับจำเลยที่ 2ผู้เช่าเดิมมาก่อนด้วย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 539และโจทก์ก็รู้ถึงความผูกพันตามสัญญาระหว่างจำเลยทั้งสองอยู่ก่อนแล้วจำเลยที่ 2 จึงยังมีสิทธิในที่พิพาทในฐานะผู้เช่าอยู่ โจทก์จะห้ามจำเลยที่ 2ไม่ให้เกี่ยวข้องในที่พิพาทหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 468/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าและการช่วยเหลือค่าก่อสร้าง: สิทธิและหน้าที่ของผู้รับเหมา ผู้เช่า และเจ้าของที่ดิน
จำเลยเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างตึกแถวในที่ดินของ บ. เมื่อสร้างเสร็จตึกแถวตกเป็นกรรมสิทธิ์ของ บ. จำเลยมีสิทธิเก็บเงินช่วยค่าก่อสร้างจากผู้เช่าโจทก์ทำสัญญาตกลงจะเช่าตึกแถวกับจำเลยต้องช่วยค่าก่อสร้าง 105,000 บาท โจทก์ชำระให้จำเลยแล้ว 100,000 บาท ยังค้างอยู่5,000 บาท เมื่อโจทก์เข้าอยู่ได้ราว 2 ปีแล้วจำเลยได้นำโจทก์ไปพบกับตัวแทนของ บ. เพื่อทำสัญญาเช่าแต่ไม่เป็นที่ตกลงกัน โจทก์จึงไม่ได้ทำสัญญาเช่าเป็นเรื่องของโจทก์ที่ไม่ยอมทำสัญญาเช่าเองโจทก์มิได้ชำระเงินช่วยค่าก่อสร้างอีก 5,000 บาท ให้จำเลยตามข้อสัญญาโดยไม่มีเหตุที่จะอ้างถือได้ว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญากับจำเลยโจทก์จึงไม่มีสิทธิบังคับให้จำเลยจัดการให้โจทก์ได้ทำสัญญาเช่ากับเจ้าของที่ดินหรือเรียกเงินที่ชำระแล้วคืนกับให้ใช้ค่าเสียหายแต่จำเลยก็มีสิทธิเพียงเก็บเงินช่วยค่าก่อสร้างจากผู้เช่าเท่านั้นไม่มีสิทธิในตึกแถวแต่อย่างใดสัญญาที่โจทก์ทำกับจำเลยก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับเงินช่วยค่าก่อสร้างกับเรื่องจำเลยจะนำโจทก์ไปทำสัญญาเช่ากับเจ้าของที่ดินในเมื่อชำระเงินช่วยค่าก่อสร้างครบแล้ว มิได้ให้สิทธิแก่จำเลยในตึกแถวเลยจำเลยจึงไม่มีสิทธิขับไล่โจทก์ออกจากตึกแถวและเรียกค่าเสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 187/2516

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับผิดในหนี้สินของกองมรดก: ทายาทรับไปทั้งสิทธิและหน้าที่
เมื่อบุคคลใดถึงแก่ความตาย มรดกของผู้นั้นย่อมตกทอดแก่ทายาทตามกฎหมาย
กองมรดกได้แก่ทรัพย์สินทุกชนิดของผู้ตาย รวมทั้งสิทธิและหน้าที่และความรับผิดต่าง ๆ เว้นแต่ตามกฎหมายหรือว่าโดยสภาพแล้ว เป็นการเฉพาะตัวของผู้ตายโดยแท้
ผู้ตายเป็นหนี้โจทก์อยู่ และถึงแก่ความตายลง จำเลยซึ่งเป็นทายาทโดยธรรมของผู้ตายย่อมรับไปทั้งสิทธิหน้าที่และความรับผิดต่อโจทก์ เจ้าหนี้กองมรดกมีสิทธิที่จะเรียกร้องบังคับเอาชำระหนี้จากทายาทโดยธรรม ได้เท่าที่ไม่เกินกว่าทรัพย์มรดกที่ทายาทนั้นได้รับ จำเลยจะได้รับมรดกของผู้ตายและผู้ตายจะมีมรดกหรือไม่ เป็นกรณีที่จะต้องไปว่ากล่าวในชั้นบังคับคดี
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 866/2508)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 196/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเช่าช่วงที่ดินและการคุ้มครองตามพ.ร.บ.ควบคุมการเช่าเคหะฯ ผู้ซื้อที่ดินต้องรับสิทธิและหน้าที่เดิม
จ.เคยฟ้องขับไล่ ส.ออกจากที่ดิน ศาลวินิจฉัยว่าการที่ ส.ให้ผู้อื่นเช่าช่วงที่ดินแปลงนี้ ไม่ได้รับความยินยอมให้เช่าช่วงจาก อ.เจ้าของที่ดินเดิม ดังนี้ หาผูกพันโจทก์จำเลยในคดีนี้ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกไม่
ถึงแม้โจทก์อ้างคำพิพากษาดังกล่าวเป็นพยานก็ตาม การที่ศาลฟังข้อเท็จจริงในคดีนี้โดยวินิจฉัยพยานหลักฐานจากที่ปรากฏในบันทึกท้ายสัญญาเช่าระหว่างผู้ให้เช่า กับ ส. ผู้เช่าว่า อ.ยอมให้ ส. ให้เช่าช่วงที่ดินแปลงนี้ได้ มิใช่เป็นการวินิจฉัยฝ่าฝืนพยานหลักฐานในสำนวน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 196/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเช่าช่วงที่ดินและการคุ้มครองตามพ.ร.บ.ควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน ผู้ซื้อที่ดินต้องรับสิทธิและหน้าที่ของผู้ให้เช่าเดิม
จ. เคยฟ้องขับไล่ ส. ออกจากที่ดิน ศาลวินิจฉัยว่าการที่ ส. ให้ผู้อื่นเช่าช่วงที่ดินแปลงนี้ ไม่ได้รับความยินยอมให้เช่าช่วงจาก อ. เจ้าของที่ดินเดิม ดังนี้หาผูกพันโจทก์จำเลยในคดีนี้ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกไม่
ถึงแม้โจทก์อ้างคำพิพากษาดังกล่าวเป็นพยานก็ตาม การที่ศาลฟังข้อเท็จจริงในคดีนี้โดยวินิจฉัยพยานหลักฐานจากที่ปรากฏในบันทึกท้ายสัญญาเช่าระหว่างผู้ให้เช่ากับ ส.ผู้เช่าว่า อ. ยอมให้ ส. ให้เช่าช่วงที่ดินแปลงนี้ ได้มิใช่เป็นการวินิจฉัยฝ่าฝืนพยานหลักฐานในสำนวน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 153/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งต้องมีสิทธิและหน้าที่ทางแพ่งพร้อมบริบูรณ์ การฟ้องเรียกค่าซ่อมแซมยังไม่เป็นหนี้ที่พร้อมบังคับได้
ฟ้องแย้งก็เป็นฟ้องอย่างหนึ่งที่จะต้องเข้าลักษณะทั่วไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 คือตามฟ้องนั้นได้มีสิทธิและหน้าที่ทางแพ่งโต้แย้งกันอยู่พร้อมบริบูรณ์แล้ว จึงจะฟ้องกันได้
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเช่าตึกแถวโจทก์ โจทก์บอกเลิกสัญญาแล้ว ขอให้ศาลบังคับขับไล่จำเลยและเรียกค่าเสียหายจำเลยฟ้องแย้งว่าจำเลยซ่อมแซมห้องเช่า หากจำเลยต้องออกจากห้องเช่า โจทก์ต้องใช้เงินค่าซ่อมให้โจทก์จึงขอฟ้องแย้งดังนี้ จำเลยหาได้มีสิทธิเป็นเจ้าหนี้อยู่พร้อมบริบูรณ์ในขณะที่ยื่นฟ้องแย้งเข้ามาไม่ เป็นหนี้ที่หากจะถือว่ามีได้ก็เป็นหนี้ที่อาจมีในภายหน้าเท่านั้นยังไม่ใช่หนี้ที่พร้อมบริบูรณ์แล้วสำหรับยื่นฟ้องต่อศาลขอให้บังคับคดีได้ ศาลย่อมไม่รับฟ้องแย้งจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 153/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งต้องมีสิทธิและหน้าที่พร้อมบริบูรณ์ การเรียกร้องค่าซ่อมแซมยังไม่เป็นหนี้ที่บังคับได้
ฟ้องแย้งก็เป็นฟ้องอย่างหนึ่งที่จะต้องเข้าลักษณะทั่วไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55. คือตามฟ้องนั้นได้มีสิทธิและหน้าที่ทางแพ่งโต้แย้งกันอยู่พร้อมบริบูรณ์แล้ว จึงจะฟ้องกันได้.
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเช่าตึกแถวโจทก์ โจทก์บอกเลิกสัญญาแล้ว ขอให้ศาลบังคับขับไล่จำเลยและเรียกค่าเสียหาย. จำเลยฟ้องแย้งว่าจำเลยซ่อมแซมห้องเช่า หากจำเลยต้องออกจากห้องเช่า โจทก์ต้องใช้เงินค่าซ่อมให้โจทก์จึงขอฟ้องแย้ง.ดังนี้ จำเลยหาได้มีสิทธิเป็นเจ้าหนี้อยู่พร้อมบริบูรณ์ในขณะที่ยื่นฟ้องแย้งเข้ามาไม่ เป็นหนี้ที่หากจะถือว่ามีได้ก็เป็นหนี้ที่อาจมีในภายหน้าเท่านั้น. ยังไม่ใช่หนี้ที่พร้อมบริบูรณ์แล้วสำหรับยื่นฟ้องต่อศาลขอให้บังคับคดีได้. ศาลย่อมไม่รับฟ้องแย้งจำเลย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 928/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตัวแทนเชิด, สัญญาเช่า, การรับซื้อฝาก, สิทธิและหน้าที่ตามสัญญาเช่า, สิทธิการฟ้องขับไล่
จำเลยบอกเลิกสัญญาเช่ากับโจทก์ โจทก์มีหนังสือยอมตกลงเลิกสัญญาเช่ากับจำเลย ถือว่าสัญญาเช่าระหว่างโจทก์กับจำเลยระงับแล้ว
จำเลยที่ 2 กับจำเลยที่ 1 เป็นแม่ลูกกันและอยู่บ้านเดียวกัน จำเลยที่ 2 ได้ทำสัญญาให้เช่าตึกแถวซึ่งจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ และจำเลยที่ 1 ได้ยอมผูกพันและปฏิบัติตนตามสัญญาเช่าที่จำเลยที่ 2 ทำกับผู้เช่า ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้เชิดจำเลยที่ 2 เป็นตัวแทนไปทำสัญญาเช่ากับผู้เช่า สัญญาเช่านั้นจึงมีผลผูกพันจำเลยที่ 1 ด้วย
โจทก์รับซื้อฝากตึกพิพาทจากจำเลยทั้งๆที่รู้ดีแล้วว่าตึกพิพาทนั้นจำเลยได้ให้คนเช่าอยู่ โจทก์จึงต้องรับโอนตึกพิพาทนั้นไปทั้งสิทธิและหน้าที่ สัญญาเช่าจึงมีผลผูกพันโจทก์ด้วย เมื่อยังไม่ครบกำหนดตามสัญญาเช่า โจทก์จึงยังไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่ผู้เช่า
เมื่อจำเลยต่อสู้ว่า จำเลยทำสัญญาเช่ากับจำเลยที่2 และมีผลผูกพันโจทก์สัญญาเช่านั้นมีผลผูกพันโจทก์หรือไม่ ศาลจะต้องวินิจฉัยถึงมูลฐานซึ่งเป็นต้นเหตุให้จำเลยที่ 2 ไปทำสัญญาเช่า การที่ศาลวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 1 เชิดจำเลยที่ 2 ให้ไปทำสัญญาเช่าจึงไม่เป็นเรื่องนอกประเด็น
โจทก์ขอให้ศาลพิพากษาขับไล่จำเลยออกไปจากทรัพย์พิพาทปรากฏว่าสัญญาระหว่างโจทก์จำเลยระงับแล้ว และจำเลยมิได้เกี่ยวข้องกับทรัพย์พิพาท ก็ไม่จำต้องพิพากษาบังคับ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1045-1048/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนอสังหาริมทรัพย์ที่มีสัญญาเช่าอยู่ การรับโอนสิทธิและหน้าที่ของผู้โอนเมื่อผู้โอนหมดสิทธิในทรัพย์สิน
การโอนอสังหาริมทรัพย์ที่มีผู้เช่าอยู่ ซึ่งจะต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 569 นั้น ผู้โอนต้องมีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน และโอนกรรมสิทธิ์ในขณะที่มีสัญญาเช่าผูกพันอยู่ด้วย ผู้รับโอนจึงจะรับไปทั้งสิทธิและหน้าที่ของผู้โอนที่มีต่อผู้เช่านั้น
สัญญาที่เจ้าของที่ดินให้จำเลยเช่าที่ดินปลูกตึกและให้ตึกตกเป็นของเจ้าของที่ดิน ตั้งแต่สร้างตึกเสร็จโดยจำเลยมีสิทธิครอบครองและให้เช่าช่วงต่อไปได้นั้นเมื่อจำเลยทำผิดสัญญา จนเจ้าของที่ดินใช้สิทธิเข้าครอบครองตึกเสียแล้ว เจ้าของที่ดินจึงหาใช่ผู้รับโอนกรรมสิทธิ์ในตึกซึ่งต้องด้วยบทบัญญัติมาตรา 569 ไม่
เมื่อจำเลยไม่มีสิทธิที่จะให้โจทก์ได้ใช้ประโยชน์จากตึกที่เช่าอันเป็นการผิดสัญญาเช่าต่อโจทก์แล้ว โจทก์ก็ย่อมมีสิทธิที่จะเรียกค่าเช่าที่ชำระล่วงหน้าไปแล้วคืนจากจำเลยได้ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 22/2507)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1336/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความมีผลระงับสิทธิในสัญญาก่อนหน้า สิทธิและหน้าที่จึงอยู่ภายใต้สัญญาใหม่ การบังคับคดีจึงทำไม่ได้หากไม่มีฟ้องใหม่
โจทก์ฟ้องเรียกเงินอ้างว่าจำเลยผิดสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างจำเลยฟ้องแย้งว่าโจทก์ผิดสัญญาและทิ้งงาน จำเลยต้องจ้างคนอื่นแทน ให้โจทก์ใช้เงินที่ต้องจ้างเกินไป ต่อมาโจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันโดยสละสิทธิ ที่อ้างมาในฟ้องและในฟ้องแย้งทั้งสิ้นให้โจทก์จำเลยมีสิทธิและหน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติตามสัญญาจ้างเหมาซึ่งทำกันใหม่พร้อมสัญญาประนีประนอมยอมความ
ดังนี้ เมื่อศาลพิพากษาตามยอมมิได้ให้คู่ความฝ่ายใดแพ้คดีหรือชนะคดี ซึ่งจะต้องมีการบังคับคดีเกิดขึ้นสัญญาจ้างเหมารายใหม่จึงมิใช่อยู่ในข่ายบังคับคดีที่ศาลพิพากษา คู่ความฝ่ายใดจะอ้างว่าตนเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเพราะเหตุผิดสัญญารายใหม่ให้มีการบังคับคดีในคดีนี้ โดยไม่มีการฟ้องร้องเสนอคดีต่อศาลเป็นคดีใหม่หาได้ไม่
และในกรณีดังกล่าวข้างต้นนี้ คู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะร้องขอให้ศาลสั่งหรือพิพากษาล่วงหน้าว่าอีกฝ่ายหนึ่งหมดสิทธิเรียกร้องดังที่ระบุไว้ในสัญญารายใหม่เมื่อมีกรณีผิดสัญญาเกิดขึ้นนั้น โดยฝ่ายนั้นยังไม่ทันใช้สิทธิเรียกร้องเลย ก็หาอาจทำได้ไม่
of 4