พบผลลัพธ์ทั้งหมด 491 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1710/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สำคัญผิดในสาระสำคัญแห่งนิติกรรมซื้อขายที่ดิน: การเปลี่ยนแปลงแก้ไขสัญญาวางมัดจำ และการรับฟังพยานหลักฐาน
พฤติการณ์ที่นับว่าเป็นเรื่องสำคัญผิดในสาระสำคัญแห่งนิติกรรม
เมื่อสัญญาวางเงินมัดจำปรากฎชัดแจ้งว่าการซื้อขายที่ดินตกลงราคากัน 40,000 บาท โจทก์ได้วางเงินมัดจำให้จำเลยรับไปในวันทำสัญญา 30,000 บาท จำเลยจะอ้างและนำพยานบุคคลมาสืบว่าได้รับเงินไปในวันทำสัญญาเพียง 500 บาท ย่อมเป็นการสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขสัญญาวางเงินมัดจำที่จำเลยทำให้โจทก์ยึดถือไว้ต้องห้ามตาม ป.วิ.แพ่ง ม.94
ในคดีฟ้องขอให้แสดงว่าสัญญาซื้อขายที่ดินเป็นโมฆะโดยอ้างว่าสำคัญผิดในสาระสำคัญแห่งนิติกรรม เมื่อจำเลยมิได้โต้เถียงในเรื่องความประมาทเลินเล่อ ฯ ไว้ในคำให้การ ก็ไม่มีประเด็นที่ศาลจะพึงรับพิจารณาวินิจฉัยให้.
เมื่อสัญญาวางเงินมัดจำปรากฎชัดแจ้งว่าการซื้อขายที่ดินตกลงราคากัน 40,000 บาท โจทก์ได้วางเงินมัดจำให้จำเลยรับไปในวันทำสัญญา 30,000 บาท จำเลยจะอ้างและนำพยานบุคคลมาสืบว่าได้รับเงินไปในวันทำสัญญาเพียง 500 บาท ย่อมเป็นการสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขสัญญาวางเงินมัดจำที่จำเลยทำให้โจทก์ยึดถือไว้ต้องห้ามตาม ป.วิ.แพ่ง ม.94
ในคดีฟ้องขอให้แสดงว่าสัญญาซื้อขายที่ดินเป็นโมฆะโดยอ้างว่าสำคัญผิดในสาระสำคัญแห่งนิติกรรม เมื่อจำเลยมิได้โต้เถียงในเรื่องความประมาทเลินเล่อ ฯ ไว้ในคำให้การ ก็ไม่มีประเด็นที่ศาลจะพึงรับพิจารณาวินิจฉัยให้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1710/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สำคัญผิดในสาระสำคัญแห่งนิติกรรมซื้อขายที่ดิน: การเปลี่ยนแปลงแก้ไขสัญญาวางมัดจำและผลกระทบต่อการรับฟังพยานหลักฐาน
พฤติการณ์ที่นับว่าเป็นเรื่องสำคัญผิดในสาระสำคัญแห่งนิติกรรม
เมื่อสัญญาวางเงินมัดจำปรากฏชัดแจ้งว่าการซื้อขายที่ดินตกลงราคากัน 40,000 บาท โจทก์ได้วางเงินมัดจำให้จำเลยรับไปในวันทำสัญญา 30,000 บาท จำเลยจะอ้างและนำพยานบุคคลมาสืบว่าได้รับเงินไปในวันทำสัญญาเพียง 5,000 บาท ย่อมเป็นการสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขสัญญาวางเงินมัดจำที่จำเลยทำให้โจทก์ยึดถือไว้ต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94
ในคดีฟ้องขอให้แสดงว่าสัญญาซื้อขายที่ดินเป็นโมฆะโดยอ้างว่าสำคัญผิดในสาระสำคัญแห่งนิติกรรม เมื่อจำเลยมิได้โต้เถียงในเรื่องความประมาทเลินเล่อฯ ไว้ในคำให้การ ก็ไม่มีประเด็นที่ศาลจะพึงรับพิจารณาวินิจฉัยให้
เมื่อสัญญาวางเงินมัดจำปรากฏชัดแจ้งว่าการซื้อขายที่ดินตกลงราคากัน 40,000 บาท โจทก์ได้วางเงินมัดจำให้จำเลยรับไปในวันทำสัญญา 30,000 บาท จำเลยจะอ้างและนำพยานบุคคลมาสืบว่าได้รับเงินไปในวันทำสัญญาเพียง 5,000 บาท ย่อมเป็นการสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขสัญญาวางเงินมัดจำที่จำเลยทำให้โจทก์ยึดถือไว้ต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94
ในคดีฟ้องขอให้แสดงว่าสัญญาซื้อขายที่ดินเป็นโมฆะโดยอ้างว่าสำคัญผิดในสาระสำคัญแห่งนิติกรรม เมื่อจำเลยมิได้โต้เถียงในเรื่องความประมาทเลินเล่อฯ ไว้ในคำให้การ ก็ไม่มีประเด็นที่ศาลจะพึงรับพิจารณาวินิจฉัยให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 779/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายที่ดินที่มีการโต้แย้งกรรมสิทธิเดิม ผู้ซื้อทราบข้อเท็จจริงแต่ยังซื้อ โจทก์ต้องพิสูจน์ความสุจริต
โจทก์ฟ้องว่าได้ซื้อที่ดินมีโฉนดมาโดยเสียค่าตอบแทนและได้จดทะเบียนการโอนแล้ว และว่าจำเลยได้ครอบครองปรปักษ์มาเมื่อ 5 - 6 ปี จำเลยต่อสู้ว่าจำเลยครอบครองมากว่า 10 ปี แม้จำเลยจะมิได้ต่อสู้ว่าโจทก์รับโอนมาโดยไม่สุจริตจำเลยก็นำสืบว่าจำเลยได้ครอบครองปรปักษ์มาตั้งแต่เจ้าของเดิมกว่า 10 ปีแล้วได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1230/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความมีผลผูกพันตามกฎหมาย เมื่อมีการตกลงกันชัดเจนเรื่องการซื้อขายที่ดินและชำระเงิน
ก่อนฟ้องโจทก์จำเลยได้ทำหนังสือตกลงประนีประนอมกันต่อหน้าอำเภอว่าจำเลยยอมให้เงินโจทก์ 1,000 บ. แล้วขอรับเอาที่ดินเป็นกรรมสิทธิของจำเลยฝ่ายโจทก์ยอมเอาเงิน1,000 บ. และยอมให้ที่ดินพิพาท แก่จำเลยเป็นกรรมสิทธิ
การตกลงระหว่างโจทก์จำเลยเช่นนี้จึงต้องบังคับด้วย ก.ม. ลักษณะสัญญาประนีประนอมยอมความ
การตกลงระหว่างโจทก์จำเลยเช่นนี้จึงต้องบังคับด้วย ก.ม. ลักษณะสัญญาประนีประนอมยอมความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 745/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการฟ้องร้องซื้อขายที่ดิน: โจทก์ต้องยึดตามฟ้องเดิม ไม่สามารถขยายข้ออ้างเพิ่มเติมได้
โจทก์ฟ้องว่าซื้อที่จากจำเลย 7 ไร่เศษ (ในหนังสือสัญญาซื้อขายที่ดิน 7 ไร่ 3 งาน 25 วา ) จำเลยฉ้อโกงเอาที่ของโจทก์ 3 ไร่เศษไปขายผู้อื่น ขอให้ศาลแสดงว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ เมื่อทำแผนที่วิวาทโจทก์นำชี้รวมเนื้อที่ 11 ไร่เศษ จำเลยนำชี้ว่าขายโจทก์ 5 ไร่เศษ ตรงตามรูปแผนที่หลังหนังสือสัญญาซื้อขายที่ดิน ซึ่งไม่คลุมถึงที่รายพิพาท ดังนี้เมื่อโจทก์จะขอสืบต่อไปถึงเรื่องครอบครองที่รายพิพาทซึ่งมิได้กล่าวอ้างไว้ในฟ้อง จึงเป็นเรื่องนอกฟ้อง นอกประเด็นสืบไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 745/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการฟ้องร้องซื้อขายที่ดิน การเปลี่ยนแปลงคำขอในชั้นศาลต้องไม่เกินกรอบฟ้องเดิม
โจทก์ฟ้องว่าซื้อที่จากจำเลย 7 ไร่เศษ (ในหนังสือสัญญาซื้อขายที่ดิน 7 ไร่ 1 งาน 25 วา) จำเลยฉ้อโกงเอาที่ของโจทก์ 3 ไร่ เศษไปขายผู้อื่น ขอให้ศาลแสดงว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์เมื่อทำแผนที่วิวาทโจทก์นำชี้รวมเนื้อที่ 11 ไร่เศษจำเลยนำชี้ว่าขายโจทก์ 8 ไร่เศษตรงตามรูปแผนที่หลังหนังสือสัญญาซื้อขายที่ดิน ซึ่งไม่คลุมถึงที่รายพิพาทดังนี้เมื่อโจทก์จะขอสืบต่อไปถึงเรื่องครอบครองที่รายพิพาทซึ่งมิได้กล่าวอ้างไว้ในฟ้องจึงเป็นเรื่องนอกฟ้อง นอกประเด็นสืบไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 740/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับสัญญาซื้อขายที่ดิน แม้ไม่มีระบุสถานที่ชัดเจน การนำสืบเพื่อชี้แจงสถานที่ซื้อขายไม่ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงเอกสาร
ในหนังสือสัญญาซื้อขายที่ดินไม่มีระบุให้รู้ว่าตรงไหนจะซื้อขายกันเมื่อโจทก์นำสืบว่าที่ตรงไหนจะซื้อขายกันจึงเป็นการสืบอธิบายเอกสารไม่ต้องห้ามมิใช่นำสืบเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมเอกสาร
อนึ่งในสัญญานั้นแม้จะมีข้อความว่า ถ้าผู้ขายไม่ยอมขาย ผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อปรับ 1,500 บาท ข้อความเช่นนี้หมายความว่าเมื่อผู้ขายผิดนัด นอกจากผู้ซื้อมีสิทธิบังคับให้ผู้ขายขายที่ให้แล้วผู้ซื้อยังมีสิทธิปรับผู้ขายอีกตามจำนวนเงินที่กะกันไว้
อนึ่งในสัญญานั้นแม้จะมีข้อความว่า ถ้าผู้ขายไม่ยอมขาย ผู้ขายยอมให้ผู้ซื้อปรับ 1,500 บาท ข้อความเช่นนี้หมายความว่าเมื่อผู้ขายผิดนัด นอกจากผู้ซื้อมีสิทธิบังคับให้ผู้ขายขายที่ให้แล้วผู้ซื้อยังมีสิทธิปรับผู้ขายอีกตามจำนวนเงินที่กะกันไว้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 569/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายที่ดินมือเปล่า แม้ไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย แต่การสละสิทธิครอบครองทำให้ผู้ซื้อได้สิทธิครอบครองทันที
ซื้อขายที่ดินมือเปล่าโดยไม่ได้ทำเป็นหนังสือย่อมไม่สมบูรณ์ตาม กฎหมาย แต่เมื่อผู้ขายได้สละสิทธิ์ครอบครองให้ตกไปยังผู้ซื้อแล้ว ผู้ซื้อก็ได้สิทธิ์ครอบครองนั้นทันที
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1240/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายที่ดินเนื้อที่ขาดเกินร้อยละ 5 ผู้ซื้อมีสิทธิบอกเลิกสัญญาหรือขอลดราคา
ตกลงทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินมีโฉนดกัน ระบุจำนวนเนื้อที่ที่ดินตามที่ปรากฎในโฉนดลงไว้ในสัญญาด้วย ต่อมาปรากฎว่าเนื้อที่ที่ดินที่เป็นจริงมีจำนวนไม่ครบตามที่ปรากฎในโฉนดเป็นจำนวนเกินกว่าร้อยละ 5 ของที่ดินทั้งหมด ผู้จะซื้อย่อมอาจบอกปัดขอเลิกสัญญาเสียก็ได้
ป.พ.พ.ม.466 นี้ไม่ใช่ ใช้บังคับเฉพาะที่ดินไม่มีโฉนดเท่านั้น
ป.พ.พ.ม.466 นี้ไม่ใช่ ใช้บังคับเฉพาะที่ดินไม่มีโฉนดเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 907/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์: การซื้อขายที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญและการครอบครองเกิน 1 ปี ทำให้ได้สิทธิครอบครอง
ขายที่ดินซึ่งไม่มีหนังสือสำคัญและมอบให้ผู้ซื้อครอบครองไว้แล้ว แม้จะมิได้ทำนิติกรรมซื้อขายให้ถูกต้อง ก็ถือได้ทำนิติกรรมซื้อขายสละสิทธิครอบครองแล้ว ผู้ซื้อครอบครองมากว่า 1 ปี ย่อมได้สิทธิครอบครอง