พบผลลัพธ์ทั้งหมด 117 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1203/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บันดาลโทสะต้องกระทำต่อผู้ข่มเหงในขณะนั้น การปล่อยเวลาผ่านไปนานถึง 3 ชั่วโมง ไม่อาจอ้างบันดาลโทสะได้
ขณะที่จำเลยทราบว่าภรรยาจำเลยถูกผู้เสียหายปลุกปล้ำกระทำชำเรานั้น จำเลยไม่ได้แสดงอาการโกรธหรือจะทำร้ายผู้เสียหายแต่ได้ออกไปหาปลาร่วมกับผู้เสียหายโดยมีเวลานานถึง 3 ชั่วโมงนับแต่ทราบเหตุดังกล่าวแล้ว จำเลยจึงได้ใช้มีดฟันทำร้ายผู้เสียหายจึงมิใช่เป็นการกระทำต่อผู้ถูกข่มเหงในขณะนั้นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 72
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1249/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำโดยบันดาลโทสะจากพฤติกรรมข่มเหงของผู้เสียหายนำไปสู่การยิง
ในวันเกิดเหตุจำเลยซึ่งเป็นภริยาผู้เสียหายนอนเฝ้าห้างนาเพียงคนเดียวผู้เสียหายไปดื่มสุรากับเพื่อน เพิ่งไปหาจำเลยเมื่อเวลา 24 นาฬิกา และให้จำเลยไปหาข้าวมาให้ผู้เสียหายรับประทาน จำเลยต้องเดินไปเอาข้าวที่บ้านซึ่งอยู่ห่างห้างนา 3 เส้น เมื่อเอามาแล้วผู้เสียหายไม่ยอมรับประทาน กลับบ่นว่าจำเลย และยังพูดถึงภรรยาน้อยอีกด้วย การกระทำของผู้เสียหายเป็นการข่มเหงน้ำใจจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จำเลยใช้ปืนยิงผู้เสียหายในขณะนั้น เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5809/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฆ่าโดยบันดาลโทสะ: การข่มเหงต้องร้ายแรงและเป็นเหตุโดยตรง
การที่ผู้ตายกล่าวกับจำเลยว่าให้จำเลยไปหาภรรยาใหม่ผู้ตายมีสามีใหม่แล้ว สามีใหม่รวยกว่าจำเลยเสียอีก ยังถือไม่ได้ว่าคำกล่าวของผู้ตายเป็นการข่มเหงจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จำเลยจะอ้างว่าฆ่าผู้ตายโดยบันดาลโทสะไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5916/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำโดยบันดาลโทสะ: การชวนทะเลาะวิวาทก่อนถูกข่มเหง ไม่ถือเป็นเหตุบันดาลโทสะ และการลดโทษจากประโยชน์การพิจารณา
จำเลยเป็นฝ่ายก่อเหตุขึ้นก่อน โดยถาม ผู้ตายซึ่งขับรถจักรยานยนต์ผ่านมาว่า จะยิงพวกจำเลยให้หมดใช่ ไหม อันเป็นการชวนทะเลาะวิวาท การที่ผู้ตายพูดตอบโต้ทำนองเยาะเย้ย ว่าจะฆ่าพวกจำเลยให้หมด แม้พ่อจำเลยก็จะยิงไม่ให้เหลือ เช่นนี้ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยถูกผู้ตายข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม อันเป็นเหตุให้บันดาลโทสะ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4758/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกายโดยบันดาลโทสะจากการถูกข่มเหง ผู้เสียหายเป็นผู้ก่อเหตุ
ผู้เสียหายและจำเลยกับพวกนั่งดื่มสุรากันที่บ้านพักจำเลย ต่อมาผู้เสียหายเรียกจำเลยให้ลงไปพูดกัน จำเลยไม่ลง ผู้เสียหายดึงมือจำเลยหลายครั้งจนจำเลยตกจากที่นั่ง แล้วจำเลยเดินหนีเข้าไปในห้องนอนของจำเลย ผู้เสียหายเดินตามจำเลยเข้าไปในห้องกระชากมือจำเลยออกมา เช่นนี้ ผู้เสียหายเป็นผู้ก่อเหตุ กรณีถือได้ว่าจำเลยถูกผู้เสียหายข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม การที่จำเลยใช้เหล็กตะไบสามเหลี่ยมแทงผู้เสียหายที่บริเวณหน้าท้อง 2 ทีขณะที่ผู้เสียหายเข้าไปกระชากมือหรือจับบ่า จำเลยดึงออกมาข้างนอกห้อง จึงเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4758/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกายโดยบันดาลโทสะจากเหตุถูกข่มเหงอย่างร้ายแรง
ผู้เสียหายและจำเลยกับพวกนั่งดื่มสุรากันที่บ้านพักจำเลย ต่อมาผู้เสียหายเรียกจำเลยให้ลงไปพูดกัน จำเลยไม่ลง ผู้เสียหายดึงมือจำเลยหลายครั้งจนจำเลยตกจากที่นั่ง แล้วจำเลยเดินหนีเข้าไปในห้องนอนของจำเลย ผู้เสียหายเดินตามจำเลยเข้าไปในห้องกระชากมือจำเลยออกมา เช่นนี้ ผู้เสียหายเป็นผู้ก่อเหตุ กรณีถือได้ว่าจำเลยถูกผู้เสียหายข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม การที่จำเลยใช้เหล็กตะไบสามเหลี่ยมแทงผู้เสียหายที่บริเวณหน้าท้อง 2 ทีขณะที่ผู้เสียหายเข้าไปกระชากมือหรือจับบ่า จำเลยดึงออกมาข้างนอกห้อง จึงเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2170/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บันดาลโทสะจากพฤติการณ์ข่มเหง การทำร้ายร่างกายต่อเนื่องเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย ศาลใช้ดุลพินิจลดโทษ
ผู้ตายชอบข่มขู่เรียกค่าคุ้มครองจากจำเลย และกลั่นแกล้งจำเลยต่าง ๆ นานา วันเกิดเหตุผู้ตายดึง เอากุญแจรถจักรยานยนต์ของจำเลยไปในขณะที่จำเลยกำลังจะออกไปส่งเนื้อสุกรให้แก่ลูกค้า จำเลยตาม ไปทวงคืน ผู้ตายทำท่าจะยื่นกุญแจรถให้แต่ แล้วกลับต่อย จำเลยก่อนผู้ตายมีลักษณะคล้ายเป็นคนอันธพาลและเป็นฝ่ายก่อเหตุขึ้นก่อน จำเลยจึงใช้ มีดหั่นเนื้อสุกรฟันและแทงผู้ตาย ดังนี้เป็นการกระทำโดย บันดาลโทสะเพราะถูก ข่มเหงอย่างร้ายแรง ด้วย เหตุไม่ เป็นธรรม ตามป.อ. มาตรา 72.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1231/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยมีเหตุข่มเหงอย่างร้ายแรงตาม ป.อ.มาตรา 72 และการพิพากษาโทษสำหรับผู้กระทำผิดอายุ 16 ปี
การที่ผู้ตายเมาสุราและได้ บังคับขู่เข็ญโดยใช้ มือผลักอก จำเลยหลายครั้งเพื่อให้จำเลยไปดื่ม สุราด้วย และท้าทายให้ยิงกันพร้อมกับทำท่าล้วงอาวุธปืนเมื่อจำเลยวิ่งหนี ผู้ตายยังวิ่งไล่ตามไปอีก จำเลยจึงใช้ อาวุธปืนยิงทันที ถือ ได้ ว่าจำเลยกระทำไปเพราะถูก ข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วย เหตุอันไม่ เป็นธรรม ตามป.อ. มาตรา 72 พนักงานอัยการฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ. อาวุธปืนฯมาตรา 772 และข้อหาฆ่าผู้อื่นตาม ป.อ. มาตรา 288 แม้ศาลจะอนุญาตให้ผู้เสียหายเข้าเป็นโจทก์ร่วมในคดีด้วย ก็หมายถึงอนุญาตให้เข้าเป็นโจทก์ร่วมได้ เฉพาะ ในข้อหาฆ่าผู้อื่นเท่านั้นเพราะโจทก์ร่วมเป็นผู้เสียหายในข้อหาดังกล่าว ส่วนข้อหาความผิดต่อ พ.ร.บ. อาวุธปืนฯ รัฐเท่านั้นเป็นผู้เสียหาย โจทก์ร่วมมิใช่ผู้เสียหายจึงไม่อาจเข้าเป็นโจทก์ร่วมในข้อหาความผิดตาม พ.ร.บ. อาวุธปืนฯ ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1011/2533 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายโดยบันดาลโทสะ: การป้องกันสิทธิ vs. เหตุข่มเหง
ผู้เสียหายกับพวกไม่พอใจจำเลยในการแบ่งเงินค่าจ้างที่ได้จากการรับจ้างตัดไม้ จึงพากันเข้าไปหาเรื่องและชกต่อยจำเลยก่อนโดยจำเลยมิได้สมัครใจวิวาทด้วย แต่เมื่อผู้เสียหายชกจำเลยแล้วไม่ปรากฏว่าจะทำร้ายจำเลยต่อไปอีก ถือว่าภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายผ่านพ้นไปแล้ว ไม่มีภยันตรายที่จำเลยจักต้องกระทำเพื่อป้องกันอีก การที่จำเลยแทงผู้เสียหายหลังจากถูกชกจึงไม่เป็นการป้องกันตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 68 แต่ถือได้ว่าเป็นกรณีที่จำเลยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม เป็นการกระทำความผิดด้วยเหตุบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72
ผู้เสียหายกับจำเลยไม่มีเหตุโกรธเคืองกันอย่างร้ายแรงถึงขนาดที่จะต้องเอาชีวิตกัน ถึงแม้มีดของกลางซึ่งเฉพาะตัวมีดยาว19 เซนติเมตร จะมีขนาดที่ใช้ทำร้ายให้ถึงตายได้และผู้เสียหายถูกแทงตรงบริเวณราวนมซ้ายซึ่งเป็นอวัยวะส่วนที่สำคัญ แต่จำเลยก็แทงเพียงทีเดียวในทันทีทันใดหลังจากถูกทำร้ายโดยไม่มีโอกาสเลือกตำแหน่งที่จะแทงได้เลย ทั้งไม่มีเวลาคิดทบทวนที่จะกระทำต่อผู้เสียหายในลักษณะใด และได้ใช้อาวุธเท่าที่มีอยู่กระทำไปในช่วงที่ยังอยู่ในโทสะเช่นนี้ แสดงว่าจำเลยมิได้มีเจตนาที่จะฆ่าผู้เสียหาย คงมีเจตนาทำร้ายผู้เสียหายเท่านั้น
ผู้เสียหายกับจำเลยไม่มีเหตุโกรธเคืองกันอย่างร้ายแรงถึงขนาดที่จะต้องเอาชีวิตกัน ถึงแม้มีดของกลางซึ่งเฉพาะตัวมีดยาว19 เซนติเมตร จะมีขนาดที่ใช้ทำร้ายให้ถึงตายได้และผู้เสียหายถูกแทงตรงบริเวณราวนมซ้ายซึ่งเป็นอวัยวะส่วนที่สำคัญ แต่จำเลยก็แทงเพียงทีเดียวในทันทีทันใดหลังจากถูกทำร้ายโดยไม่มีโอกาสเลือกตำแหน่งที่จะแทงได้เลย ทั้งไม่มีเวลาคิดทบทวนที่จะกระทำต่อผู้เสียหายในลักษณะใด และได้ใช้อาวุธเท่าที่มีอยู่กระทำไปในช่วงที่ยังอยู่ในโทสะเช่นนี้ แสดงว่าจำเลยมิได้มีเจตนาที่จะฆ่าผู้เสียหาย คงมีเจตนาทำร้ายผู้เสียหายเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1011/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันสิทธิ vs. การกระทำด้วยเหตุบันดาลโทสะ: การแทงหลังถูกทำร้ายและการพิจารณาเหตุข่มเหง
ผู้เสียหายเข้าไปชกจำเลย 2 ที แล้วไม่ปรากฏว่าจะทำร้ายจำเลยต่อไปอีก ภยันตรายซึ่ง เกิด จากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อ กฎหมายจึงผ่าน พ้นไปแล้ว ไม่มีภยันตรายที่จำเลยจักต้อง กระทำเพื่อป้องกันอีกการที่จำเลยแทงผู้เสียหายหลังถูก ชนจึงไม่เป็นการป้องกันสิทธิของตนแต่ การที่ผู้เสียหายเข้าไปชกต่อยจำเลยขณะที่เล่นไพ่อยู่ โดย ที่จำเลยมิได้สมัครใจจะวิวาทกับผู้เสียหายมาก่อนเช่นนี้ ถือ ได้ ว่าเป็นกรณีที่จำเลยถูก ข่มเหงอย่าง ร้ายแรงด้วย เหตุอันไม่ เป็นธรรมการที่จำเลยแทงผู้เสียหายทันทีหลังจากถูก ชกต่อย จึงเป็นการกระทำความผิดต่อ ผู้ข่มเหงในขณะนั้น ซึ่ง เป็นการกระทำด้วย เหตุบันดาลโทสะ.