พบผลลัพธ์ทั้งหมด 37 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1497/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้เยาว์ไม่สามารถเป็นผู้จัดการทรัพย์สินของบุคคลอื่น แม้เป็นบุพการีที่หายสาบสูญ
บุตรผู้เยาว์ของบุคคลซึ่งไปเสียจากภูมิลำเนา โดยมิได้ตั้งตัวแทนไว้และไม่มีใครรู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไรนั้น จะยื่นคำร้องขอให้ศาลตั้งตนเป็นผู้จัดการทรัพย์สินของบุคคลนั้น โดยมารดาผู้แทนโดยชอบธรรมย่อมไม่ได้ เพราะกรณีเช่นนี้ไม่เข้าข้อยกเว้นที่ผู้เยาว์จะทำนิติกรรมใดๆ ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1497/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้เยาว์ไม่สามารถเป็นผู้จัดการทรัพย์สินของบุคคลอื่นได้ แม้ผู้ถูกจัดการทรัพย์สินหายตัวไป
บุตรผู้เยาว์ของบุคคลซึ่งไปเสียจากภูมิลำเนา โดยมิได้ตั้งตัวแทนไว้และไม่มีใครรู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไรนั้น จะยื่นคำร้องขอให้ศาลตั้งตนเป็นผู้จัดการทรัพย์สินของบุคคลนั้น โดยมารดาผู้แทนโดยชอบธรรมย่อมไม่ได้ เพราะกรณีเช่นนี้ไม่เข้าข้อยกเว้นที่ผู้เยาว์จะทำนิติกรรมใดๆ ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 470/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานยักยอกทรัพย์โดยผู้มีหน้าที่จัดการทรัพย์สินของผู้อื่น
ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามมาตรา 319 โดยไม่ต้องอ้างว่าเป็นข้อหนึ่งข้อใดก็ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 650/2482
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่ผู้จัดการทรัพย์สินในการแสดงผลประโยชน์และแบ่งให้เจ้าของร่วม
โจทก์ฟ้องเรียกเงินผลประโยชน์ที่ดินจากจำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการ เป็นหน้าที่ของจำเลยต้องนำสืบว่าตนได้รับผลประโยชน์มาและแบ่งให้โจทก์ไปแล้วเท่าใดอย่างใด,
อุทธรณ์ฎีกา,
ฟ้องเรียกเงิน 1500 บาท ศาลชั้นต้นตัดสินให้ 200 บาท ศาลอุทธรณ์แก้ให้ 965 บาท ดังนี้เป็นแก้มากฎีกาในข้อเท็จจริงได้
อุทธรณ์ฎีกา,
ฟ้องเรียกเงิน 1500 บาท ศาลชั้นต้นตัดสินให้ 200 บาท ศาลอุทธรณ์แก้ให้ 965 บาท ดังนี้เป็นแก้มากฎีกาในข้อเท็จจริงได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 12634/2558
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำนอง/โอนที่ดินโดยผู้จัดการทรัพย์สิน: การยินยอมถูกต้องทำให้สัญญาใช้ได้ เหตุฉ้อฉล/ทุจริตไม่ปรากฏ
ป.พ.พ. มาตรา 34 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า "คนเสมือนไร้ความสามารถนั้นต้องได้รับความยินยอมของผู้พิทักษ์ก่อนแล้วจึงจะทำการอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้ได้
...ฯลฯ...
(4) รับประกันโดยประการใดๆ อันมีผลให้ตนต้องถูกบังคับชำระหนี้
...ฯลฯ...
จากบทบัญญัติดังกล่าว แสดงให้เห็นว่าบุคคลที่ศาลสั่งให้เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถนั้น มีความสามารถที่จะทำนิติกรรมอื่นๆ นอกเหนือจากที่ระบุไว้ในมาตรา 34 วรรคหนึ่ง ได้เอง โดยมิต้องได้รับความยินยอมจากผู้พิทักษ์แต่ประการใด โดยจัดว่าเป็นผู้หย่อนความสามารถเฉพาะการทำนิติกรรมต่าง ๆ ซึ่งระบุไว้เท่านั้นที่จะต้องได้รับความยินยอมจากผู้พิทักษ์ก่อน จึงจะมีความสามารถทำได้ ส่วนมาตรา 34 วรรคสาม บัญญัติว่า "ในกรณีที่คนเสมือนไร้ความสามารถไม่สามารถจะทำการอย่างหนึ่งอย่างใดที่กล่าวมาในวรรคหนึ่งหรือวรรคสองได้ด้วยตนเอง เพราะเหตุมีกายพิการหรือมีจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ ศาลจะสั่งให้ผู้พิทักษ์เป็นผู้มีอำนาจกระทำการนั้นแทนคนเสมือนไร้ความสามารถก็ได้ ในกรณีเช่นนี้ให้นำบทบัญญัติที่เกี่ยวกับผู้อนุบาลมาใช้บังคับแก่ผู้พิทักษ์โดยอนุโลม" ตามบทบัญญัติในวรรคสามนี้ หมายถึงกรณีที่คนเสมือนไร้ความสามารถไม่สามารถจะทำการอย่างหนึ่งอย่างใดใน (1) ถึง (11) หรือวรรคสองด้วยตนเอง เพราะเหตุมีกายพิการหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ ดังนั้น เมื่อโจทก์เป็นบุคคลที่ศาลสั่งให้เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถโดยมีจำเลยที่ 1 เป็นผู้พิทักษ์ ได้ทำนิติกรรมการจำนองที่ดินพิพาทและการโอนที่ดินพิพาทชำระหนี้จำนองซึ่งเป็นนิติกรรมดังได้ระบุไว้ใน ป.พ.พ. มาตรา 34 (4) โดยได้รับความยินยอมของจำเลยที่ 1 ผู้พิทักษ์แล้ว จึงเป็นการปฏิบัติตามบทบัญญัติของ ป.พ.พ. มาตรา 34 วรรคหนึ่งแล้ว นิติกรรมดังกล่าวย่อมมีผลสมบูรณ์ตามกฎหมาย
...ฯลฯ...
(4) รับประกันโดยประการใดๆ อันมีผลให้ตนต้องถูกบังคับชำระหนี้
...ฯลฯ...
จากบทบัญญัติดังกล่าว แสดงให้เห็นว่าบุคคลที่ศาลสั่งให้เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถนั้น มีความสามารถที่จะทำนิติกรรมอื่นๆ นอกเหนือจากที่ระบุไว้ในมาตรา 34 วรรคหนึ่ง ได้เอง โดยมิต้องได้รับความยินยอมจากผู้พิทักษ์แต่ประการใด โดยจัดว่าเป็นผู้หย่อนความสามารถเฉพาะการทำนิติกรรมต่าง ๆ ซึ่งระบุไว้เท่านั้นที่จะต้องได้รับความยินยอมจากผู้พิทักษ์ก่อน จึงจะมีความสามารถทำได้ ส่วนมาตรา 34 วรรคสาม บัญญัติว่า "ในกรณีที่คนเสมือนไร้ความสามารถไม่สามารถจะทำการอย่างหนึ่งอย่างใดที่กล่าวมาในวรรคหนึ่งหรือวรรคสองได้ด้วยตนเอง เพราะเหตุมีกายพิการหรือมีจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ ศาลจะสั่งให้ผู้พิทักษ์เป็นผู้มีอำนาจกระทำการนั้นแทนคนเสมือนไร้ความสามารถก็ได้ ในกรณีเช่นนี้ให้นำบทบัญญัติที่เกี่ยวกับผู้อนุบาลมาใช้บังคับแก่ผู้พิทักษ์โดยอนุโลม" ตามบทบัญญัติในวรรคสามนี้ หมายถึงกรณีที่คนเสมือนไร้ความสามารถไม่สามารถจะทำการอย่างหนึ่งอย่างใดใน (1) ถึง (11) หรือวรรคสองด้วยตนเอง เพราะเหตุมีกายพิการหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ ดังนั้น เมื่อโจทก์เป็นบุคคลที่ศาลสั่งให้เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถโดยมีจำเลยที่ 1 เป็นผู้พิทักษ์ ได้ทำนิติกรรมการจำนองที่ดินพิพาทและการโอนที่ดินพิพาทชำระหนี้จำนองซึ่งเป็นนิติกรรมดังได้ระบุไว้ใน ป.พ.พ. มาตรา 34 (4) โดยได้รับความยินยอมของจำเลยที่ 1 ผู้พิทักษ์แล้ว จึงเป็นการปฏิบัติตามบทบัญญัติของ ป.พ.พ. มาตรา 34 วรรคหนึ่งแล้ว นิติกรรมดังกล่าวย่อมมีผลสมบูรณ์ตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 12557/2555
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยักยอกทรัพย์โดยผู้จัดการทรัพย์สิน และการปรับบทมาตรา 354 ที่ไม่เข้าข่ายฐานะผู้มีอาชีพ
การกระทำความผิดฐานยักยอกตามมาตรา 354 จะต้องได้ความว่า ผู้กระทำผิดได้กระทำในฐานเป็นผู้มีอาชีพหรือธุรกิจอันย่อมเป็นที่ไว้วางใจของประชาชน การที่โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยเป็นผู้มีอาชีพหรือธุรกิจอันย่อมเป็นที่ไว้วางใจของประชาชนมาด้วย เป็นเพียงประโยคประกอบซึ่งโจทก์ขยายความออกไปตามความเข้าใจของโจทก์ ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงหรือรายละเอียดว่า จำเลยกระทำในฐานเป็นผู้มีอาชีพหรือธุรกิจอันย่อมเป็นที่ไว้วางใจของประชาชนอย่างไร การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 354 แม้จำเลยมิได้ฎีกาในปัญหาข้อนี้ แต่เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นอ้างและแก้ไขให้ถูกต้องตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 829/2550
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งศาลเกี่ยวกับคำร้องตั้งผู้จัดการทรัพย์สินตาม ป.วิ.พ. มาตรา 307: คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นที่สุด
คำว่า "คำสั่งของศาลตามมาตรานี้" ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 307 วรรคสอง มีความหมายว่า หากมีกรณียื่นคำร้องตามมาตรา 307 วรรคหนึ่งแล้ว คำสั่งใด ๆ ที่เกี่ยวกับคำร้องดังกล่าวย่อมอยู่ในความหมายของคำว่า "คำสั่งศาลตามมาตรานี้" ทั้งสิ้น เมื่อจำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องขอเลื่อนการไต่สวนคำร้องขอตั้งผู้จัดการอสังหาริมทรัพย์ อ้างว่าจำเลยที่ 2 ป่วย จึงเป็นคำร้องตามมาตรา 307 วรรคหนึ่ง การที่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้เลื่อนคดี และมีคำสั่งยกคำร้อง ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษายืน จึงเป็นที่สุด ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามมาตรา 307 วรรคสอง