พบผลลัพธ์ทั้งหมด 40 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 288/2482
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธและสมคบกัน
พฤตติการณ์ที่ฟังว่าเป็นการปล้นทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1151/2482
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขบทลงโทษโดยศาลฎีกา แม้จำเลยบางส่วนไม่ฎีกา คดีสมคบกันลักทรัพย์
โจทก์ฝ่ายเดียวฎีกาในข้อเท็จจริงขอให้ลงโทษจำเลยบางคนที่ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงพิพากษายกฟ้องปล่อยตัวไป แม้ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงยืนตามศาลอุทธรณ์ แต่ในส่วนจำเลยที่ไม่มีฎีกาขึ้นมานั้นเมื่อศาลฎีกาพิจารณาเห็นในลักษณคดีว่าศาลวางบทผิดมา ศาลฎีกาก็มีอำนาจแก้วางบทที่ถูกต้องได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1083/2481
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายต่างคนต่างทำ ไม่ถือเป็นสมคบกันทำร้ายร่างกาย
พฤตติการณ์ที่ไม่ถือว่าจำเลยสมคบกันทำร้ายร่างกายเขาบาดเจ็บสาหัสประมวลวิธีพิจารณาอาญา ม.218 แก้มาก ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลยตาม ม.256 มีกำหนด 2 ปี ศาลอุทธรณ์แก้ให้ลงโทษตาม ม.338 (3) 1 เดือนดังนี้ เป็นการแก้มาก ฎีกาในข้อเท็จจริงได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 630/2479
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ไม่มีการสมคบกันเป็นเหตุให้การกระทำไม่ถือเป็นความผิด
พฤตติการณ์ที่ฟังว่าไม่ได้สมคบกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 402/2479
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสมคบกัน: พฤติการณ์ที่บ่งชี้ถึงความร่วมมือในการกระทำผิด
พฤตติการณ์ที่ฟังว่าเป็นการสมคบกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1154/2479
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษจำเลยเกินคำขอในความผิดฐานกระทำพยานเท็จและสมคบกันกระทำผิด
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยสมคบกันปลอมหนังสือแล้วนำหลักฐานเท็จนี้มาฟ้องเรียกเงินกู้จากโจทก์ดังนี้ ถือว่าโจทก์ได้พรรณาฟ้องในความผิดฐานกระทำพะยานเท็จตาม ม.157 แล้ว +สินเกินคำขอโจทก์ฟ้องว่าจำเลยสมคบกันกระทำผิดดังนี้ศาลจะลงโทษจำเลยโดยอาศัย ม.64 โดยฟังว่าได้มีการใช้ให้ไปกระทำผิด มิได้สมคบกันนั้นเป็นการตัดสินเกินคำขอ +การที่ศาลจะอนุญาตให้เลื่อนหรือไม่นั้นอยู่ในดุลยพินิจของ+
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 636/2478
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ฟ้องที่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ และการวินิจฉัยสมคบกันโดยไม่มีพยานหลักฐาน
การที่ศาลยอมรับคำร้องขอแก้ฟ้องหรือเพิ่มเติมฟ้องที่เป็นการทำให้จำเลยเสียเปรียบในการต่อสู้คดีนี้นถือว่าเป็นการไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณาแลเป็นปัญหาข้อกฎหมายอาญา ม.6 ข้อ 8 พฤตติการณ์ที่ฟ้องว่าไม่ได้การสมคบกันความเกี่ยวพันกันในทางวงษ์ญาติยังไม่พอที่จะฟังว่าสมคบกันกระทำผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 327/2477
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำลายการโอนกรรมสิทธิที่ดินที่เกิดจากการฉ้อโกงหรือสมคบกันทำให้เสียทรัพย์
ฟ้องขอให้ทำลายนิติกรรม แลการโอนโฉนดที่ดินศาลเรียกค่าขึ้นศาลตามราคาที่ดินนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 312/2475
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสมคบกันกระทำผิด: ปัญหาข้อเท็จจริง ไม่สามารถฎีกาได้
สมคบกันหรือไม่ เป็นปัญหาข้อเท็จจริง ฎีกาไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 13158/2555
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสมคบกันเพื่อครอบงำกิจการ และการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาจากการใช้ชื่อทางการค้า
โจทก์เป็นเจ้าของชื่อทางการค้าคำว่า "KLOSTER" และ "คลอสเตอร์" ซึ่งได้จดทะเบียนไว้ในประเทศไทย จำเลยมีสิทธิใช้ตราบเท่าที่บริษัท ท. ยังมีสิทธิผลิตเบียร์คลอสเตอร์ตามสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิ และเมื่อสัญญาดังกล่าวสิ้นสุดลงโดยการบอกเลิกสัญญาของโจทก์โดยชอบเนื่องจากบริษัท ท. มีหนี้สินจำนวนมากอยู่ในระหว่างการฟื้นฟูกิจการ จำเลยจึงต้องระงับการใช้ชื่อทางการค้าและเครื่องหมายการค้าคลอสเตอร์ของโจทก์ตั้งแต่วันถัดจากวันที่บอกเลิกสัญญา การที่จำเลยยังคงใช้ชื่อทางการค้าและเครื่องหมายการค้าของโจทก์หลังการบอกเลิกสัญญาดังกล่าวจึงเป็นการกระทำละเมิดสิทธิในชื่อทางการค้าและเครื่องหมายการค้าของโจทก์ ที่โจทก์มีหนังสือห้ามจำเลยใช้ชื่อทางการค้าและเครื่องหมายการค้าคำว่า "คลอสเตอร์" โดยอ้างว่าจำเลยละเมิดสิทธิโจทก์จึงเป็นการกระทำโดยชอบ
การดำเนินการของโจทก์และโจทก์ร่วมทั้งสองเป็นการใช้ดุลพินิจบริหารจัดการบริษัทที่อยู่ในระหว่างการฟื้นฟูกิจการไปตามขั้นตอนของกฎหมายว่าด้วยการฟื้นฟูกิจการตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 ซึ่งคู่ความทุกฝ่ายมีโอกาสโต้แย้งคัดค้านในกระบวนการตามกฎหมายว่าด้วยการฟื้นฟูกิจการตามพระราชบัญญัติดังกล่าว หมวด 3/1 กระบวนพิจารณาเกี่ยวกับการฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ มาตรา 90/1 ถึง 90/90 ได้โดยชอบอยู่แล้ว จนคดีในส่วนที่เกี่ยวกับการฟื้นฟูกิจการยุติไปแล้วตามคำสั่งฟื้นฟูกิจการของศาลล้มละลายกลาง ถือไม่ได้ว่าการกระทำของโจทก์และโจทก์ร่วมทั้งสองเป็นการกระทำเพื่อสมคบกันครอบงำกิจการของจำเลยโดยไม่สุจริต
ป.พ.พ. มาตรา 18 ให้สิทธิโจทก์ร้องขอต่อศาลให้สั่งห้ามจำเลยใช้ชื่อทางการค้าของโจทก์เป็นของจำเลยเท่านั้น มิได้ให้สิทธิแก่โจทก์ที่จะบังคับให้จำเลยจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงชื่อจำเลยได้ คำขอบังคับของโจทก์ดังกล่าวจึงเป็นคำขอบังคับที่ไม่อาจทำได้ ปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศเห็นสมควรหยิบยกขึ้นวินิจฉัยและแก้ไขเสียให้ถูกต้องตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 45 ประกอบ ป.วิ.พ. มาตรา 246 และมาตรา 142 (5)
การดำเนินการของโจทก์และโจทก์ร่วมทั้งสองเป็นการใช้ดุลพินิจบริหารจัดการบริษัทที่อยู่ในระหว่างการฟื้นฟูกิจการไปตามขั้นตอนของกฎหมายว่าด้วยการฟื้นฟูกิจการตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 ซึ่งคู่ความทุกฝ่ายมีโอกาสโต้แย้งคัดค้านในกระบวนการตามกฎหมายว่าด้วยการฟื้นฟูกิจการตามพระราชบัญญัติดังกล่าว หมวด 3/1 กระบวนพิจารณาเกี่ยวกับการฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ มาตรา 90/1 ถึง 90/90 ได้โดยชอบอยู่แล้ว จนคดีในส่วนที่เกี่ยวกับการฟื้นฟูกิจการยุติไปแล้วตามคำสั่งฟื้นฟูกิจการของศาลล้มละลายกลาง ถือไม่ได้ว่าการกระทำของโจทก์และโจทก์ร่วมทั้งสองเป็นการกระทำเพื่อสมคบกันครอบงำกิจการของจำเลยโดยไม่สุจริต
ป.พ.พ. มาตรา 18 ให้สิทธิโจทก์ร้องขอต่อศาลให้สั่งห้ามจำเลยใช้ชื่อทางการค้าของโจทก์เป็นของจำเลยเท่านั้น มิได้ให้สิทธิแก่โจทก์ที่จะบังคับให้จำเลยจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงชื่อจำเลยได้ คำขอบังคับของโจทก์ดังกล่าวจึงเป็นคำขอบังคับที่ไม่อาจทำได้ ปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศเห็นสมควรหยิบยกขึ้นวินิจฉัยและแก้ไขเสียให้ถูกต้องตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 45 ประกอบ ป.วิ.พ. มาตรา 246 และมาตรา 142 (5)