พบผลลัพธ์ทั้งหมด 632 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 877/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการห้ามบุคคลเข้าบ้านและการไม่มีข้อโต้แย้งสิทธิ การฟ้องขอให้ศาลห้ามจึงไม่ชอบ
ฟ้องโจทก์กล่าวว่าจำเลยเข้าไปในบ้านโจทก์ พาลหาเรื่องด่าว่าโจทก์เป็นการก่อความรำคาญเดือดร้อนแก่โจทก์ดังนี้เรียกไม่ได้ว่าจำเลยโต้แย้งสิทธิของโจทก์ ที่จะห้ามมิให้ใครเข้าบ้าน โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องขอให้ศาลห้ามจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 733/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อุทธรณ์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เหตุไม่วางค่าธรรมเนียมพร้อมอุทธรณ์ แม้แก้ปัญหาภายหลังก็สายเกินไป
จำเลยยื่นอุทธรณ์โดยมิได้นำเงินค่าธรรมเนียม ซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์ตามคำพิพากษามาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์ ตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 229 ศาลอุทธรณ์จึงวินิจฉัยว่า อุทธรณ์ของจำเลยเป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายที่จะพึง รับไว้พิจารณา จึงให้ยกอุทธรณ์ของจำเลยเสีย เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาแล้ว 22 วัน จำเลยได้ยื่นคำร้องขอวางเงิน ค่าธรรมเนียมที่จะต้องใช้แทนโจทก์ (ซึ่งขณะนั้นเป็นเวลาพ้นกำหนดอายุความอุทธรณ์นานถึง 5 เดือนเศษแล้ว) แล้วฎีกาขอให้ศาลฎีกาสั่งให้ศาลอุทธรณ์รับอุทธรณ์ของจำเลย ดังที่คดีไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะสั่งให้รับอุทธรณ์ของจำ เลยได้./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 733/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์ที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายเนื่องจากไม่วางเงินค่าธรรมเนียม ศาลฎีกายกคำขอให้รับอุทธรณ์
จำเลยยื่นอุทธรณ์โดยมิได้นำเงินค่าธรรมเนียม ซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์ตามคำพิพากษามาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 ศาลอุทธรณ์จึงวินิจฉัยว่าอุทธรณ์ของจำเลยเป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายที่จะพึงรับไว้พิจารณา จึงให้ยกอุทธรณ์ของจำเลยเสีย เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาแล้ว 22 วัน จำเลยได้ยื่นคำร้องขอวางเงินค่าธรรมเนียมที่จะต้องใช้แทนโจทก์ (ซึ่งขณะนั้นเป็นเวลาพ้นกำหนดอายุความอุทธรณ์นานถึง5เดือนเศษแล้ว) แล้วฎีกาขอให้ศาลฎีกาสั่งให้ศาลอุทธรณ์รับอุทธรณ์ของจำเลยดังนี้คดีไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะสั่งให้รับอุทธรณ์ของจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 881/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในทรัพย์สินและการจดทะเบียนที่ดิน: พนักงานเจ้าหน้าที่ไม่มีอำนาจขัดขวางการจดทะเบียนโดยไม่ชอบ
ไม่มีบทกฎหมายในที่ใดว่า คนไทยจะถือกรรมสิทธิ์ที่ดินจะต้องได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้รับจดทะเบียนก่อน หรือว่าจะมีกฎหมายให้อำนาจพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้รับจดทะเบียนให้หน่วงเหนี่ยวขัดขวางการรับจดทะเบียนไว้ได้ตามอำเภอใจพระราชบัญญัติว่าด้วยพนักงานเจ้าหน้าที่จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พ.ศ.2486 ซึ่งแก้ไข พ.ศ.2492 ก็ได้แต่เพียงบัญญัติให้บุคคลตามตำแหน่งหน้าที่ระบุไว้เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ขึ้นตามประมวลกฎหมายเท่านั้น หาได้มีข้อความใดที่จะให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจอนุญาตการซื้อขาย หรือหน่วงเหนี่ยวขัดขวางการขอจดทะเบียนนิติกรรมของราษฎรไว้ได้ไม่ ตรงกันข้ามกลับมีบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยมาตรา 26 ระบุไว้อีกว่า "บุคคลย่อมมีเสรีภาพบริบูรณ์ในทรัพย์สินฯลฯ ทั้งนี้ภายใต้บังคับแห่งกฎหมาย" ฉะนั้นการที่ราษฎรคนไทยขอให้นายอำเภอในฐานะพนักงานเจ้าหน้าที่จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ดำเนินการเพื่อทำนิติกรรมซื้อขายที่ดินให้ตน แต่นายอำเภออ้างว่าผู้ร้องมีบิดาเป็นคนต่างด้าว จึงต้องทำการสอบสวน และส่งเรื่องไปให้กรมที่ดินก่อนตามที่กระทรวงมหาดไทยวางระเบียบไว้ โดยที่ปรากฏอยู่ตามคำพิพากษาของศาลแล้วว่า ผู้นั้นเป็นคนสัญชาติไทย นั้น ย่อมเป็นข้ออ้างที่ปราศจากมูลที่จะหน่วงเหนี่ยวขัดขวางการรับจดทะเบียนนิติกรรมเสียเลยการกระทำของนายอำเภอจึงเป็นการกระทำอันมิชอบด้วยกฎหมายย่อมเป็นการกระทำละเมิด และจะอ้างว่า มีบุคคลอื่นใช้ให้ทำก็หาทำให้พ้นจากความรับผิดไม่ และระเบียบของกระทรวงมหาดไทยดังกล่าวหากจะมีจริงก็มิใช่กฎหมาย และไม่มีกฎหมายอันใด ให้อำนาจให้ออกระเบียบเช่นนั้นได้ ฉะนั้นจะใช้บังคับแก่ประชาชน จนก่อให้เกิดความเสียหายแก่เขานั้น ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 738/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์ซ้ำ: การยื่นอุทธรณ์ฉบับเดิมหลังศาลชั้นต้นพิพากษาใหม่ ไม่เป็นฟ้องอุทธรณ์ที่ชอบด้วยกฎหมาย
ฝ่ายที่แพ้คดี อุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้นครั้งหนึ่งแล้ว ศาลอุทธรณ์กลับพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้ฝ่ายนั้นแพ้คดีอีกฝ่ายนั้นยื่นคำแถลงการณ์ขออุทธรณ์คดีขอให้ถือฟ้องอุทธรณ์ฉบับเดิมเป็นฟ้องอุทธรณ์ในชั้นนี้ดังนี้ ย่อมไม่เป็นฟ้องอุทธรณ์ที่ชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2026/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกกรรมสิทธิ์โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายจากลายพิมพ์นิ้วมือหลอกลวง
มารดากับบุตรมีชื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินร่วมกัน ภายหลังบุตรขอให้มารดากดลายพิมพ์นิ้วมือให้ โดยอ้างว่าจะไปขึ้นเงินจำนองที่ดินรายนี้ ครั้นมารดากดลายพิมพ์นิ้วมือให้ไปแล้ว บุตรกลับไปทำเป็นหนังสือมอบอำนาจของมารดาให้บุตรเป็นผู้จัดการยกกรรมสิทธิ์ที่ดินส่วนของมารดาให้แก่บุตร และบุตรได้ดำเนินการมาจนเจ้าพนักงานที่ดินทำนิติกรรมยกให้ที่ดินส่วนมารดาเป็นกรรมสิทธิ์ของบุตร ดังนี้ มารดาย่อมมีสิทธิขอให้เพิกถอนการให้นี้ได้ เพราะถือได้ว่านิติกรรมการให้ดังกล่าวเป็นการไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1443/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่ชอบด้วยกฎหมาย หากไม่ได้ระบุข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายโดยย่อเป็นลำดับ
ฎีกาของจำเลยมิได้ระบุข้อเท็จจริงโดยย่อหรือข้อกฎหมายที่ยกขึ้นอ้างอิงเป็นลำดับอย่างไร คงกล่าวแต่ว่า ขอถือเอาเหตุผลและข้อเท็จจริงที่เคยพรรณาไว้ในฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยเป็นส่วนหนึ่งของฎีกาเท่านั้น ดังนี้ ไม่เป็นฎีกาที่ชอบด้วยกฎหมายตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 193 วรรค 2 ศาลฎีกาย่อมไม่รับไว้พิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1443/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่ชอบด้วยกฎหมายเนื่องจากมิได้ระบุข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายโดยย่อ
ฎีกาของจำเลยมิได้ระบุข้อเท็จจริงโดยย่อหรือข้อกฎหมายที่ยกขึ้นอ้างอิงเป็นลำดับอย่างไร คงกล่าวแต่ว่าขอถือเอาเหตุผลและข้อเท็จจริงที่เคยพรรณาไว้ในฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยเป็นส่วนหนึ่งของฎีกาเท่านั้น ดังนี้ ไม่เป็นฎีกาที่ชอบด้วยกฎหมาย ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 วรรคสอง ศาลฎีกาย่อมไม่รับไว้พิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1059/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่สามารถมาแถลงการณ์ตามกำหนดนัด ไม่ถือเป็นกระบวนพิจารณาไม่ชอบ
โจทก์อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้วขอแถลงการณ์ด้วยวาจาด้วย ศาลอุทธรณ์ได้ออกหมายนัดแถลงการณ์ส่งให้โจทก์ แต่ปรากฏว่าทนายโจทก์เพิ่งได้รับหมายนัดแถลงการณ์นั้นเป็นเวลาภายหลังกำหนดนัดไป 2 ชั่วโมง เศษ จึงไม่สามารถมาแถลงการณ์ตามกำหนดเวลาของศาลได้แต่ก็มิได้จัดการแถลงให้ศาลทราบหรือร้องขอแถลงการณ์อีกแต่ประการใด จนล่วงเลยมาถึง 12 วัน ศาลอุทธรณ์จึงตัดสินคดีไป ดังนี้ ยังไม่มีเหตุที่จะถือว่า ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาคดีไปโดยไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1040/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การระบุเวลาในฟ้องคดีอาญาที่ไม่ชัดเจนไม่ทำให้ฟ้องไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ฟ้องหาว่าจำเลยกระทำผิดโดยระบุวันเดือนปีที่กระทำผิด แต่เวลากล่าวว่า ไม่ปรากฏชัดจากการสอบสวน เพราะเกิดเหตุเมื่อเวลาจวนค่ำ จะว่ากลางคืนหรือกลางวัน โจทก์เกรงว่าจะไม่ตรงกับความจริง ความข้อนี้ก็ไม่ทำให้จำเลยหลงต่อสู้หรือเสียเปรียบในเชิงคดีแต่อย่างใด ดังนี้ จะว่าฟ้องของโจทก์ในเรื่องเวลาไม่ชอบด้วยกฎหมาย ยังไม่ได้