คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ข้อกำหนด

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 55 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 216/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจพนักงานเจ้าหน้าที่ภายใต้ พ.ร.บ.ป้องกันการค้ากำไรเกินควร: การออกข้อกำหนดที่เกินขอบเขตและกระทบสิทธิการประกอบอาชีพ
พนักงานเจ้าหน้าที่ที่คณะกรรมการป้องกันการค้ากำไรเกินควรแต่งตั้งขึ้นตามมาตรา 10 แห่ง พ.ร.บ.ป้องกันการค้ากำไรเกินควรนั้น หามีอำนาจที่จะสั่งการวางระเบียบการแก่บุคคลภายนอก อันถึงจะเอาความผิดเป็นโทษอาญาอย่างใดไม่
ประกาศขององค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกซึ่งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ ประกาศให้ผู้ขายปลีกเนื้อหมูชำแหละมาจดทะเบียนเป็นผู้ทำการค้าภายในกำหนด 15 วัน หากผู้ใดมิได้มาจดทะเบียนภายในกำหนดทำการจำหน่ายปลีกเนื้อหมูชำแหละในเขตเทศบาลกรุงเทพฯไม่ได้ ดังนี้ เมื่อพ้นกำหนดตามประกาศแล้ว บุคคลที่ต้องการประกอบอาชีพชะนิดนั้น ไม่มีทางที่จะทำการได้ เป็นการสงวนอาชีพไว้แต่เฉพาะผู้ที่ได้รับจดทะเบียนไว้แล้วในระหว่างเวลาที่กำหนดไว้เท่านั้น จึงเป็นเรื่องนอกเหนือไปจากการป้องกันการค้ากำไรเกินควรประกาศเช่นนี้ จึงย่อมไม่มีผลบังคับได้ตาม พ.ร.บ.ป้องกันการค้ากำไรเกินควร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 51/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฎีกาที่ไม่เป็นไปตามขั้นตอนและข้อกำหนดของกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ทำให้ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลย 3 เดือน ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยทำผิดจริงดังฟ้อง และพิพากษาลงโทษจำเลยแต่ให้รอการลงอาญาไว้ตาม มาตรา 41,42 กฎหมายลักษณะอาญา โจทก์จะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 ฎีกาโจทก์ไม่มีผู้รับรองตามมาตรา 221 ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1827/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจสอบสวนของตำรวจสันติบาลต้องมีฐานตามกฎหมาย โจทก์มีหน้าที่นำสืบ
ตำรวจสันติบาลจะมีอำนาจสอบสวนได้เพียงไรหรือไม่นั้นต้องเป็นไปตามข้อกำหนดหรือข้อบังคับ อันเป็นข้อเท็จจริงที่จะต้องนำสืบตามกระบวนความ.
(อ้างฎีกา 521 - 923/91)
จำเลยคัดค้านตลอดมาว่า ตำรวจสันติบาลไม่มีอำนาจสอบสวน เป็นการสอบสวนที่ไม่ชอบ แต่โจทก์หาได้นำสืบหรืออ้างอิงหลักฐานประการใดไม่ ดังนี้ คดีฟังไม่ได้ว่า ได้มีการสอบสวนโดยชอบ ศาลจำต้องยกฟ้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1827/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจสอบสวนของตำรวจสันติบาลต้องมีข้อกำหนดชัดเจน โจทก์ต้องนำสืบหลักฐานยืนยัน หากไม่สามารถทำได้ ศาลต้องยกฟ้อง
ตำรวจสันติบาลจะมีอำนาจสอบสวนได้เพียงไรหรือไม่นั้นต้องเป็นไปตามข้อกำหนดหรือข้อบังคับ อันเป็นข้อเท็จจริงที่จะต้องนำสืบตามกระบวนความ(อ้างฎีกา 921-923/2491)
จำเลยคัดค้านตลอดมาว่าตำรวจสันติบาลไม่มีอำนาจสอบสวน เป็นการสอบสวนที่ไม่ชอบแต่โจทก์หาได้นำสืบหรืออ้างอิงหลักฐานประการใดไม่ ดังนี้ คดีฟังไม่ได้ว่า ได้มีการสอบสวนโดยชอบ ศาลจำต้องยกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 54/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับพิจารณาเนื่องจากไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดการยื่นฎีกา
ฎีกาต้องรวมข้อเท็จจริงและเหตุผลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 193 มิฉะนั้นศาลฎีกาไม่รับพิจารณาฎีกานั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1161-1163/2487

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีที่ขาดข้อกำหนดตามกฎหมาย และผลของการยกฟ้อง
ในเรื่องมีกระบือแสดงความบริสุทธิ์ไม่ได้ ฟ้องของโจทก์ไม่ได้ระบุว่าสัตว์นั้นมีขนาดหรือลักษณะต้องตามที่กฎหมายบัญญัติให้ทำตั๋วรูปพรรณศาลพิพากษายกฟ้องไปแล้วดังนี้ถือว่ายกฟ้องในความผิดจะมาฟ้องใหม่ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 359/2484

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นคำคู่ความไม่ถูกต้องตามแบบพิมพ์ ศาลมีอำนาจสั่งไม่รับฟ้อง
เขียนคำคู่ความแซกลงระหว่างบรรทัดด้วยนั้น แม้เขียงลงในแบบพิมพ์ของศาลศาลก็สั่งไม่รับได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 256/2483

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประพฤติไม่เรียบร้อยในบริเวณศาลถือเป็นละเมิดอำนาจศาล แม้ออกข้อกำหนดก่อนไม่ได้
อยู่ในบริเวณศาลต้องประพฤติเรียบร้อย เมื่อประพฤติไม่เรียบร้อยย่อมมีผิดฐานละเมิดอำนาจศาล ใช้รองเท้าตีคนในบริเวณศาลขณะศาลเปิดทำการถือว่าเป็นการละเมิดอำนาจศาล

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4502/2558

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตความผิดฐานขับรถเสพยาเสพติด: การออกข้อกำหนดของอธิบดีและการตีความตามพจนานุกรม
พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43 ทวิ วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า "ห้ามมิให้ผู้ขับขี่เสพยาเสพติดให้โทษตามกฎหมายว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ หรือเสพวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทตามกฎหมายว่าด้วยวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ทั้งนี้ ตามที่อธิบดีกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา" ซึ่งคำว่า "ทั้งนี้" ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานให้ความหมายไว้ว่า ตามที่กล่าวมานี้ ดังนี้ ตามที่อธิบดีกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา จึงครอบคลุมถึงเสพยาเสพติดให้โทษตามกฎหมายว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ หรือเสพวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทตามกฎหมายว่าด้วยวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ซึ่งเป็นข้อความที่กล่าวไว้ก่อนคำว่าตามที่อธิบดีกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา มิใช่ครอบคลุมเฉพาะกรณีวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทเท่านั้น เมื่ออธิบดีกรมตำรวจออกข้อกำหนดห้ามมิให้ผู้ขับขี่เสพแอมเฟตามีนและเมทแอมเฟตามีน ตามข้อกำหนดกรมตำรวจ เรื่อง กำหนดชื่อและประเภทวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทและประเภทของรถที่ให้เจ้าพนักงานมีอำนาจตรวจสอบผู้ขับขี่ ลงวันที่ 13 กรกฎาคม 2537 โดยยังไม่ได้ออกข้อกำหนดห้ามมิให้ผู้ขับขี่เสพฝิ่นซึ่งเป็นยาเสพติดให้โทษตามกฎหมายว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานเป็นผู้ขับขี่เสพยาเสพติดให้โทษตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43 ทวิ วรรคหนึ่ง, 157/1 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 14588/2558

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์ต้องควบคู่กับคำพิพากษา หากอุทธรณ์เฉพาะคำสั่งระหว่างพิจารณา
ในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ศาลชั้นต้นเห็นว่าโจทก์ทั้งสองมีพฤติการณ์ประวิงคดีและคดีพอวินิจฉัยได้แล้ว จึงให้งดไต่สวนมูลฟ้อง คำสั่งดังกล่าวเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา และในวันเดียวกันศาลชั้นต้นมีคำพิพากษายกฟ้อง ซึ่ง ป.วิ.อ. มาตรา 196 บัญญัติว่า คำสั่งระหว่างพิจารณาที่ไม่ทำให้คดีเสร็จสำนวน ห้ามมิให้อุทธรณ์คำสั่งนั้นจนกว่าจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งในประเด็นสำคัญและมีอุทธรณ์คำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นด้วย เมื่อโจทก์ทั้งสองอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นต้องอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้นด้วย แต่อุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสองที่อุทธรณ์ว่า การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดไต่สวนพยานโจทก์ทั้งสองโดยอ้างว่าคดีพอวินิจฉัยได้แล้วเป็นการใช้ดุลพินิจที่ไม่ถูกต้องและไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น อุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสองในส่วนที่อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นไม่ได้คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่วินิจฉัยว่าข้อความที่จำเลยทั้งสองแจ้งต่อพนักงานสอบสวนไม่เป็นข้อความเท็จว่าไม่ถูกต้องและไม่ชอบด้วยกฎหมายอย่างไร จึงไม่ชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 193 วรรคสอง ถือว่าโจทก์ทั้งสองไม่ได้อุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้น อุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสองเป็นเพียงการอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นเท่านั้น ไม่ชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 196
of 6