คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ข้อสำคัญ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 76 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 424/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เบิกความเท็จในคดีแพ่ง เป็นข้อสำคัญในคดี ทำให้คู่ความเสียหาย ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177
จำเลยเป็นผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจำกัด ฟ้องขอให้โจทก์ชำระหนี้ค่าวัสดุก่อสร้างพร้อมทั้งดอกเบี้ย โจทก์ให้การต่อสู้ว่า ได้จ่ายเช็คเงินสดชำระหนี้ค่าสิ่งของให้แก่ห้างหุ้นส่วนจำกัดนั้นแล้ว แต่เช็คของโจทก์หลายฉบับรับเงินไม่ได้ จำเลยจึงมอบให้นายวินัยนำเช็คไปแจ้งความ ร้อยตำรวจโทชัยชาญพนักงานสอบสวนได้ให้โจทก์ชำระหนี้จำเลย โดยจำเลยและผู้แทนจำเลยมอบให้ร้อยตำรวจโทชัยชาญเป็นคนกลางรับชำระหนี้แทน โจทก์ได้ชำระหนี้ให้จำเลยเป็นเงินสด และนางสาวพยุงบุตรสาวโจทก์ได้จ่ายเช็คให้อีก 6 ฉบับ จำเลยหรือผู้แทนจำเลยได้รับเงินไปตามเช็คที่ถึงกำหนดแล้วบางฉบับ จำเลยได้เข้าเบิกความเป็นพยานต่อศาลว่า โจทก์ไม่เคยออกเช็คชำระหนี้ให้จำเลย จำเลยไม่เคยรู้จักนายวินัย ไม่เคยมอบให้นายวินัยไปแจ้งความเรื่องโจทก์ออกเช็ค โจทก์ไม่เคยเอาเช็คของนางสาวพยุงชำระหนี้ จำเลยไม่เคยรับเช็คจากร้อยตำรวจโทชัยชาญ ไม่รู้จักร้อยตำรวจโทชัยชาญ และไม่เคยพิพาทเรื่องเช็คกับโจทก์ ซึ่งข้อความที่จำเลยเบิกความเป็นพยานนี้เป็นความเท็จ หากศาลหลงเชื่อตามคำเบิกความของจำเลย ก็อาจทำให้ศาลไม่เชื่อข้อต่อสู้ของโจทก์ว่าได้ชำระหนี้บางส่วนให้จำเลยแล้วย่อมจะตัดสินให้โจทก์แพ้คดี ฉะนั้นคำเบิกความเท็จของจำเลยดังกล่าวจึงเป็นข้อสำคัญในคดี จำเลยต้องมีความผิดฐานเบิกความเท็จ
การฟ้องคดีฐานเบิกความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177นั้น กฎหมายมิได้บัญญัติว่าพยานจะต้องสาบานตัวก่อนเบิกความ จึงจะเป็นความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 424/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เบิกความเท็จในคดีแพ่งมีผลให้ศาลตัดสินคดีแพ้ได้ ถือเป็นข้อสำคัญในคดีฐานเบิกความเท็จ
จำเลยเป็นผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจำกัด. ฟ้องขอให้โจทก์ชำระหนี้ค่าวัสดุก่อสร้างพร้อมทั้งดอกเบี้ย. โจทก์ให้การต่อสู้ว่า ได้จ่ายเช็คเงินสดชำระหนี้ค่าสิ่งของให้แก่ห้างหุ้นส่วนจำกัดนั้นแล้ว. แต่เช็คของโจทก์หลายฉบับรับเงินไม่ได้. จำเลยจึงมอบให้นายวินัยนำเช็คไปแจ้งความ.ร้อยตำรวจโทชัยชาญพนักงานสอบสวนได้ให้โจทก์ชำระหนี้จำเลย.โดยจำเลยและผู้แทนจำเลยมอบให้ร้อยตำรวจโทชัยชาญเป็นคนกลางรับชำระหนี้แทน. โจทก์ได้ชำระหนี้ให้จำเลยเป็นเงินสด.และนางสาวพยุงบุตรสาวโจทก์ได้จ่ายเช็คให้อีก 6 ฉบับ.จำเลยหรือผู้แทนจำเลยได้รับเงินไปตามเช็คที่ถึงกำหนดแล้วบางฉบับ. จำเลยได้เข้าเบิกความเป็นพยานต่อศาลว่า.โจทก์ไม่เคยออกเช็คชำระหนี้ให้จำเลย. จำเลยไม่เคยรู้จักนายวินัย ไม่เคยมอบให้นายวินัยไปแจ้งความเรื่องโจทก์ออกเช็ค. โจทก์ไม่เคยเอาเช็คของนางสาวพยุงชำระหนี้. จำเลยไม่เคยรับเช็คจากร้อยตำรวจโทชัยชาญ ไม่รู้จักร้อยตำรวจโทชัยชาญ และไม่เคยพิพาทเรื่องเช็คกับโจทก์. ซึ่งข้อความที่จำเลยเบิกความเป็นพยานนี้เป็นความเท็จ. หากศาลหลงเชื่อตามคำเบิกความของจำเลย. ก็อาจทำให้ศาลไม่เชื่อข้อต่อสู้ของโจทก์ว่าได้ชำระหนี้บางส่วนให้จำเลยแล้วย่อมจะตัดสินให้โจทก์แพ้คดี. ฉะนั้นคำเบิกความเท็จของจำเลยดังกล่าวจึงเป็นข้อสำคัญในคดี. จำเลยต้องมีความผิดฐานเบิกความเท็จ.
การฟ้องคดีฐานเบิกความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177นั้น. กฎหมายมิได้บัญญัติว่าพยานจะต้องสาบานตัวก่อนเบิกความ จึงจะเป็นความผิด.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 855/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ รายละเอียดวันปิดรั้วไม่เป็นข้อสำคัญในคำฟ้องภารจำยอม ศาลพิจารณาจากสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับ
รายละเอียดเกี่ยวกับเวลาที่จำเลยทำรั้วลวดหนามปิดกั้นทางเดินซึ่งเป็นภารจำยอม ไม่ใช่ข้อสารสำคัญที่จะต้องกล่าวในคำฟ้องคดีแพ่ง เป็นแต่เพียงข้อที่อาจนำสืบได้ในชั้นพิจารณาเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1171/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องเบิกความเท็จ: คำเบิกความที่เป็นเหตุให้ยึดทรัพย์ถือเป็นข้อสำคัญ แม้โจทก์มิได้บรรยายความจริง
ในคดีเบิกความเท็จ คำเบิกความของจำเลยในชั้นไต่สวนคำร้องขอให้ยึดทรัพย์ก่อนพิพากษาในคดีของศาลแพ่งที่ระบุมาในฟ้อง อันเป็นเหตุให้ศาลแพ่งเชื่อและมีคำสั่งให้ยึดทรัพย์ไว้ก่อนพิพากษา เป็นคำเบิกความในข้อสำคัญแห่งคดี แม้โจทก์จะเพียงระบุกล่าวข้อความที่จำเลยเบิกความต่อศาลว่า โจทก์ยักย้ายทรัพย์ไปที่อื่น เซ้งร้านให้คนอื่น และโจทก์ไม่มีทรัพย์ที่อื่นอีก ซึ่งเป็นข้อความเท็จ ก็เป็นที่เข้าใจได้ในตัว ไม่จำต้องกล่าวย้ำอีกชั้นหนึ่งว่า ความจริงมิใช่เป็นดังที่จำเลยเบิกความ ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องที่สมบูรณ์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158(5) แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1171/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เบิกความเท็จในชั้นยึดทรัพย์: ฟ้องสมบูรณ์เมื่อความเท็จเป็นที่เข้าใจได้
ในคดีเบิกความเท็จ คำเบิกความของจำเลยในชั้นไต่สวนคำร้องขอให้ยึดทรัพย์ก่อนพิพากษาในคดีของศาลแพ่งที่ระบุมาในฟ้อง อันเป็นเหตุให้ศาลแพ่งเชื่อและมีคำสั่งให้ยึดทรัพย์ไว้ก่อนพิพากษา เป็นคำเบิกความในข้อสำคัญแห่งคดี แม้โจทก์จะเพียงระบุกล่าวข้อความที่จำเลยเบิกความต่อศาลว่า โจทก์ยักย้ายทรัพย์ไปที่อื่น เซ้งร้านให้คนอื่น และโจทก์ไม่มีทรัพย์ที่อื่นอีก ซึ่งเป็นข้อความเท็จ ก็เป็นที่เข้าใจได้ในตัว ไม่จำต้องกล่าวย้ำอีกชั้นหนึ่งว่า ความจริงมิใช่เป็นดังที่จำเลยเบิกความ ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องที่สมบูรณ์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 532/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เบิกความเท็จต้องเป็นข้อสำคัญแก่คดี จึงจะมีความผิดฐานเบิกความเท็จ
ที่จะเป็นผิดฐานเบิกความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177 นั้น ความเท็จนั้นจะต้องเป็นข้อสำคัญในคดี
โจทก์จ่ายเช็คให้นายหว่องหวั่นหลีเป็นค่าจ้างในการทำรั้วสังกะสี นายหว่องหวั่นหลีไม่ทำรั้วสังกะสีตามสัญญา โจทก์จึงอายัดเช็คไว้และไม่นำเงินเข้าบัญชีให้พอจ่ายตามเช็ค ภายหลังมีบุคคลที่ 3 อ้างว่าเป็นผู้ทรงเช็คนำเช็คนั้นมาฟ้องอาญาแก่โจทก์ฐานจ่ายเช็คไม่มีเงิน ศาลพิพากษายกฟ้องเรื่องเช็ค โดยเห็นว่าโจทก์อายัดเช็คไว้โดยไม่มีเจตนาทุจริตเพราะนายหว่องหวั่นหลีไม่ทำรั้วให้ตามสัญญา ระหว่างพิจารณาคดีอาญาเรื่องเช็ค จำเลยได้เข้าเบิกความเป็นพยานในคดีอาญาเรื่องเช็คนั้นว่า นายหว่องหวั่นหลีได้นำเช็คนั้นมาแลกเงินสดของจำเลยไป และจำเลยถูกจับเรื่องเล่นการพนันไพ่เผร่วมกับนายหว่องหวั่นหลี แต่มิได้ถูกตำรวจยึดเช็คนั้นไปด้วย ดังนี้ แม้ข้อความที่จำเลยเบิกความต่อศาลนั้นจะเป็นเท็จก็ไม่ใช่ข้อสำคัญแก่คดีที่จะทำให้โจทก์ต้องรับโทษในคดีเรื่องเช็คนั้นแต่อย่างใด การกระทำของจำเลยยังไม่เป็นผิดฐานเบิกความเท็จ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 532/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเบิกความเท็จต้องเป็นข้อสำคัญในคดี จึงจะมีความผิดฐานเบิกความเท็จ
ที่จะเป็นผิดฐานเบิกความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา177 นั้นความเท็จนั้นจะต้องเป็นข้อสำคัญในคดี
โจทก์จ่ายเช็คให้นายหว่องหวั่นหลีเป็นค่าจ้างในการทำรั้วสังกะสี นายหว่องหวั่นหลีไม่ทำรั้วสังกะสีตามสัญญาโจทก์จึงอายัดเช็คไว้และไม่นำเงินเข้าบัญชีให้พอจ่ายตามเช็ค ภายหลังมีบุคคลที่ 3 อ้างว่าเป็นผู้ทรงเช็คนำเช็คนั้นมาฟ้องอาญาแก่โจทก์ฐานจ่ายเช็คไม่มีเงิน ศาลพิพากษายกฟ้องเรื่องเช็ค โดยเห็นว่าโจทก์อายัดเช็คไว้โดยไม่มีเจตนาทุจริตเพราะนายหว่องหวั่นหลีไม่ทำรั้วให้ตามสัญญาระหว่างพิจารณาคดีอาญาเรื่องเช็ค จำเลยได้เข้าเบิกความเป็นพยานในคดีอาญาเรื่องเช็คนั้นว่านายหว่องหวั่นหลีได้นำเช็คนั้นมาแลกเงินสดของจำเลยไปและจำเลยถูกจับเรื่องเล่นการพนันไพ่เผร่วมกับนายหว่องหวั่นหลีแต่มิได้ถูกตำรวจยึดเช็คนั้นไปด้วยดังนี้ แม้ข้อความที่จำเลยเบิกความต่อศาลนั้นจะเป็นเท็จก็ไม่ใช่ข้อสำคัญแก่คดีที่จะทำให้โจทก์ต้องรับโทษในคดีเรื่องเช็คนั้นแต่อย่างใด การกระทำของจำเลยยังไม่เป็นผิดฐานเบิกความเท็จ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 697/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เบิกความเท็จต้องเกี่ยวกับข้อสำคัญในคดีอาญา การได้ยินคำพูดบุตรสาวโจทก์ไม่ใช่ข้อสำคัญ
ในคดีอาญาฐานวางเพลิงที่โจทก์ถูกฟ้องข้อสำคัญในคดีก็คือ โจทก์วางเพลิงหรือไม่จำเลยเบิกความโดยนำข้อความที่ตนได้ยินจากคำพูดบุตรสาวโจทก์ที่พูดว่าโจทก์ ("เป็นหยังตำรวจไม่มาลากคอมันไปบักเพลิงใหญ่") ซึ่งข้อความที่บุตรสาวโจทก์พูดนั้นจะเป็นความจริงหรือไม่ จำเลยไม่ได้ยืนยัน ถือไม่ได้ว่าจำเลยทำผิดฐานเบิกความเท็จ (อ้างฎีกาที่ 172/2483)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 697/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เบิกความเท็จในคดีอาญา: ข้อสำคัญในคดีคือการกระทำผิดของผู้ต้องหา ไม่ใช่คำพูดของบุคคลอื่น
ในคดีอาญาฐานวางเพลิงที่โจทก์ถูกฟ้องข้อสำคัญในคดีก็คือโจทก์วางเพลิงหรือไม่ จำเลยเบิกความโดยนำข้อความที่ตนได้ยินจากคำพูดบุตรสาวโจทก์ที่พูดว่าโจทก์ ('เป็นหยังตำรวจไม่มาลากคอมันไปบักเพลิงใหญ่') ซึ่งข้อความที่บุตรสาวโจทก์พูดนั้นจะเป็นความจริงหรือไม่ จำเลยไม่ได้ยืนยันถือไม่ได้ว่าจำเลยทำผิดฐานเบิกความเท็จ(อ้างฎีกาที่ 172/2483)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 130/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเบิกความเท็จต่อศาล ไม่จำเป็นต้องสาบานตนก่อน หากความเท็จนั้นเป็นข้อสำคัญในคดี
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177 มิได้วางเกณฑ์องค์ประกอบความผิดไว้ว่า พยานที่เบิกความเท็จนั้นจะต้องได้สาบานหรือปฏิญาณตัวแล้วด้วยจึงจะมีความผิดดังเช่นในกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 155ความมุ่งหมายอันเป็นสารสำคัญของมาตรา 177 อยู่ที่จะเอาผิดกับผู้เบิกความในข้อสำคัญแห่งคดีด้วยความเท็จเป็นสำคัญเพราะการเบิกความเท็จต่อศาลย่อมมีส่วนทำให้เสื่อมเสียความยุติธรรมได้
of 8