พบผลลัพธ์ทั้งหมด 53 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 811/2486
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ป้องกันเกินสมควร: การกระทำโดยฉับพลันและบังเอิญ
ผู้ตายเป็นโจรขึ้นไปลักทรัพย์บนเรือนจำเลย จำเลยกอดไว้เรียกชาวบ้านช่วยจำเลยใช้กริชแทงผู้ตายไป 1 ทีถูกหัวใจผู้ตายถึงแก่ความตายเป็นการป้องกันเกินสมควร แต่จำเลยได้กระทำไปโดยฉับพลันและทำทีเดียวบังเอิญไปถูกหัวใจ ไม่ถือว่ามีเจตนาฆ่าให้ตายจำเลยมีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 251,50 และ 53
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 527/2485
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ป้องกันเกินสมควร: การใช้ปืนยิงในที่นาห้ามถือเป็นความผิด
ใช้ปืนยิงผู้ขับเกวียนเข้าไปในนาห้ามก็ไม่ฟัง เป็นผิดฐานป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 190/2482
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ป้องกันเกินสมควร: การยิงผิดตัวในเหตุการณ์ป้องกันการฉุดคร่า
เวลากลางคืนผู้ใหญ่บ้านมาเฝ้าบ้านที่มีข่าวว่าจะมีคนมาฉุดลูกสาวเจ้าของบ้าน มีคนมาบอกว่าผู้ร้ายมาแล้วผู้ใหญ่บ้านลงเรือนไปพวกที่มาฉายไฟจำเลยก็ยิงไป 3 นัดในระยะห่างกัน 3 วา ถูกผู้ตายถึงตายปรากฎว่าผู้ตายเป็นพวกที่จะมาช่วยป้องกันอีกพวกหนึ่ง ดังนี้ตัดสินว่าผู้ใหญ่บ้านกระทำการป้องกันเกินสมความแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1038/2481
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดฐานฆ่าคนตายจากการไล่ติดตามขโมยทรัพย์สิน ศาลฎีกาตัดสินว่าไม่ใช่การป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ
จำเลยไล่ติดตามผู้ร้ายซึ่งลักกระบือของจำเลยมาพอจำเลยส่องไฟถูกผู้ร้าย ๆ ก็วางเชือกกระบือที่กำลังจูงอยู่ออกวิ่งหนี จำเลยก็แทงผู้ร้ายด้วยหอกถึงแก่ความตายดังนี้ จำเลยมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาเพราะถูกยั่วโทษะไม่ใช่เป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1088/2479
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ: ผู้ถูกทำร้ายท้าทายแต่ผู้ถูกทำร้ายเสียเปรียบ
พฤตติการณ์ที่ถือว่าเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 894/2478
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำรับสารภาพกับการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ ศาลมีดุลยพินิจไม่จำต้องลงโทษตามคำรับ
คำรับ ศาลไม่จำต้องฟังคำรับสารภาพของจำเลยมาลงโทษจำเลยเสมอไป เป็นข้อดุลยพินิจของศาลที่จะวินิจฉัยเอาเองว่าควรจะลงโทษจำเลยตามคำรับหรือไม่ จำเลยต่อสู้ว่าได้ทำร้ายเขาโดยป้องกัน แต่รับสารภาพว่าได้ทำเกินสมควรแก่เหตุไป จึงถึงตายเช่นนี้เมื่อทางพิจารณาฟังได้ว่าจำเลยได้กระทำโดยป้องกันพอสมควรแก่เหตุ ศาลไม่จำต้องฟังคำรับของจำเลยพิพากษาให้ยกฟ้องได้ ฎีกาอุทธรณ์ดุลยพินิจ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 472/2477
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันเกินสมควรแก่เหตุเป็นปัญหาข้อเท็จจริง การวินิจฉัยอ้างอิงตัวบทเป็นปัญหาข้อกฎหมาย
ปัญหาข้อเท็จจริง การกระทำเป็นการป้องกันเกินสมควรกว่าเหตุหรือไม่เป็นปัญหาข้อเท็จจริง ลักษณพะยาน ข้อความใดต้องวินิจฉัยโดยอาศัยตัวบทหรือกฎหมายนับว่าเป็นข้อกฎหมาย ถ้าไม่ต้องอาศัยตัวบทหรือกฎหมายนับว่าเป็นข้อเท็จจริง มีข้อยกเว้นเรื่องแปลเอกสาร+นับว่าเป็นปัญหากฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6397/2557
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันสิทธิเกินสมควร และอำนาจโจทก์ร่วม/การเรียกร้องค่าเสียหายในคดีอาญา
เมื่อ ส. ผู้ตายเป็นผู้ก่อให้จำเลยกระทำความผิด ผู้ตายจึงไม่ใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัยสำหรับความผิดตาม ป.อ. มาตารา 288 ประกอบมาตรา 69 โจทก์ร่วมที่ 1 ซึ่งเป็นมารดาผู้ตายย่อมไม่มีอำนาจจัดการแทนผู้ตายได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 5 (2) และไม่มีอำนาจเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการตาม ป.วิ.อ. มาตรา 30 และยื่นคำร้องขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตาม ป.วิ.อ. มาตรา 44/1
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5904/2553
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันเกินสมควรแก่เหตุในการทำร้ายร่างกายและพยายามฆ่า: พิจารณาเจตนา, เหตุป้องกัน, และการใช้ดุลพินิจของศาล
จำเลยใช้อาวุธปืนยิงสวนผู้เสียหายไปในทันทีทันใดในท่านอนตะแคง โดยไม่มีโอกาสเลือกยิงจุดสำคัญของร่างกายผู้เสียหาย เมื่ออาวุธปืนโดยสภาพย่อมเป็นอาวุธที่ใช้ทำอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ในทันทีทันใด ประกอบกับกระสุนปืนก็ถูกที่บริเวณใบหน้าซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญของร่างกาย การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงไปที่ผู้เสียหายในระยะใกล้ประชิดติดตัวก็ย่อมเล็งเห็นผลได้ว่ากระสุนปืนจะต้องถูกผู้เสียหายให้ได้รับบาดเจ็บเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ เมื่อผู้เสียหายไม่ถึงแก่ความตายสมดังเจตนาของจำเลย จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย หาใช่ไม่มีเจตนาฆ่า และเป็นเพียงความผิดฐานทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ผู้เสียหายรับอันตรายสาหัสไม่ อย่างไรก็ตามเมื่อจำเลยถูกผู้เสียหายใช้ไม้ตีทำร้ายก่อนซึ่งจำเลยย่อมมีสิทธิป้องกันตัวได้ แต่เมื่อไม้ดังกล่าวมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 นิ้ว และเมื่อตีถูกจำเลยแล้วไม้ดังกล่าว ก็หักทันที อีกทั้งไม่ปรากฏว่าผู้เสียหายจะกระทำการอย่างใดอื่นอีกที่ส่อแสดงให้เห็นอย่างแจ้งชัดว่ามีเจตนาจะทำร้ายจำเลยเพิ่มเติมให้หนักขึ้นกว่าเดิม การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงสวนไปที่ผู้เสียหายในขณะนั้น โดยมีโอกาสที่จะหยุดยั้งการกระทำของผู้เสียหายได้โดยวิธีอื่นอีก พฤติการณ์ดังกล่าวย่อมถือได้ว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุอันจะเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายตาม ป.อ. มาตรา 69 แต่เป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุตาม ป.อ. มาตรา 69
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6025/2550 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันเกินสมควรแก่เหตุและการรับผิดในความเสียหายจากการกระทำละเมิด แม้ผู้ถูกกระทำมีส่วนก่อเหตุ
แม้โจทก์จะมีส่วนก่อเหตุ โดยเฉพาะกับจำเลยที่เป็นพ่อตาโจทก์ที่ถูกโจทก์กระทำไม่สมควรอย่างยิ่ง แต่การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงโจทก์อันถือว่าเป็นการกระทำของจำเลยที่ร้ายแรงมากกว่าการกระทำของโจทก์ที่เป็นผู้ก่อเหตุคดีนี้ ตามข้อเท็จจริงที่รับฟังมาได้แล้วว่า การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ จึงเป็นการที่จำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์แล้ว กรณีหาใช่ว่าเป็นความยินยอมของโจทก์ไม่ จำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 442 ประกอบด้วยมาตรา 223