พบผลลัพธ์ทั้งหมด 128 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 151/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปลูกสร้างบนที่ดินของเด็กผู้เยาว์: ข้อยกเว้นการเป็นส่วนควบของที่ดิน
ส.บิดาผู้ร้องปลูกบ้านโดยใช้เงินของส. และจำเลยซึ่งเป็นมารดาผู้ร้องลงในที่ดินผู้ร้องซึ่งขณะปลูกนั้นผู้ร้องอายุไม่เกิน 7ปี เพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยร่วมกัน พอถือได้ว่าปลูกโดยผู้ร้องทั้งสามรู้เห็นยินยอมด้วยกรณีเข้าข้อยกเว้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 109 บ้านพิพาทจึงไม่ตกเป็นส่วนควบของที่ดินอันจะถือว่าเป็นของผู้ร้องทั้งสามผู้ร้องทั้งสามไม่มีสิทธิร้องขัดทรัพย์บ้านพิพาทที่โจทก์นำยึด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 151/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปลูกสร้างบ้านโดยเงินร่วมกันในที่ดินของบุตรผู้เยาว์: ไม่ถือเป็นส่วนควบ
ส. บิดาผู้ร้องปลูกบ้านโดยใช้เงินของ ส. และจำเลยซึ่งเป็นมารดาผู้ร้องลงในที่ดินผู้ร้องซึ่ง ขณะปลูกนั้นผู้ร้องอายุไม่เกิน 7 ปี เพื่อใช้ เป็นที่อยู่อาศัยร่วมกัน พอถือได้ว่าปลูกโดยผู้ร้องทั้งสามรู้เห็นยินยอมด้วย กรณีเข้าข้อยกเว้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 109 บ้านพิพาทจึงไม่ตกเป็นส่วนควบของที่ดินอันจะถือว่าเป็นของผู้ร้องทั้งสาม ผู้ร้องทั้งสามไม่มีสิทธิร้องขัดทรัพย์บ้านพิพาทที่โจทก์นำยึด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1380/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ไม้ยืนต้นปลูกชั่วคราวไม่เป็นส่วนควบของที่ดิน สิทธิในต้นสนเป็นกรรมสิทธิ์รวม ผู้รับจำนองบังคับคดีไม่ได้
ไม้ยืนต้นเป็นส่วนควบกับที่ดินที่ปลูกไม้นั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 108 วรรคแรก แต่ถ้าไม้ยืนต้นนั้น ผู้ปลูกมีเจตนาจะปลูกลงในที่ดินชั่วระยะเวลาอันมีจำกัดเพียงชั่วคราว ย่อมถือได้ว่าเป็นทรัพย์ที่ติดกับที่ดินเพียงชั่วคราวไม่กลายเป็นส่วนควบของที่ดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 109
จำเลยตกลงให้ผู้ร้องปลูกต้นสนลงในที่ดินของจำเลย เมื่อต้นสนโตเต็มที่จะตัดขายเอาเงินมาแบ่งกัน ต้นสนไม่ตกเป็นส่วนควบของที่ดิน แต่เป็นกรรมสิทธิ์รวมระหว่างจำเลยกับผู้ร้อง จำเลยนำที่ดินไปจำนองไว้กับโจทก์ โจทก์ไม่มีสิทธิบังคับคดีเอาจากต้นสนส่วนของผู้ร้องซึ่งเป็นบุคคลภายนอก ผู้ร้องมีสิทธิขอกันส่วนได้
(วรรคแรก วินิจฉัยโดยมติที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 1/2532)
จำเลยตกลงให้ผู้ร้องปลูกต้นสนลงในที่ดินของจำเลย เมื่อต้นสนโตเต็มที่จะตัดขายเอาเงินมาแบ่งกัน ต้นสนไม่ตกเป็นส่วนควบของที่ดิน แต่เป็นกรรมสิทธิ์รวมระหว่างจำเลยกับผู้ร้อง จำเลยนำที่ดินไปจำนองไว้กับโจทก์ โจทก์ไม่มีสิทธิบังคับคดีเอาจากต้นสนส่วนของผู้ร้องซึ่งเป็นบุคคลภายนอก ผู้ร้องมีสิทธิขอกันส่วนได้
(วรรคแรก วินิจฉัยโดยมติที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 1/2532)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1380/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ต้นสนบนที่ดินจำนอง: การพิจารณาความเป็นส่วนควบหรือทรัพย์สินชั่วคราว
ไม้ยืนต้นเป็นส่วนควบกับที่ดินที่ปลูกไม้นั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 108 วรรคแรก แต่ ถ้า ไม้ยืนต้นนั้น ผู้ปลูกมีเจตนาจะปลูกลงในที่ดินชั่วระยะเวลาอันมีจำกัดเพียงชั่วคราว ย่อมถือได้ว่าเป็นทรัพย์ที่ติด กับที่ดินเพียงชั่วคราวไม่กลายเป็นส่วนควบของที่ดินตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 109 จำเลยตกลง ให้ผู้ร้องปลูกต้นสน ลงในที่ดินของจำเลย เมื่อต้นสนโต เต็มที่จะตัด ขายเอาเงินมาแบ่งกัน ต้นสน ไม่ตกเป็นส่วนควบของที่ดินแต่ เป็นกรรมสิทธิ์รวมระหว่างจำเลยกับผู้ร้อง จำเลยนำที่ดินไปจำนองไว้กับโจทก์ โจทก์ไม่มีสิทธิบังคับคดีเอาจากต้นสนส่วนของผู้ร้องซึ่ง เป็นบุคคลภายนอก ผู้ร้องมีสิทธิขอกันส่วนได้ (วรรคแรก วินิจฉัยโดย มติที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 1/2532)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 788/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในที่ดินเช่า: สิ่งปลูกสร้างเป็นส่วนควบของที่ดินเมื่อผู้เช่าไม่มีสิทธิ
ว.เป็นผู้เช่าที่ดินจากจำเลยในฐานะส่วนตัว มิใช่เป็นตัวแทนเชิดของโจทก์ แม้โจทก์จะเข้าไปประกอบกิจการโรงแรมในที่เช่าและก่อนสัญญาเช่าครบกำหนดเวลา ว. ได้แสดงเจตนาขอต่ออายุสัญญาเช่าก็ไม่ก่อนิติสัมพันธ์ระหว่างจำเลยกับโจทก์ โจทก์ไม่อาจอ้างสิทธิประโยชน์ใด ๆ จากสัญญาเช่าได้ การที่โจทก์ปลูกสร้างโรงแรม สระว่ายน้ำ ภัตตาคารในที่เช่า จึงเป็นการปลูกสร้างโดยไม่มีสิทธิในที่ดินของจำเลย สิ่งปลูกสร้างดังกล่าวเป็นส่วนควบกับที่ดินและตกเป็นของจำเลยโจทก์ไม่อาจฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายใด ๆ เกี่ยวกับสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 597/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ในที่ดินและส่วนควบ: การซื้อขายที่ดินเฉพาะส่วนทำให้กรรมสิทธิ์ในตึกแถวที่ตั้งอยู่บนที่ดินนั้นตกเป็นของผู้ซื้อ
ผู้ร้องที่ 1 ถึงที่ 18 ได้จดทะเบียนซื้อขายที่ดินเฉพาะส่วนของตนกับจำเลยต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว และร่วมกันยื่นคำร้องขอแบ่งแยกที่ดินเฉพาะส่วนที่ผู้ร้องทุกคนซื้อจากจำเลยซึ่งตึกแถวพิพาทตั้งอยู่ ย่อมเล็งเห็นเจตนาได้ว่าผู้ร้องและจำเลยตกลงซื้อขายที่ดินเฉพาะส่วนที่ตึกแถวพิพาทที่ผู้ร้องแต่ละรายตกลงซื้อจากจำเลยตั้งอยู่ เมื่อจำเลยจดทะเบียนโอนขายกรรมสิทธิ์ที่ดินให้แก่ผู้ร้องแต่ละราย ผู้ร้องย่อมได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินโดยสมบูรณ์ แม้การซื้อขายตึกแถวพิพาทจะยังไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ แต่ตึกแถวพิพาทเป็นส่วนควบของที่ดินที่เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้อง ผู้ร้องจึงเป็นเจ้าของตึกแถวพิพาท โจทก์จะขอยึดตึกแถวพิพาทเอาชำระหนี้ไม่ได้.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 336/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลดหย่อนภาษีโรงเรือนสำหรับโรงงานบรรจุสินค้า: เครื่องจักรกลไกเป็นส่วนควบสำคัญ แม้ไม่ใช่เครื่องกระทำหรือเครื่องกำเนิดสินค้า
บริษัทโจทก์ผลิตปูนซิเมนต์ออกจำหน่ายโดยโรงงานอยู่ในต่างจังหวัดแล้วส่งปูนซิเมนต์ผงมาบรรจุลงถุงที่โรงงานในกรุงเทพมหานครซึ่งมีอาคารเครื่องจักรโรงรับปูนซิเมนต์ผงทางรถไฟอาคารเครื่องจักรโรงห่อปูนซิเมนต์ถุงอาคารเครื่องจักรจ่ายปูนซิเมนต์ถุงทางรถยนต์.อาคารเครื่องจักรไซโลปูนผงซึ่งอาคารทั้งสี่อยู่ติดต่อกันเครื่องจักรทำงานต่อเนื่องกันและอาคารเครื่องชั่งถึงแม้โรงงานนี้จะมิได้ติดตั้งเครื่องจักรประเภทเครื่องกระทำหรือเครื่องกำเนินสินค้าแต่ก็เป็นโรงเรือนที่ติดตั้งเครื่องจักรกลไกอันเป็นส่วนควบที่สำคัญเพื่อใช้ดำเนินการอุตสาหกรรมที่ต่อเนื่องจากการผลิตปูนซิเมนต์ผงของโจทก์เพราะการจำหน่ายแก่ลูกค้าต้องบรรจุเป็นถุงโรงเรือนดังกล่าวจึงได้รับลดหย่อนค่ารายปีลงเหลือ1ใน3ตามพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดินพ.ศ.2475มาตรา13. บ้านพักคนงานห้องน้ำห้องส้วมเป็นโรงเรือนที่โจทก์ให้คนงานเข้าพักอาศัยเมื่อเลิกงานแล้วกลับบ้านไม่ได้ก็เพื่อประโยชน์ในการประกอบอุตสาหกรรมของโจทก์มิใช่เป็นการเข้าอยู่เพื่อเฝ้ารักษาโรงเรือนถือไม่ได้ว่าเป็นโรงเรือนที่เจ้าของอยู่เองหรือให้ผู้แทนอยู่เฝ้ารักษาอันจะได้รับงดเว้นไม่ต้องเสียภาษีโรงเรือนตามความหมายของมาตรา10 ป้อมยามเป็นโรงเรือนที่โจทก์ให้คนยามเข้าใช้สอยในการปฏิบัติหน้าที่เวรยามเพื่อประโยชน์ในการประกอบอุตสาหกรรมของโจทก์ถือไม่ได้ว่าเป็นโรงเรือนที่เจ้าของอยู่เองหรือให้ผู้แทนอยู่เฝ้ารักษาตามความหมายของมาตรา10.(ที่มา-เนติฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2592/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินภาษีโรงเรือนที่ถูกต้อง: การพิจารณาโรงเรือนประเภทอุตสาหกรรม, ส่วนควบ, และการคืนเงินภาษีเกิน
โรงเรือนของโจทก์เป็นประเภทโรงงานโรงเรือนของบริษัทท.เป็นโรงเรือนธรรมดาสภาพของโรงเรือนไม่เหมือนกันพนักงานของจำเลยที่1นำอัตราค่าเช่าโรงเรือนของบริษัทท.ซึ่งให้บริษทข.เช่ามาเป็นเกณฑ์คำนวณค่ารายปีของบริษัทโจทก์ด้วยจึงไม่ถูกต้องตามความเป็นจริงและที่โรงเรือนของบริษัทท.ให้เช่าได้เดือนละ100,000บาทก็เป็นเรื่องเฉพาะรายไม่ใช่อัตราค่าเช่าทั่วๆไปทั้งที่ดินและโรงเรือนดังกล่าวอยู่คนละถนนกันการที่พนักงานของจำเลยที่1แก้ไขค่ารายปีของโจทก์เป็นเหตุให้โจทก์ต้องเสียภาษีโรงเรือนเพิ่มขึ้นมากมายและอัตราส่วนที่เพิ่มก็ไม่แน่นอนดังนี้เป็นการประเมินเรียกเก็บภาษีที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายสมควรให้ประเมินเพิ่มขึ้นปีละ20เปอร์เซนต์ตามทภาวะค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น โรงพ่นสีของโจทก์ให้เป็นที่พ่นสีกระเบื้องลอนคู่มุงหลังคาบ้านภายในโรงงานมีแท่นสายพาน3แท่นยาวตลอดโรงงานติดตั้งถาวรกับเสาเหล็กมีกล่องเหล็กสำหรับอบความร้อนและพ่นสีหุ้นสายพานมีเครื่องพ่นสีติดตั้งอยู่เหนือแท่นสายพานมีเครื่องปั๊มลมอยู่ด้านหลังใกล้ๆเครื่องปั๊มลมมีเครื่องทำความร้อน3เครื่องและมีท่อระบายความร้อนผ่านเหนือแท่นสายพานโรงพ่นสีของโจทก์จึงเป็นโรงเรือนที่ติดตั้งส่วนควบที่สำคัญมีลักษณะเป็นเครื่องจักรกลไกเพื่อให้ดำเนินอุตสาหกรรมผลิตกระเบื้องของโจทก์ย่อมได้รับลดอย่อนค่ารายปีลงเหลือหนึ่งในสามตามมาตรา13แห่งพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดินพุทธศักราช2475หาจำต้องเป็นเครื่องจักรกลไกที่มีลักษณะเป็นเครื่องกระทำหรือเครื่องกำเนิดสินค้าด้วยไม่ โจทก์เป็นบริษัทจำกัดมีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการค้าและประกอบการอุตสาหกรรมผลิตกระเบื้องกระดาษเพื่อมุ่งหาผลกำไรสำนักกานนายช่างก็คือสถานที่ดำเนินงานของโจทก์ส่วนโรงอาหารก็จัดไว้เพื่อพนักงานของโจทก์หรือผู้ที่มาติดต่อธุรกิจกับโจทก์ส่วนสถานพยาบาลก็เป็นสถานที่สำหรับรักษาพยาบาลให้แก่พนักงานของโจทก์โดยเฉพาะถือได้ว่าโจทก์ใช้โรงเรือนดังกล่าวเพื่อประโยชน์ในการประกอบธุรกิจอุตสาหกรรมของโจทก์มิใช่อยู่เองหรือให้ผู้แทนอยู่เฝ้ารักษาตามความหมายของมาตรา10แห่งพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดินพุทธศักราช2475ที่แก้ไขแล้ว พระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดินพุทธศักราช2475มาตรา39วรรคสองมีความหมายว่าในกรณีที่โจทก์ฟ้องขอคืนเงินค่าภาษีส่วนที่โจทก์จำต้องชำรเกินไปและศาลพิพากษาให้คืนจำเลยก็ต้องคืนให้โจทก์ภายในกำหนด3เดือนนับแต่คำพิพากษาถึงที่สุดโดยไม่ต้องเสียดอกเบี้ยแต่ถ้าไม่คืนในกำหนดเวลาดังกล่าวจำเลยก็ต้องเสียดอกเบี้ย(ร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี)ให้โจทก์โดยนับแต่วันครบกำหนด3เดือนจากวันที่คำพิพากษาถึงที่สุด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3200/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนการโอนที่ดินรวมถึงสิ่งปลูกสร้าง ย่อมถือว่าเป็นการเพิกถอนกรรมสิทธิ์ในส่วนควบของที่ดินด้วย
คำฟ้องและคำขอท้ายฟ้องของโจทก์มุ่งประสงค์บังคับถึงสิ่งปลูกสร้างที่ปลูกอยู่ในที่ดินที่พิพาทกันด้วย คำให้การของจำเลยทั้งสองมิได้ปฏิเสธว่าสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวเป็นสินส่วนตัวของจำเลยที่ 2 โดยเฉพาะ โจทก์จะเพิกถอนเอาเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ไม่ได้ และมิได้ตั้งเป็นประเด็นข้อพิพาทที่โจทก์และจำเลยจะต้องนำสืบ ทั้งสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวเป็นส่วนควบของที่ดินจึงต้องถือว่าจำเลยทั้งสองยอมรับว่าหากมีการเพิกถอนใส่ชื่อโจทก์ในโฉนดที่ดินนั้นแล้วย่อมรวมถึงสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินด้วย ฉะนั้น เมื่อศาลพิพากษาให้เพิกถอนนิติกรรมการโอนที่ดินระหว่างจำเลยทั้งสองแล้วให้ใส่ชื่อโจทก์เป็นเจ้าของร่วมกับจำเลยที่ 1 ในโฉนด ดังนี้ ย่อมหมายความรวมถึงสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินตามโฉนดดังกล่าวด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3200/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีเพิกถอนโอนที่ดินรวมถึงสิ่งปลูกสร้าง ย่อมรวมถึงส่วนควบของที่ดินด้วย
คำฟ้องและคำขอท้ายฟ้องของโจทก์มุ่งประสงค์บังคับถึงสิ่งปลูกสร้างที่ปลูกอยู่ในที่ดินที่พิพาทกันด้วยคำให้การของจำเลยทั้งสองมิได้ปฏิเสธว่าสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวเป็นสินส่วนตัวของจำเลยที่ 2 โดยเฉพาะ โจทก์จะเพิกถอนเอาเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ไม่ได้ และมิได้ตั้งเป็นประเด็นข้อพิพาทที่โจทก์และจำเลยจะต้องนำสืบ ทั้งสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวเป็นส่วนควบของที่ดิน จึงต้องถือว่าจำเลยทั้งสองยอมรับว่าหากมีการเพิกถอนใส่ชื่อโจทก์ในโฉนดที่ดินนั้นแล้วย่อมรวมถึงสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินด้วยฉะนั้น เมื่อศาลพิพากษาให้เพิกถอนนิติกรรมการโอนที่ดินระหว่างจำเลยทั้งสองแล้วให้ใส่ชื่อโจทก์เป็นเจ้าของร่วมกับจำเลยที่ 1 ในโฉนด ดังนี้ ย่อมหมายความรวมถึงสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินตามโฉนดดังกล่าวด้วย