พบผลลัพธ์ทั้งหมด 74 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3263/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดำเนินคดีอนาถาและการจำวันนัด: ผลกระทบต่อการพิจารณาคดี
จำเลยไม่มาศาลในวันนัดไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้อง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ถือว่าจำเลยไม่มีพยานให้ศาลไต่สวนให้ได้ความว่าจำเลยเป็นคนอนาถาให้ยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์เสียเท่ากับวินิจฉัยในเนื้อหาแห่งคำร้องของจำเลยแล้วว่าจำเลยไม่ใช่คนอนาถาต่อมาจำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้จำเลยได้ไต่สวนคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถา อ้างเหตุว่าจำวันนัดผิดพลาด การขาดนัดไต่สวนคำร้องมิได้เป็นไปโดยเจตนาศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยจะอ้างเหตุว่าจำวันนัดคลาดเคลื่อนมาเป็นข้ออ้างหาได้ไม่ให้ยกคำร้องของจำเลยเสีย ดังนี้ย่อมมีผลเช่นเดียวกับคำสั่งเดิมที่ว่าจำเลยไม่ใช่คนอนาถา เมื่อจำเลยอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์พิพากษายืน คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ย่อมถึงที่สุด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2646/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสาบานตัวขอเป็นคนอนาถาต้องกระทำด้วยตนเอง ผู้รับมอบอำนาจสาบานแทนไม่ได้
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 บัญญัติให้ ผู้จะฟ้องหรือต่อสู้คดีอย่างคนอนาถายื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้อง พร้อมกับคำฟ้อง ฯลฯและสาบานตัวให้คำชี้แจงว่า ตน ไม่มีทรัพย์สินพอจะเสียค่าธรรมเนียมศาล แสดงให้เห็นว่าการสาบานตัวดังกล่าวผู้ฟ้องหรือผู้ต่อสู้คดีจะต้องสาบานด้วยตนเอง จะมอบให้บุคคลอื่นสาบานตัวแทนไม่ได้ เพราะ การสาบานตัวเป็นเรื่องเฉพาะตัวที่จะต้องกระทำด้วยตนเอง ผู้รับมอบอำนาจให้ฟ้องหรือต่อสู้คดีจึงสาบานตัว แทนคู่ความผู้มอบอำนาจไม่ได้ เพราะผู้รับมอบอำนาจมิใช่ผู้ฟ้องหรือ ผู้ต่อสู้คดีตามความหมายแห่ง มาตรา 156
(วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 13/2527)
(วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 13/2527)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2646/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสาบานตัวขอเป็นคนอนาถาต้องกระทำด้วยตนเอง ผู้รับมอบอำนาจสาบานแทนไม่ได้
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 บัญญัติให้ ผู้จะฟ้องหรือต่อสู้คดีอย่างคนอนาถายื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้อง พร้อมกับคำฟ้อง ฯลฯ และสาบานตัวให้คำชี้แจงว่า ตน ไม่มีทรัพย์สินพอจะเสียค่าธรรมเนียมศาล แสดงให้เห็นว่าการสาบานตัวดังกล่าวผู้ฟ้องหรือผู้ต่อสู้คดีจะต้องสาบานด้วยตนเอง จะมอบให้บุคคลอื่นสาบานตัวแทนไม่ได้ เพราะ การสาบานตัวเป็นเรื่องเฉพาะตัวที่จะต้องกระทำด้วยตนเองผู้รับมอบอำนาจให้ฟ้องหรือต่อสู้คดีจึงสาบานตัว แทนคู่ความผู้มอบอำนาจไม่ได้ เพราะผู้รับมอบอำนาจมิใช่ผู้ฟ้องหรือ ผู้ต่อสู้คดีตามความหมายแห่ง มาตรา 156 (วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 13/2527)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 568/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขออนาถา: ศาลอนุญาตให้แสดงพยานหลักฐานเพิ่มเติมได้เสมอ ไม่จำกัดเวลาที่เกิดเหตุการณ์
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องขอฟ้องคดีอย่างคนอนาถาของโจทก์ โจทก์จึงยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคำร้องนั้นใหม่ เพื่ออนุญาตให้ตนนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าตนเป็นคนยากจน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรค 4 ดังนี้ โจทก์ไม่จำต้องระบุข้อเท็จจริงอันเป็นพยานหลักฐานใหม่นั้นไว้ในคำร้องที่ขอให้พิจารณาใหม่ เพราะเป็นเรื่องที่โจทก์จะแสดงให้ปรากฏในชั้นไต่สวนคำร้องใหม่
พยานหลักฐานที่จะนำมาแสดงเพิ่มเติมในชั้นไต่สวนพิจารณาคำร้องใหม่ดังกล่าว ไม่จำเป็นจะต้องเป็นพยานหลักฐานที่มีขึ้นหลังจากศาลสั่งยกคำร้องขออนาถาเดิมพยานหลักฐานเพิ่มเติมนั้นไม่ว่าจะมีอยู่ก่อนหรือหลังจากศาลมีคำสั่งยกคำร้องขออนาถาเดิมก็มีสิทธินำมาแสดงเพิ่มเติมได้เสมอ
พยานหลักฐานที่จะนำมาแสดงเพิ่มเติมในชั้นไต่สวนพิจารณาคำร้องใหม่ดังกล่าว ไม่จำเป็นจะต้องเป็นพยานหลักฐานที่มีขึ้นหลังจากศาลสั่งยกคำร้องขออนาถาเดิมพยานหลักฐานเพิ่มเติมนั้นไม่ว่าจะมีอยู่ก่อนหรือหลังจากศาลมีคำสั่งยกคำร้องขออนาถาเดิมก็มีสิทธินำมาแสดงเพิ่มเติมได้เสมอ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 447/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการพิจารณาคำขออนาถาใหม่: เน้นพยานหลักฐานเหตุผลอุทธรณ์ ไม่ใช่พิจารณาเหตุผลอุทธรณ์ซ้ำ
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคสี่ บัญญัติเฉพาะ เพื่ออนุญาตให้ผู้ขอนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมในประเด็นว่า ผู้ขอเป็นคนยากจนเท่านั้น หาได้ให้สิทธิแก่ผู้ขอที่จะขอให้ศาลพิจารณาใหม่ในประเด็นว่า คดีของผู้ขอมีเหตุผลอันสมควรที่จะอุทธรณ์ด้วยไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 447/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการพิจารณาคำขออนาถาใหม่: ศาลจำกัดเฉพาะการพิสูจน์ฐานะยากจน ไม่รวมเหตุผลการอุทธรณ์
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคสี่ บัญญัติเฉพาะเพื่ออนุญาตให้ผู้ขอนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมในประเด็นว่า ผู้ขอเป็นคนยากจนเท่านั้นหาได้ให้สิทธิแก่ผู้ขอที่จะขอให้ศาลพิจารณาใหม่ในประเด็นว่า คดีของผู้ขอมีเหตุผลอันสมควรที่จะอุทธรณ์ด้วยไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3388/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าหนี้ในการยึดทรัพย์มรดกที่ยังไม่ได้แบ่ง และการรับคำอุทธรณ์พร้อมคำขออนาถา
ผู้ร้องกับสามีเป็นเจ้าของทรัพย์พิพาท จำเลยเป็นบุตรของผู้ร้อง เมื่อสามีของผู้ร้องถึงแก่กรรมไปโดยมิได้ทำพินัยกรรมยกมรดกส่วนของตนให้แก่ผู้ใด ดังนั้น ส่วนที่เป็นของสามีจึงเป็นมรดกตกทอดแก่ทายาทโดยธรรมทุกคน รวมทั้งผู้ร้องซึ่งเป็นภริยาและจำเลยซึ่งเป็นบุตรด้วย เมื่อทรัพย์นั้นยังมิได้แบ่งปันกันระหว่างทายาท โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ของจำเลยตามคำพิพากษา ย่อมมีสิทธิที่จะยึดทรัพย์ดังกล่าวเพื่อบังคับชำระหนี้ได้ ผู้ร้องเป็นเพียงเจ้าของร่วมกันหามีอำนาจร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดได้ไม่ ได้แต่จะร้องขอส่วนแบ่งหรือร้องขอให้กันเงินส่วนของตนออกเมื่อขายทรัพย์แล้วเท่านั้น
โจทก์ยื่นอุทธรณ์ภายในกำหนดอายุอุทธรณ์พร้อมด้วยคำขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาระหว่างไต่สวน ก่อนศาลมีคำสั่งแต่พ้นกำหนดอายุอุทธรณ์แล้ว โจทก์ขอเสียค่าธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นอนุญาตและสั่งรับอุทธรณ์ของโจทก์เช่นนี้ถือได้ว่าศาลชั้นต้นสั่งชอบแล้วและไม่ขาดอายุอุทธรณ์ เพราะในระหว่างศาลชั้นต้นดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 นั้น กฎหมายไม่ได้บังคับให้โจทก์ต้องวางเงินค่าธรรมเนียม (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 679/2486 และ 22/2493)
โจทก์ยื่นอุทธรณ์ภายในกำหนดอายุอุทธรณ์พร้อมด้วยคำขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาระหว่างไต่สวน ก่อนศาลมีคำสั่งแต่พ้นกำหนดอายุอุทธรณ์แล้ว โจทก์ขอเสียค่าธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นอนุญาตและสั่งรับอุทธรณ์ของโจทก์เช่นนี้ถือได้ว่าศาลชั้นต้นสั่งชอบแล้วและไม่ขาดอายุอุทธรณ์ เพราะในระหว่างศาลชั้นต้นดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 นั้น กฎหมายไม่ได้บังคับให้โจทก์ต้องวางเงินค่าธรรมเนียม (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 679/2486 และ 22/2493)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 635/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์คำสั่งศาลที่ไม่รับคำร้องอนาถา: กำหนดเวลา 7 วัน และคำสั่งสุดท้ายของศาลอุทธรณ์
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องเพราะถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาให้ศาลไต่สวนให้ได้ความว่าเป็นคนอนาถา เมื่อจำเลยอุทธรณ์ก็ได้มีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยเพราะยื่นเกินกำหนด 7 วัน และเมื่อจำเลยอุทธรณ์คำสั่ง การที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามคำสั่งของศาลขั้นต้นที่ปฏิเสธไม่รับอุทธรณ์คำสั่งโดยอ้างประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคท้าย นั้น ต้องหมายความว่าศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วยกับคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบ จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นคนอนาถา และจำเลยต้องอุทธรณ์คำสั่งภายใน 7 วัน
คู่ความยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ปฏิเสธไม่รับอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นเช่นนี้ คำสั่งของศาลอุทธรณ์ย่อมเป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาควมแพ่ง มาตรา 236 คู่ความจะฎีกาต่อไปอีกไม่ได้
คู่ความยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ปฏิเสธไม่รับอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นเช่นนี้ คำสั่งของศาลอุทธรณ์ย่อมเป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาควมแพ่ง มาตรา 236 คู่ความจะฎีกาต่อไปอีกไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1361/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งศาลอนุญาตไต่สวนอนาถาใหม่ และรับอุทธรณ์อนาถาไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา
ในวันที่ศาลชั้นต้นนัดไต่สวนคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 และทนายไม่มาศาล ศาลชั้นต้นสั่งงดไต่สวนและสั่งยกคำร้องของจำเลยที่ 2 ต่อมาจำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งดังกล่าวและไต่สวนคำร้องขออนาถาใหม่ ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้วมีคำสั่งเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2517 ว่าจำเลยมิได้จงใจขาดนัดให้ไต่สวนคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยที่ 2 ใหม่ และมีคำสั่งลงวันที่ 9 เมษายน 2518 อนุญาตให้จำเลยที่ 2 อุทธรณ์อย่างคนอนาถา โจทก์อุทธรณ์คำสั่งศาลลงวันที่ 31 ตุลาคม 2517 ซึ่งโจทก์ได้โต้แย้งไว้แล้ว จึงหาใช่เป็นอุทธรณ์คำสั่งอนุญาตให้จำเลยอุทธรณ์อย่างคนอนาถาอันถึงที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156วรรคสามไม่จึงไม่ต้องห้ามอุทธรณ์
เมื่อศาลชั้นต้นสั่งงดการสืบพยานหลักฐานของจำเลยในชั้นไต่สวนอนาถาและสั่งยกคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยแล้ว จำเลยก็ชอบที่จะอุทธรณ์คำสั่งนั้นต่อไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ประกอบด้วยมาตรา 229 จำเลยไม่มีอำนาจยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่าวนั้นได้ เพราะศาลได้สั่งไปโดยชอบ แล้ว ทั้งไม่ใช่กรณีการขาดนัดพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 201 หรือ 202 ด้วย ดังนั้นคำสั่งของศาลชั้นต้นอนุญาตให้ไต่สวนคำร้องขออุทธรณ์อนาถาของจำเลยที่ 2 ใหม่ และคำสั่งอนุญาตให้จำเลยที่ 2 อุทธรณ์อย่างคนอนาถาได้ จึงไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา
เมื่อศาลชั้นต้นสั่งงดการสืบพยานหลักฐานของจำเลยในชั้นไต่สวนอนาถาและสั่งยกคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยแล้ว จำเลยก็ชอบที่จะอุทธรณ์คำสั่งนั้นต่อไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ประกอบด้วยมาตรา 229 จำเลยไม่มีอำนาจยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่าวนั้นได้ เพราะศาลได้สั่งไปโดยชอบ แล้ว ทั้งไม่ใช่กรณีการขาดนัดพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 201 หรือ 202 ด้วย ดังนั้นคำสั่งของศาลชั้นต้นอนุญาตให้ไต่สวนคำร้องขออุทธรณ์อนาถาของจำเลยที่ 2 ใหม่ และคำสั่งอนุญาตให้จำเลยที่ 2 อุทธรณ์อย่างคนอนาถาได้ จึงไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1245/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่อุทธรณ์คำสั่งศาลภายในกำหนด และคดีไม่มีมูลฟ้อง ทำให้ไม่อนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถา แม้ยากจน
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วสั่งยกคำร้องขอฟ้องคดีอย่างคนอนาถาโดยให้เหตุผลว่าโจทก์ที่ 2 ไม่ใช่คนอนาถาประการหนึ่ง และคดีไม่มีมูลที่จะฟ้องร้องอีกประการหนึ่ง โจทก์ที่ 2 มิได้อุทธรณ์คำสั่งภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งไม่อนุญาตอีกให้โจทก์ที่ 2 ดำเนินคดีอย่างคนอนาถา โจทก์ที่ 2 ย่อมหมดสิทธิที่จะอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคสุดท้าย ประเด็นที่ศาลชั้นต้นชี้ขาดว่าคดีของโจทก์ที่ 2 ไม่มีมูลฟ้องร้องย่อมยุติ ดังนั้น แม้ศาลจะอนุญาตให้โจทก์นำพยานสืบเพิ่มเติมตามคำร้องของโจทก์ที่ 2 และฟังได้ว่าโจทก์ที่ 2 เป็นคนยากจนก็ตาม แต่คดีต้องฟังยุติว่าคดีของโจทก์ที่ 2 ไม่มีมูลจะฟ้องร้อง ศาลก็จะอนุญาตให้โจทก์ที่ 2 ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาหาได้ไม่ ที่ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องขอให้พิจารณาคำขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาของโจทก์ที่ 2 ใหม่ เพื่อนำพยานหลักฐานมาแสดงว่าโจทก์ที่ 2 ยากจนจริง โดยไม่ทำการไต่สวนนั้น จึงชอบแล้ว