พบผลลัพธ์ทั้งหมด 61 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 61/2498 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจจับกุมในที่สาธารณะ: ร้านค้าไม่ใช่ที่ระโหฐาน การต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน
ร้านขายของเป็นสถานที่ที่เชื้อเชิญให้ผู้ที่มีธุระเกี่ยวข้องเข้าไปได้ จึงไม่ใช่เป็นที่ระโหฐาน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1943/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานและการหมิ่นประมาท: การกระทำต้องมุ่งต่อผู้เสียหายโดยตรง
ความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานตาม ม.119 นั้น ผู้กระทำผิดต้องกระทำแก่เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่อันชอบด้วยกฎหมายดังนี้ เมื่อจำเลยกระทำการต่อสู้หรือขัดขวางแก่พนักงานเทศบาล มิได้กระทำต่อโจทก์(อดีตนายกเทศมนตรี) เป็นส่วนตัว โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหาย คำว่า"มันเที่ยวฟ้องคนทั้งบ้านทั้งเมือง" นั้น หาใช่เป็นคำใส่ความตามมาตรา 282 ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 76/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กำนันปฏิบัติหน้าที่ติดตามคนร้าย: เจ้าพนักงานโดยชอบด้วยกฎหมาย & ความผิดต่อสู้ขัดขวาง
กำนันติดตามจับคนร้ายฐานฉุดคร่าอนาจารในทันทีและได้ติดตามติดต่อไปจนพ้นท้องที่ของตนจึงทันคนร้าย คนร้ายได้ต่อสู้ขัดขวางเอาดังนี้ ย่อมเห็นได้ว่า กำนันนั้นได้ปฏิบัติราชการตามหน้าที่ จึงเป็นเจ้าพนักงานโดยชอบด้วยกฎหมาย ผู้ร้ายผู้ต่อสู้ขัดขวางจึงย่อมมีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 119,120
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 860/2481
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน: ฟ้องระบุชัดเจนหรือไม่ จำเลยเข้าใจข้อหาหรือไม่
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานโดย+กำลังกายชกต่อพลตำรวจ+หนึ่ง (ระบุชื่อ) กับพวกเจ้าพนักงานดังนี้แม้ทางพิจารณาจะปรากฎว่า จำเลยชกต่อยถูกพลตำรวจอีกผู้หนึ่ง+มิได้ระบุชื่อในฟ้องก็ตามไม่เรียกว่า โจทก์ฟ้องเคลือบคลุมลงโทษจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 512/2480
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานขณะจับกุม: ไม่ต้องแจ้งก่อนหากมีเหตุเชื่อได้ว่าจะกระทำผิด
ผู้ที่จะถูกจับได้กระทำการต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานผู้จับกุม ๆ ไม่ต้องแจ้งว่าผู้นั้นต้องถูกจับ
(หมายเหตุ เมื่อต่อสู้แล้วก็เข้ามาตรา 83 วรรค 2 จะต้องแจ้งว่าผู้นั้นถูกจับฉะเพาะแต่กรณีเข้าใน ม.83 วรรค 1)
ตำรวจเห็นผู้หญิงตกจากเรือนที่จำเลยอยู่จนมีบาดเจ็บสาหัส เข้าใจว่าจำเลยจับโยนลงมา จึงเข้าไปจับกุมจำเลยต่อสู้ขัดขวางต้องมีผิดตามกฎหมายอาญา ม.120 ถึงจะปรากฎว่าหญิงนั้นเป็นกริยาจำเลยแลตกลงมาเองเนื่องจากทะเลาะกับจำเลย เจ้าพนักงานก็มีอำนาจเข้าจับกุมได้ตามประมวลวิธีพิจารณาอาญา ม.80
(หมายเหตุ เมื่อต่อสู้แล้วก็เข้ามาตรา 83 วรรค 2 จะต้องแจ้งว่าผู้นั้นถูกจับฉะเพาะแต่กรณีเข้าใน ม.83 วรรค 1)
ตำรวจเห็นผู้หญิงตกจากเรือนที่จำเลยอยู่จนมีบาดเจ็บสาหัส เข้าใจว่าจำเลยจับโยนลงมา จึงเข้าไปจับกุมจำเลยต่อสู้ขัดขวางต้องมีผิดตามกฎหมายอาญา ม.120 ถึงจะปรากฎว่าหญิงนั้นเป็นกริยาจำเลยแลตกลงมาเองเนื่องจากทะเลาะกับจำเลย เจ้าพนักงานก็มีอำนาจเข้าจับกุมได้ตามประมวลวิธีพิจารณาอาญา ม.80
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 178/2479
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจการจับกุมของสารวัตกำนัน และความผิดต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน
สารวัตกำนันเข้าทำการจับกุมบุคคลซึ่งกำลังทำผิดผู้นั้นต่อสู้ทำร้ายสารวัตกำนันต้องมีผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน
สารวัตกำนันตามกฎหมายเป็นเจ้าพนักงานและมีหน้าที่เป็นทั้งผู้ช่วยเหลือกำนันและเป็นผู้รับใช้สรอยกำนันด้วย
สารวัตกำนันตามกฎหมายเป็นเจ้าพนักงานและมีหน้าที่เป็นทั้งผู้ช่วยเหลือกำนันและเป็นผู้รับใช้สรอยกำนันด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 665/2473
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน: การพิสูจน์สถานะเจ้าพนักงานและการแสดงตน
ทำร้ายผู้จับกุมโดยไม่รู้ว่าเปนเจ้าพนักงาน ไม่มีผิดตามกฎหมายข้างบน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2953/2555
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน & การลดโทษจากความผิดฐานชิงทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้าย
คดีนี้ โจทก์บรรยายฟ้องความผิดตาม ป.อ. มาตรา 138 ว่า หลังจากจำเลยกับพวกร่วมกันกระทำความผิดฐานชิงทรัพย์แล้ว ผู้เสียหายที่ 2 และที่ 3 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจออกตรวจที่เกิดเหตุเห็นเหตุการณ์จึงเข้าระงับเหตุ จำเลยกับพวกจึงร่วมกันใช้กำลังประทุษร้ายโดยใช้ลูกระเบิดขว้างใส่ผู้เสียหายที่ 2 และที่ 3 โดยเจตนาฆ่า แต่ลูกระเบิดไม่ระเบิด ผู้เสียหายที่ 2 และที่ 3 จึงไม่ถึงแก่ความตาย ซึ่งถ้อยคำที่โจทก์บรรยายฟ้องในตอนนี้มีความหมายชัดแจ้งอยู่ในตัวแล้วว่า จำเลยกับพวกรู้แล้วว่า ผู้เสียหายที่ 2 และที่ 3 เป็นเจ้าพนักงานตำรวจกำลังจะมาจับกุมจำเลยกับพวกจากการที่จำเลยกับพวกได้ร่วมกันชิงทรัพย์ของผู้เสียหายที่ 1 การที่จำเลยกับพวกร่วมกันใช้ลูกระเบิดขว้างใส่ผู้เสียหายที่ 2 และที่ 3 จึงเป็นการต่อสู้และขัดขวางมิให้เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมตนได้ โจทก์ไม่ต้องบรรยายถ้อยคำว่า "ต่อสู้" หรือ "ขัดขวาง" ที่มีความหมายอย่างเดียวกันซ้ำในคำฟ้องอีก คำฟ้องของโจทก์ในข้อหาร่วมกันต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ตาม ป.อ. มาตรา 138 จึงครบองค์ประกอบความผิดและเป็นคำฟ้องที่ชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 158 (5) แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2633-2634/2554
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานและทำร้ายร่างกาย: ศาลพิจารณาการกระทำเป็นรายบุคคลและปรับบทลงโทษ
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองในความผิดฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้เสียหายซึ่งกระทำการตามหน้าที่ตาม ป.อ. มาตรา 296 แต่ความผิดดังกล่าวย่อมรวมถึงการใช้กำลังทำร้ายผู้อื่นโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ตามมาตรา 391 ด้วย ถือได้ว่าความผิดตามฟ้องรวมการกระทำหลายอย่างซึ่งแต่ละอย่างอาจเป็นความผิดได้อยู่ในตัวเอง เมื่อทางพิจารณาได้ความว่าการกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดตามมาตรา 391 ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจลงโทษจำเลยทั้งสองในการกระทำตามที่พิจารณาได้ความได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคท้าย ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เองตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225
ข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยที่ 1 เป็นคนแรกที่วิ่งเข้ามาต่อยผู้เสียหาย หลังจากนั้นผู้เสียหายถูกกลุ่มวัยรุ่นพยายามรุมล้อมให้เข้าไปในบริเวณที่มืด แต่ผู้เสียหายวิ่งหนีไปบริเวณสามแยกที่มีแสงสว่างจากไฟฟ้าสาธารณะริมถนน จากนั้นจึงถูกจำเลยที่ 2 กับวัยรุ่นอีกคนหนึ่งวิ่งเข้ามาต่อย พฤติการณ์ของจำเลยทั้งสองและวัยรุ่นอีกคนหนึ่งที่เข้ามาต่อยผู้เสียหายดังกล่าว แสดงให้เห็นว่าเป็นการตัดสินใจกระทำไปตามลำพังของจำเลยแต่ละคนโดยมิได้คบคิดกัน จึงถือไม่ได้ว่าเป็นตัวการร่วมกันกระทำความผิด จำเลยที่ 1 จึงมีความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่โดยใช้กำลังประทุษร้ายตาม ป.อ. มาตรา 138 วรรคสอง เท่านั้น จะปรับบทลงโทษตาม ป.อ. มาตรา 140 วรรคแรก ซึ่งเป็นบทลงโทษผู้กระทำความผิดตามมาตรา 138 วรรคสอง โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สามคนขึ้นไปไม่ได้ แม้จำเลยที่ 2 มิได้ฎีกาปัญหานี้ แต่เป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดี ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่ 2 ที่มิได้ฎีกาด้วยได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 213 ประกอบมาตรา 225
ข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยที่ 1 เป็นคนแรกที่วิ่งเข้ามาต่อยผู้เสียหาย หลังจากนั้นผู้เสียหายถูกกลุ่มวัยรุ่นพยายามรุมล้อมให้เข้าไปในบริเวณที่มืด แต่ผู้เสียหายวิ่งหนีไปบริเวณสามแยกที่มีแสงสว่างจากไฟฟ้าสาธารณะริมถนน จากนั้นจึงถูกจำเลยที่ 2 กับวัยรุ่นอีกคนหนึ่งวิ่งเข้ามาต่อย พฤติการณ์ของจำเลยทั้งสองและวัยรุ่นอีกคนหนึ่งที่เข้ามาต่อยผู้เสียหายดังกล่าว แสดงให้เห็นว่าเป็นการตัดสินใจกระทำไปตามลำพังของจำเลยแต่ละคนโดยมิได้คบคิดกัน จึงถือไม่ได้ว่าเป็นตัวการร่วมกันกระทำความผิด จำเลยที่ 1 จึงมีความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่โดยใช้กำลังประทุษร้ายตาม ป.อ. มาตรา 138 วรรคสอง เท่านั้น จะปรับบทลงโทษตาม ป.อ. มาตรา 140 วรรคแรก ซึ่งเป็นบทลงโทษผู้กระทำความผิดตามมาตรา 138 วรรคสอง โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สามคนขึ้นไปไม่ได้ แม้จำเลยที่ 2 มิได้ฎีกาปัญหานี้ แต่เป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดี ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่ 2 ที่มิได้ฎีกาด้วยได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 213 ประกอบมาตรา 225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 852/2551
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองลูกระเบิด, ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน, และการใช้ดุลพินิจของศาลในการพิจารณาคดีอาญา
พยานโจทก์มีรายงานการตรวจพิสูจน์ของพันตำรวจโท ว. ว่า ของกลางจัดเป็นเครื่องกระสุนปืนตามความหมาย แห่ง พ.ร.บ. อาวุธปืน ฯ และเป็นเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ แม้จะได้ความต่อไปตามรายงานฉบับดังกล่าวว่าของกลางดังกล่าวอยู่ในสภาพที่ใช้ทำการระเบิดไม่ได้ เพราะชนวนเสื่อมสภาพ แต่ก็ถือได้ว่าของกลางเป็นลูกระเบิดตามกฎหมาย จึงต้องมีความผิดข้อหามีลูกระเบิดไว้ในครอบครอง