พบผลลัพธ์ทั้งหมด 195 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1200/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท: การประมาทขับรถ ชนผู้อื่นบาดเจ็บสาหัสถึงแก่ความตาย
การที่จำเลยขับรถโดยอาการน่าหวาดเสียวและโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่นเป็นเหตุให้รถชนผู้อื่นบาดเจ็บบาดเจ็บสาหัสและตาย อันเป็นความผิดตามพ.ร.บ.จราจรทางบกมาตรา(43)4และ(8)กับเป็นความผิดตามป.อ.มาตรา291,300และ390ด้วยนั้นถือว่าเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1200/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวผิดหลายบท: การประมาทขับรถทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บสาหัสถึงแก่ความตาย
การที่จำเลยขับรถโดยอาการน่าหวาดเสียวและโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่นเป็นเหตุให้รถชนผู้อื่นบาดเจ็บบาดเจ็บสาหัสและตายอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกมาตรา(43)4และ(8)กับเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา291,300และ390ด้วยนั้นถือว่าเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3983/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นายจ้างมีสิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากผู้ทำละเมิด หากลูกจ้างบาดเจ็บจนไม่สามารถทำงานได้
ลูกจ้างมีความผูกพันตามกฎหมายที่จะต้องทำการงานให้เป็นคุณแก่นายจ้างเมื่อลูกจ้างถูกทำละเมิดจนได้รับบาดเจ็บไม่สามารถทำงานให้นายจ้างได้ นายจ้างย่อมขาดแรงงานและมีสิทธิได้รับค่าสินไหมทดแทนจากผู้ทำละเมิด (หรือนายจ้างของผู้ทำละเมิด) โดยคำนวณให้เท่ากับ จำนวนเงินที่นายจ้างชำระให้แก่ลูกจ้างนั้น
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 584 - 585/2513)
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 584 - 585/2513)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3862/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประเมินความรุนแรงของการบาดเจ็บเพื่อกำหนดความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297
ผู้เสียหายถูกตีที่ชายโครงซ้ายเกิดเหตุแล้ว7-8วันก็ไปตามงาน ตามปกติภายหลังจากเกิดเหตุ17วันได้ไปหาแพทย์ เอกซเรย์แล้วพบว่า กระดูกซี่โครงซ้ายร้าว2ซี่แพทย์จ่ายยาให้ไปรับประทานที่บ้านมิได้รับตัวไว้รักษาในโรงพยาบาลโดยแพทย์มีความเห็นว่าจะต้องรักษาเกินกว่า 21 วันจึงหายดังนี้ยังถือไม่ได้ว่าผู้เสียหายทุพพลภาพหรือป่วยเจ็บ ด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่า20 วันหรือจนประกอบกรณียกิจตามปกติ ไม่ได้เกินกว่า20 วันตามความหมายของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297(8) จำเลยคงมีความผิดตามมาตรา 295 เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 446/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่ารักษาพยาบาลลูกจ้าง: การบาดเจ็บจากเหตุสุดวิสัย ไม่ถือเป็นการก่อให้เกิดเอง
การที่วัวของลูกจ้างจะออกลูก ลูกจ้างจึงให้สัตวแพทย์ ไป ทำคลอด สัตวแพทย์ให้ลูกจ้างช่วยจับวัว แล้ววัวเตะลูกจ้างซี่โครงหักนั้น แม้ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างจะระบุว่า ลูกจ้างไม่มีสิทธิเบิกเงินค่ารักษาพยาบาลหากการเจ็บป่วยนั้นลูกจ้างก่อให้เกิดขึ้นเองก็ตาม แต่การเจ็บป่วยดังกล่าวลูกจ้างไม่อาจคาดคิดมาก่อน และมิใช่เป็นผลโดยตรงจากการที่ลูกจ้างเข้าไปจับวัว จึงหาใช่เป็นการเจ็บป่วยที่ลูกจ้างก่อให้เกิดขึ้นเองแต่อย่างใดไม่ นายจ้างต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลแก่ลูกจ้าง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 446/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่ารักษาพยาบาลลูกจ้าง: การบาดเจ็บจากวัวไม่ได้เกิดจากการกระทำโดยตรงของลูกจ้าง
การที่วัวของลูกจ้างจะออกลูก ลูกจ้างจึงให้สัตวแพทย์ ไป ทำคลอด สัตวแพทย์ให้ลูกจ้างช่วยจับวัว แล้ววัวเตะลูกจ้างซี่โครงหัก นั้น แม้ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างจะระบุว่า ลูกจ้างไม่มีสิทธิ เบิกเงินค่ารักษาพยาบาลหากการเจ็บป่วยนั้นลูกจ้างก่อให้เกิดขึ้นเองก็ตาม แต่การ เจ็บป่วยดังกล่าวลูกจ้างไม่อาจคาดคิดมาก่อน และมิใช่เป็นผลโดยตรงจากการที่ลูกจ้างเข้าไปจับวัว จึงหาใช่เป็นการเจ็บป่วยที่ลูกจ้างก่อให้เกิดขึ้นเองแต่อย่างใดไม่ นายจ้างต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลแก่ลูกจ้าง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3088/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทในการขับรถตัดหน้าจนเกิดอุบัติเหตุและบาดเจ็บสาหัส ถือเป็นอันตรายร้ายแรงตามกฎหมาย
จำเลยที่ 1 ขับรถตัดหน้ารถยนต์ผู้อื่นในระยะกระชั้นชิดอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติจราจรทางบกฯ มาตรา 52 วรรคแรกและไม่ให้สัญญาณก่อนเลี้ยว ฝ่าฝืนมาตรา 36 จนรถที่จำเลยที่ 2ขับมาในเส้นทางของตนตามปกติชนกับรถของจำเลยที่ 1ดังนี้ เป็นความประมาทของจำเลยที่ 1 โดยตรงหาใช่เพราะเหตุสุดวิสัยหรือเป็นอุบัติเหตุไม่
ผู้เสียหายมีบาดแผลฉีกขาดบนใบหน้าหลายแห่งต้องเย็บตามคิ้วเปลือกตาบนและที่แก้ม เมื่อแผลหายจะมีแผลเป็นติดใบหน้า มองเห็นได้ชัดเจนในระยะ 15 เมตร ถือได้ว่าหน้าเสียโฉมอย่างติดตัวอันเป็นอันตรายสาหัสแล้ว จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกฯ และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 ลงโทษตามมาตรา 300 ซึ่งเป็นบทหนัก
ผู้เสียหายมีบาดแผลฉีกขาดบนใบหน้าหลายแห่งต้องเย็บตามคิ้วเปลือกตาบนและที่แก้ม เมื่อแผลหายจะมีแผลเป็นติดใบหน้า มองเห็นได้ชัดเจนในระยะ 15 เมตร ถือได้ว่าหน้าเสียโฉมอย่างติดตัวอันเป็นอันตรายสาหัสแล้ว จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกฯ และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 ลงโทษตามมาตรา 300 ซึ่งเป็นบทหนัก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3172/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการใช้มีดดาบฟันคอ แม้ไม่ถึงแก่ชีวิตก็เป็นความพยายามฆ่า
จำเลยใช้มีดดาบยาว 1 ศอกเศษ ซึ่งมีใบมีดกว้าง 3 เซนติเมตร ฟันถูกที่คอผู้เสียหาย ซึ่งเป็นอวัยวะที่สำคัญและเป็นที่รวมของเส้นโลหิตใหญ่ที่ไปเลี้ยงสมอง หากเส้นโลหิตใหญ่ขาดก็อาจทำให้ถึงแก่ความตายได้ ย่อมเห็นได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย แม้บาดแผลของผู้เสียหายจะไม่ฉกรรจ์ไม่ถึงกับเส้นโลหิตใหญ่ขาด ผู้เสียหายเพียงแต่ได้รับบาดเจ็บจำเลยย่อมมีความผิดฐานพยายามฆ่า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3172/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการใช้มีดฟันคอ แม้ไม่ถึงแก่ชีวิต ถือเป็นความพยายามฆ่า
จำเลยใช้มีดดาบยาว 1 ศอกเศษ ซึ่งมีใบมีดกว้าง 3 เซนติเมตร ฟันถูกที่คอผู้เสียหาย ซึ่งเป็นอวัยวะที่สำคัญและเป็นที่รวมของเส้นโลหิตใหญ่ที่ไปเลี้ยงสมอง หากเส้นโลหิตใหญ่ขาดก็อาจทำให้ถึงแก่ความตายได้ ย่อมเห็นได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย แม้บาดแผลของผู้เสียหายจะไม่ฉกรรจ์ไม่ถึงกับเส้นโลหิตใหญ่ขาด ผู้เสียหายเพียงแต่ได้รับบาดเจ็บจำเลยย่อมมีความผิดฐานพยายามฆ่า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2635/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ: การแทงซ้ำผู้ที่หมดสภาพต่อสู้
ผู้ตายจะใช้ปืนยิงจำเลยก่อน จำเลยปัดปืนหลุดจากมือผู้ตาย ขณะแย่งปืนกันจำเลยได้ใช้มีดปลายแหลมแทงผู้ตายครั้งแรกเป็นแผลฉกรรจ์ ทำให้ผู้ตายได้รับบาดเจ็บจนไม่สามารถจะแย่งปืนได้อีก แต่จำเลยก็ยังใช้มีดแทงฟันซ้ำอีกหลายครั้งจนผู้ตายมีบาดแผลรวม 6 แผลล้วนเป็นแผลฉกรรจ์ ขณะผู้ตายไม่มีอาวุธและผู้ตายถึงแก่ความตาย เช่นนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ