คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ยิง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 192 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5957/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าและการร่วมกระทำความผิด: จำเลยเพียงขู่ ไม่ได้มีส่วนร่วมในการยิง
จำเลยกับพวกพากันไปที่บ้านผู้ตายเพื่อต่อว่าน้องของผู้ตายไม่ได้มีเจตนาจะไปฆ่าใคร น้องของผู้ตายออกจากบ้านมาชกต่อยกับล.พวกของจำเลย จำเลยกับคนอื่นเพียงแต่ยืนดูเฉย ๆ เมื่อผู้ตายออกจากบ้านเดินเข้าไปที่คู่ต่อสู้ จำเลยก็เพียงแต่ชักอาวุธปืนออกมาขู่ไม่ให้ผู้ตายเข้าไปช่วยน้องเท่านั้น หากจำเลยมีเจตนาฆ่าก็คงยิงผู้ตายตั้งแต่ผู้ตายออกจากบ้านแล้วการที่ ล. ยิงผู้ตาย เป็นการกระทำของล.แต่ผู้เดียว ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยร่วมฆ่าผู้ตาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 49/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยิงเพื่อป้องกันตัวต้องเกิดจากการถูกข่มขู่หรือทำร้ายก่อน การท้าทายเพื่อวิวาทไม่ถือเป็นการป้องกันตัว
จำเลยได้ใช้ปืนยิงผู้ตายเนื่องมาจากจำเลยเป็นฝ่ายท้าทายผู้ตายให้ออกไปยิงกับจำเลยจำเลยจะอ้างว่าเป็นการกระทำเพื่อป้องกันตัวหาได้ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 49/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยิงเพื่อป้องกันตัวต้องพิจารณาจากการเป็นผู้เริ่มก่อเหตุ หากผู้ถูกยิงไม่ได้เริ่มก่อน การอ้างป้องกันตัวจึงฟังไม่ได้
จำเลยได้ใช้ปืนยิงผู้ตายเนื่องมาจากจำเลยเป็นฝ่ายท้าทายผู้ตายให้ออกไปยิงกับจำเลยจำเลยจะอ้างว่าเป็นการกระทำเพื่อป้องกันตัวหาได้ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 478/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยิงผู้อื่นหลังมีปากเสียง ศาลฎีกาตัดสินไม่เข้าข่ายบันดาลโทสะ
จำเลยเข้าไปรับประทานสุราอาหารในบาร์ที่ผู้เสียหายเป็นรองผู้จัดการอยู่แล้วเกิดโต้เถียงกับผู้เสียหายผู้เสียหายท้าทายจำเลยว่านักข่าวก็ตายได้เหมือนกันนักข่าวกระจอกนักข่าวกิ๊กก๊อกยังถือไม่ได้ว่าจำเลยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมจำเลยใช้ปืนยิงผู้เสียหายจึงไม่ใช่เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะตามป.อ.มาตรา72.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 478/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยิงทำร้ายผู้อื่นหลังเกิดการโต้เถียง ไม่เข้าข่ายบันดาลโทสะ
จำเลยเข้าไปรับประทานอาหารและดื่มสุราในบาร์ที่ผู้เสียหายเป็นรองผู้จัดการและเกิดโต้เถียงกับผู้เสียหายโดยผู้เสียหายท้าทายจำเลยว่านักข่าวก็ตายได้เหมือนกันนักข่าวกระจอกนักข่าวกิ๊กก๊อกยังถือไม่ได้ว่าจำเลยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมจำเลยใช้ปืนยิงผู้เสียหายจึงไม่ใช่เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา72.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2913/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำพูดยุยงหลังการยิงไม่เป็นความร่วมมือ แต่เป็นสนับสนุนความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86
การที่จำเลยวิ่งไปพูดกับนาย น. ว่า "ยิงแล้วยิงให้ตายยิงแล้วยิงให้ตาย" ภายหลังจากที่นาย น. ลงมือกระทำความผิดใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายไป 1 นัดแล้ว คำพูดของจำเลยดังกล่าวไม่เป็นการร่วมกับนาย น. ยิงผู้ตายและมิใช่เป็นผู้ก่อให้นายน. กระทำความผิด หากแต่เป็นคำพูดยุยงสนับสนุนเร้าใจให้นายน. ยิงผู้ตายให้ถึงแก่ความตายหนักแน่นยิ่งขึ้นเท่านั้น การกระทำของจำเลยจึงเป็นการสนับสนุนให้นาย น. กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2438/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนายิงเพื่อฆ่า แม้ไม่ถูกตัวผู้เสียหาย และเหตุผลการลดโทษตามมาตรา 78
จำเลยกับผู้เสียหายเคยมีเรื่องทะเลาะวิวาทกันมาก่อนวันเกิดเหตุจำเลยทำทีขอนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของพลตำรวจส.เมื่อสบโอกาสจำเลยแย่งเอาอาวุธปืนของพลตำรวจส.แล้ววิ่งไปทางบ้านพักที่เกิดเหตุครั้งพบผู้เสียหายและอยู่ห่างจากผู้เสียหายประมาณ2.50เมตรจำเลยชักอาวุธปืนออกยิงผู้เสียหายทันทีพฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย ข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าขณะเกิดเหตุจำเลยได้ทะเลาะโต้เถียงกับผู้เสียหายหรือผู้เสียหายได้กระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดต่อจำเลยซึ่งมีลักษณะเป็นการข่มเหงการที่จำเลยและผู้เสียหายต่างเป็นภรรยาของสิบตำรวจโทพ.ไม่ว่าจำเลยจะเป็นภรรยามาก่อนหรือไม่ก็ตามจำเลยจะอ้างว่าตนถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมหาได้ไม่แต่การที่จำเลยเบิกความยอมรับว่าจำเลยมีอาวุธปืนติดตัวไปในวันเกิดเหตุและกระสุนปืนของจำเลยได้ลั่นขึ้นนั้นเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาของศาลถือเป็นเหตุบรรเทาโทษได้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา78.(ที่มา-ส่งเสิรมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2158-2160/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการยิง การประเมินพฤติการณ์ และความผิดฐานทำร้ายร่างกาย
จำเลยไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับโจทก์ที่ 2 ที่ 3 ขณะที่โจทก์ที่ 2 ที่ 3 ไปจับกุมจำเลย จำเลยยิงโจทก์ที่ 3 ถูกที่ต้นคอ ในขณะที่มีการยื้อแย่งปืนกันโดยจำเลยมิได้มีโอกาสเลือกยิง เมื่อจำเลยยิงโจทก์ที่ 3 ล้มลงแล้ว โจทก์ที่ 3 ไม่อยู่ในฐานะที่จะต่อสู้กับจำเลย จำเลยมีโอกาสจะยิงโจทก์ที่ 3 อีกเป็นเวลานานแต่จำเลยก็หาได้ยิงโจทก์ที่ 3 ไม่ จึงยังฟังไม่ได้ว่า จำเลยมีเจตนาฆ่าโจทก์ที่ 3 ส่วนที่ จำเลยยิงโจทก์ที่ 2 ปรากฏว่าขณะยิงจำเลยอยู่ใกล้กับโจทก์ที่ 2 และมีโอกาสจะเลือกยิงโจทก์ที่ 2 ตรงไหนก็ได้ แต่จำเลยกลับยิงที่ขาของโจทก์ที่ 2 แสดงว่าจำเลยไม่มีเจตนาฆ่าโจทก์ที่ 2 เพราะหากจำเลยมีเจตนาฆ่าโจทก์ที่ 2 จำเลยคงยิงที่อวัยวะสำคัญกว่านี้
ในคดีที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา288, 289, 80 เมื่อทางพิจารณาปรากฏว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดเพียงฐานทำร้ายร่างกายโจทก์ที่ 2 ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 296 และโจทก์ที่ 3 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 298 ศาลลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 296 และ 298 ได้.
ฟ้องว่าโจทก์ที่ 2 ได้รับอันตรายสาหัสต้องป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่า 20 วัน หรือประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่า 20 วันแต่โจทก์มิได้นำสืบให้ปรากฏว่า โจทก์ที่ 2 ได้รับอันตรายแก่กายสาหัสดังที่โจทก์กล่าวในฟ้อง ลงโทษจำเลยฐานทำให้ได้รับอันตรายสาหัสไม่ได้
โจทก์ที่ 3 ถูกยิงต้องรักษาตัวอยู่โรงพยาบาล 12 วัน แล้วไปรักษาตัวต่อที่บ้านอีก โจทก์ที่ 3 ต้องหยุดทำงานเกือบ 1 เดือนแพทย์ผู้ทำการตรวจบาดแผลโจทก์ที่ 3 ได้ให้ความเห็นว่าบาดแผลหายได้ภายใน 30 วัน ฟังได้ว่าโจทก์ที่ 3 ได้รับบาดเจ็บจากการยิงของจำเลยจนประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่า 20 วัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1136/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ป้องกันตัว: การยิงเพื่อป้องกันการทำร้ายร่างกายเมื่อถูกรุมทำร้ายและพยายามหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง
ผู้เสียหายกับพวก4-5คนกำลังดื่มสุราอยู่ในซอยเห็นจำเลยเดินมาหาว่าจำเลยถอดเสื้ออวดรอยสักได้เรียกจำเลยเข้าไปถามและช่วยกันรุมทำร้ายจำเลยจำเลยวิ่งหนีผู้เสียหายกับพวกได้วิ่งไล่ตามจำเลยวิ่งหนีมาถึงทางสามแยกหนีต่อไปไม่ทันจึงได้หันกลับมาและยกปืนขึ้นขู่ผู้เสียหายว่าอย่าเข้ามาถ้าเข้ามาจะยิงผู้เสียหายก็ไม่เชื่อยังทำท่าจะวิ่งเข้ามาทำร้ายจำเลยอีกจำเลยจึงใช้ปืนยิงผู้เสียหายเห็นได้ว่าผู้เสียหายเป็นฝ่ายก่อเหตุทำร้ายจำเลยก่อนและจำเลยได้พยายามหลีกเลี่ยงการต่อสู้จนถึงที่สุดแล้วขณะเกิดเหตุทางฝ่ายจำเลยก็มีแต่ตัวจำเลยคนเดียวหากผู้เสียหายกับพวกวิ่งเข้ามาถึงตัวอาจทำร้ายจำเลยถึงตายได้การที่จำเลยใช้ปืนยิงผู้เสียหาย1นัดในขณะนั้นจึงเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4120/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พฤติการณ์หลังการยิงของผู้ต้องหาถือเป็นความพยายามฆ่า แม้จะถูกห้าม
ข. พวกของจำเลยใช้ปืนยิงผู้เสียหายแล้ววิ่งหนี ขณะที่กำลังวิ่งอยู่นั้นจำเลยก็ถือปืนเข้ามาจ้องจะยิงผู้เสียหายซ้ำ พ. ผลักผู้เสียหายให้ล้มลงแล้วเข้ายืนบังไว้ ส. ก็ร้องขอจำเลยว่าอย่าทำอีกเลยเพราะคนเจ็บแล้ว จำเลยจึงลดปืนลงแล้ววิ่งไปทางเดียวกับ ข.ดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหายแล้ว
of 20