คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ความจริง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 97 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1093/2498

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับสารภาพนอกเหนือความจริง และการพิจารณาบาดเจ็บสาหัสตามกฎหมายอาญา
แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพตามฟ้อง ศาลก็จะรับฟังลงโทษนอกเหนือไปจากความจริงหาได้ไม่
ฟ้องว่าผู้เสียหายบาดเจ็บถึงทุพพลภาพและทนทุกข์เวทนาถ้าไม่สามารถประกอบอาชีพได้ดังปกติเกินกว่า 20 วัน จำเลยรับสารภาพตามฟ้อง โจทก์ขอสืบพยานประกอบเพราะแต่วันเกิดเหตุถึงวันจำเลยรับไม่เกิน 20 วัน ผู้เสียหายเบิกความว่าแผลที่ศีรษะแม้รักษา 30 วันแต่ก็ลุกไปไหนไม่ได้เพียงครึ่งเดือนเท่านั้น จึงถือไม่ได้ว่าเป็นบาดเจ็บถึงสาหัสตาม มาตรา 256(8)
ส่วนบาดเจ็บที่นิ้วทำไซดักปลาไม่ได้ 20 วันนั้น ปรากฏว่าผู้เสียหายมีอาชีพทำนา จึงถือไม่ได้ว่าการทำเครื่องมือหาปลาเป็นอาชีพตามปกติตาม มาตรา 256(8)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 997/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องฉ้อโกงต้องระบุความจริงควบคู่ความเท็จ มิฉะนั้นฟ้องไม่สมบูรณ์
ข้อเท็จจริงที่ต้องกล่าวในฟ้องฐานฉ้อโกงนั้น ต้องกล่าวไม่เฉพาะแต่ความเท็จ จำต้องกล่าวถึงความจริงว่าเป็นประ การใดด้วย ถ้ามีแต่ความเท็จอย่างเดียว ส่วนความจริงไม่ปรากฎ ก็เป็นฟ้องไม่สมบูรณ์ตามคำพิพากษาฎีกาที่ 1048/ 2493.
ฟ้องในข้อหาฐานฉ้อโกงที่กล่าวแต่ความเท็จ ไม่ได้กล่าวว่าความจริงเป็นประการใดด้วยนั้น ถ้าพอจะค้นหาความ จริง ได้ในฟ้องข้อนั้นเองหรือในฟ้องข้ออื่นแล้ว ศาลก็ย่อมหยิบยกเอาความจริงที่ค้นมาได้นั้น มาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ หาว่าจำเลยกล่าวเท็จนั้นเป็นเท็จจริงหรือไม่
ฟ้องข้อ 1 กล่าวหาว่า จำเลยฉ้อโกงโดยเอาความเท็จมากล่าว,ฟ้องข้อ 2 ว่า ถึงกำหนดแล้วจำเลยหาได้นำทรัพย์ที่เอา ไปคืนให้โจทก์ไม่ ดังนี้เป็นเรื่องผิดคำรับรองหรือผิดสัญญาในทางแพ่ง เพราะโจทก์ไม่ได้ยืนยันมาในฟ้องว่า ่จำเลย ได้ตั้งใจจะไม่คืนทรัพย์ให้แก่โจทก์มาตั้งแต่ต้น เพียงแต่ถึงกำหนดแล้ว ไม่คืนจะว่าเป็นความเท็จมาแต่ต้นย่อมไม่ ได้ ฟ้องดังกล่าวจึงเป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วย ป.ม.วิ.อาญามาตรา 158 (5) .

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 997/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องฉ้อโกงต้องระบุความจริงควบคู่ความเท็จ หากระบุแต่ความเท็จ ฟ้องไม่สมบูรณ์
ข้อเท็จจริงที่ต้องกล่าวในฟ้องฐานฉ้อโกงนั้น ต้องกล่าวไม่เฉพาะแต่ความเท็จ จำต้องกล่าวถึงความจริงว่าเป็นประการใดด้วย ถ้ามีแต่ความเท็จอย่างเดียว ส่วนความจริงไม่ปรากฏ ก็เป็นฟ้องไม่สมบูรณ์ ตามคำพิพากษาฎีกาที่1048/2493
ฟ้องในข้อหาฐานฉ้อโกงที่กล่าวแต่ความเท็จ ไม่ได้กล่าวว่าความจริงเป็นประการใดด้วยนั้น ถ้าพอจะค้นหาความจริงได้ในฟ้องข้อนั้นเองหรือในฟ้องข้ออื่นแล้ว ศาลก็ย่อมหยิบยกเอาความจริงที่ค้นมาได้นั้น มาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์หาว่าจำเลยกล่าวเท็จนั้นเป็นเท็จจริงหรือไม่
ฟ้องข้อ 1 กล่าวหาว่า จำเลยฉ้อโกงโดยเอาความเท็จมากล่าวฟ้องข้อ 2 ว่า ถึงกำหนดแล้วจำเลยหาได้นำทรัพย์ที่เอาไปคืนให้โจทก์ไม่ ดังนี้เป็นเรื่องผิดคำรับรองหรือผิดสัญญาในทางแพ่ง เพราะโจทก์ไม่ได้ยืนยันมาในฟ้องว่าจำเลยได้ตั้งใจจะไม่คืนทรัพย์ให้แก่โจทก์มาตั้งแต่ต้นเพียงแต่ถึงกำหนดแล้ว ไม่คืนจะว่าเป็นความเท็จมาแต่ต้นย่อมไม่ได้ ฟ้องดังกล่าวจึงเป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1177/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าที่ระบุวัตถุประสงค์ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ศาลย่อมบังคับตามสัญญา หากไม่มีการถูกบังคับหรือหลอกลวง
เช่าเคหะอยู่อาศัยแต่ทำหนังสือสัญญาเช่าว่า เช่าเพื่อการค้าอย่างเดียว ซึ่งฝืนความจริงเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นจากความควบคุมของ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ นั้น ศาลย่อมบังคับให้ตามหนังสือสัญญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 993/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความถูกต้องของฟ้องแจ้งความเท็จ: การระบุความจริงที่ไม่จำเป็นต้องกล่าวซ้ำเมื่อเข้าใจได้จากบริบท
การฟ้องหาว่าจำเลยกระทำผิดฐานแจ้งความเท็จนั้นแม้จะไม่ได้กล่าวว่าความจริงเป็นอย่างไร แต่เมื่อพิจารณาคำฟ้องโดยตลอดแล้ว เป็นอันเข้าใจได้ว่าความจริงมีอย่างใดแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องกล่าวว่าความจริงเป็นอย่างไรอีก เพราะเป็นอันเข้าใจได้อยู่แล้ว นับว่าเป็นฟ้องที่ถูกต้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 800/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเช่าเพื่อการค้ากับเคหะตามพ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า การพิจารณาการใช้อยู่อาศัยต้องดูตามความจริง
การใช้อยู่อาศัยหรือไม่ต้องถือตามความจริง หาใช่พิเคราะห์ตามลักษณะอาการว่า เพียงแต่ตามปกติจะใช้อยู่อาศัยหรือไม่
เช่าตึกประกอบการค้าเป็นร้านสาขา ให้ครอบครัวลูกจ้างอยู่ส่วนตัวผู้เช่าอาศัยอยู่อีกแห่งหนึ่งต่างหากถือว่าเป็นการเช่าเพื่อการค้าเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1806/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาที่แท้จริงของคู่สัญญาสำคัญกว่าข้อตกลงในสัญญาเช่า แม้สัญญาจะระบุวัตถุประสงค์ใช้เช่าเป็นอย่างอื่น
แม้สัญญาเช่าจะมีข้อความชัดเจนว่า เช่าเพื่อประกอบการค้าแต่อย่างเดียวไม่ใช่เป็นที่อยู่อาศัย เมื่อผู้เช่าต่อสู้ว่า เช่าเพื่ออยู่อาศัยมิได้ประกอบการค้าและเช่ามานานแล้ว ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯลฯ ดังนี้ ผู้เช่าย่อมนำสืบตามข้อต่อสู้นี้ได้ เพราะศาลจำต้องพิเคราะห์ถึงเจตนาอันแท้จริงของคู่กรณีและความจริงที่ที่ผู้เช่าปฏิบัติประกอบด้วย
จำเลยเช่าตึกแถวอยู่อาศัยหาได้ทำการค้าไม่ เมื่อหมดอายุสัญญาเดิม โจทก์ทำสัญญาเช่าใหม่ เติมข้อความว่าเช่าเพื่อประกอบการค้าแต่อย่างเดียวไม่ใช่เป็นที่อยู่อาศัย โดยอ้างว่าเป็นธรรมเนียมของโจทก์ที่จะกรอกข้อความเช่นนี้ทุกราย เมื่อจำเลยเซ็นแล้ว ก็คงใช้ตึกห้องที่เช่านี้อยู่อาศัยเช่นเดิม หาได้ใช้ทำการค้าไม่ ดังนี้เห็นได้ว่าการเติมข้อความนั้นลง ก็เพื่อเลี่ยงกฎหมายเท่านั้น จึงต้องบังคับตามความจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1714/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แจ้งความเท็จโดยสุจริต: จำเลยเชื่อว่าข้อความที่แจ้งเป็นความจริง จึงไม่มีความผิด
ความผิดฐานแจ้งความเท็จตาม กฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 118นั้น มีหลักเกณฑ์สำคัญอยู่ประการหนึ่งว่าผู้แจ้งได้รู้อยู่แล้วว่า ความที่เอาไปแจ้งนั้นเป็นความเท็จ ฉะนั้นเมื่อจำเลยเอาความไปแจ้งแก่เจ้าพนักงาน ตามที่จำเลยเชื่อว่าเป็นความจริงแล้ว จำเลยก็ไม่มีความผิดตามมาตรา118

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1595/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำให้การผู้ร้ายลักทรัพย์เป็นเหตุประกอบรับฟังลงโทษได้ หากแสดงความจริงให้กระจ่าง
คดีอาญา ในชั้นสอบถามและสอบสวน จำเลยคนหนึ่งได้ให้การว่าได้ลักทรัพย์ไปให้แก่จำเลยคนอื่น โดยได้รับสินจ้างรางวัลนั้น แม้เป็นคำผู้ร้ายซัดทอด แต่เป็นคำประกอบเหตุผลในทางคดีแสดงความจริงให้เห็นกระจ่างยิ่งขึ้น ศาลรับฟังลงโทษจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 423/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับสารภาพในคดีอัตราโทษสูง: พยานประกอบต้องน่าเชื่อถือว่าจำเลยรับสารภาพตามจริง
ในคดีที่จำเลยรับสารภาพแต่เพราะเป็นคดีมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงถึง 10 ปี ศาลจึงต้องฟังพยานโจทก์ต่อไปจนกว่าจะเป็นที่พอใจว่าจำเลยกระทำผิดจริงนั้นพยานที่ศาลจะต้องฟังนี้ ไม่จำเป็นที่จะต้องถึงขนาดที่จะใช้ลงโทษได้อย่างในคดีที่จำเลยปฏิเสธเพียงแต่มีเหตุผลแวดล้อมให้เป็นที่พอใจศาลว่าจำเลยให้การรับสารภาพตามความจริง ไม่มีเหตุสงสัยว่าจะรับแทนผู้อื่นแล้วก็พอฟังลงโทษจำเลยได้ เพราะมีคำรับของจำเลยเป็นหลักอยู่แล้ว
โจทก์มีพยานเห็นจำเลยกับผู้ตายและผู้อื่นเกิดทุ่มเถียงกันในวงเสพสุราต่อมาในเวลาใกล้ชิดกันนั้น มีผู้พบศพผู้ตายในวงเสพสุรานั้นเมื่อจำเลยรับสารภาพโดยดีว่าได้เป็นผู้ทำร้ายผู้ตายตาย ศาลฟังว่าจำเลยทำร้ายผู้ตายตายดังคำรับสารภาพได้
of 10