พบผลลัพธ์ทั้งหมด 138 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1816/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประกันและการส่งหมายนัด การปฏิบัติตามสัญญาประกัน และการถือที่อยู่ตามสัญญาเป็นภูมิลำเนาเฉพาะการ
ตามสัญญาประกันข้อ 5 มีข้อความว่า หากนายประกันย้าย ที่อยู่โดยมิได้แจ้งให้ศาลทราบ. นายประกันยินยอมให้ถือ ว่าที่อยู่ของนายประกันตามที่ระบุไว้ในสัญญาประกันนั้นเป็น ภูมิลำเนาเฉพาะการตามกฎหมาย ดังนี้ เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏ ว่านายประกันมิได้แจ้งให้ศาลทราบว่าย้ายที่อยู่ การที่ พนักงานเดินหมายปิดหมายนัด ณ ที่อยู่ของนายประกันตามที่ระบุไว้ในสัญญาประกัน ย่อมถือได้ว่าปิดหมายยังภูมิลำเนาของนายประกันแล้ว
การปิดหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79มิได้กำหนดให้ตำรวจท้องที่เป็นพยานในการปิดหมาย ดังนั้นเมื่อพนักงานเดินหมายปิดหมายตามคำสั่งศาลโดยไม่มีพยานยืนยัน ว่าได้ทำการปิดหมายที่บ้านนายประกันจริง ก็ถือว่าเป็น การส่งหมายที่ชอบด้วยกฎหมาย
ในสัญญาประกันข้อ 2 กำหนดว่า ในระหว่างประกันนี้ นายประกันหรือจำเลยจะปฏิบัติตามหมายนัดหรือหมายเรียกของเจ้าพนักงานหรือศาล มิฉะนั้นนายประกันยอมรับผิดชอบใช้เงินให้แก่ศาลจนครบ เมื่อนายประกันไม่ปฏิบัติตามนัดหรือหมายเรียกของศาล คือไม่ส่งตัวจำเลยไปศาลเพื่อฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ตามนัด นายประกันจึงผิดสัญญาประกัน แม้ศาลจะไม่ได้ส่งหมายนัดแจ้งวันเวลานัดให้จำเลยหรือทนายจำเลยไปฟังคำพิพากษาก่อนก็ตาม เพราะสัญญาประกันเป็นสัญญาที่นายประกันกระทำไว้ต่อศาล จำเลยหรือทนายจำเลยหาได้เป็นผู้กระทำสัญญาประกันไว้ต่อศาลไม่
การปิดหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79มิได้กำหนดให้ตำรวจท้องที่เป็นพยานในการปิดหมาย ดังนั้นเมื่อพนักงานเดินหมายปิดหมายตามคำสั่งศาลโดยไม่มีพยานยืนยัน ว่าได้ทำการปิดหมายที่บ้านนายประกันจริง ก็ถือว่าเป็น การส่งหมายที่ชอบด้วยกฎหมาย
ในสัญญาประกันข้อ 2 กำหนดว่า ในระหว่างประกันนี้ นายประกันหรือจำเลยจะปฏิบัติตามหมายนัดหรือหมายเรียกของเจ้าพนักงานหรือศาล มิฉะนั้นนายประกันยอมรับผิดชอบใช้เงินให้แก่ศาลจนครบ เมื่อนายประกันไม่ปฏิบัติตามนัดหรือหมายเรียกของศาล คือไม่ส่งตัวจำเลยไปศาลเพื่อฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ตามนัด นายประกันจึงผิดสัญญาประกัน แม้ศาลจะไม่ได้ส่งหมายนัดแจ้งวันเวลานัดให้จำเลยหรือทนายจำเลยไปฟังคำพิพากษาก่อนก็ตาม เพราะสัญญาประกันเป็นสัญญาที่นายประกันกระทำไว้ต่อศาล จำเลยหรือทนายจำเลยหาได้เป็นผู้กระทำสัญญาประกันไว้ต่อศาลไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1560/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกู้ยืมเงินเพื่อซื้อหุ้นแล้วยึดหุ้นเป็นประกันเข้าข่ายผิดกฎหมายแพ่งและพาณิชย์และกฎหมายธุรกิจหลักทรัพย์
โจทก์จัดการซื้อหรือขายหลักทรัพย์โดยเป็นตัวแทนและนายหน้าของลูกค้า โดยโจทก์ให้บริษัทหลักทรัพย์ที่เป็น สมาชิกตลาดหลักทรัพย์ดำเนินการแทนโจทก์หาใช่เป็นการจัด ให้มีตลาดหรือสถานที่อันเป็นศูนย์กลางการซื้อหรือขาย หลักทรัพย์หรือให้บริการที่เกี่ยวกับการจัดให้มีตลาดหรือ สถานที่ดังกล่าวตามความหมายของพระราชบัญญัติ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พ.ศ.2517 มาตรา 3 ไม่โจทก์ย่อมกระทำการดังกล่าวได้โดยชอบ
การที่โจทก์ให้จำเลยกู้เงินไปเพื่อซื้อหุ้นของบริษัทโจทก์เอง โดยโจทก์ ยึดถือหุ้นนั้นไว้เป็นจำนำหรือเป็นประกันเงินที่โจทก์ทดรองจ่ายซื้อหุ้น หรือโจทก์ให้จำเลยกู้เงิน จากบริษัทในเครือของบริษัทโจทก์ โดยเงินที่กู้เป็นเงิน ของบริษัทโจทก์ให้บริษัทในเครือดังกล่าวกู้ไปให้จำเลย กู้ อีกต่อหนึ่ง ทั้งหุ้นที่จำเลยจำนำแก่บริษัทในเครือดังกล่าวโจทก์เป็น ผู้ยึดถือไว้เอง พฤติการณ์เช่นนี้ถือ ได้ว่าโจทก์เป็นผู้ให้จำเลยกู้ยืมเงินไปซื้อหุ้นของ บริษัทโจทก์และโจทก์รับจำนำหุ้นของตนเองเป็นประกัน เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1143 ทั้งต่อมาพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจเงินทุนธุรกิจหลักทรัพย์และ ธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ พ.ศ.2522 มาตรา 20(3)บัญญัติห้ามมิให้บริษัทเงินทุน รับหุ้นของ บริษัทเงินทุนนั้นเองเป็นประกันหรือรับหุ้นของบริษัทเงินทุน จากบริษัทเงินทุนอื่นเป็นประกันอีกด้วย การกระทำของ โจทก์จึงตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 113 ไม่มีผลบังคับ โจทก์จะอ้างเป็นมูลเรียกร้องให้ จำเลยชดใช้เงินที่โจทก์ฟ้องมิได้
การที่โจทก์ให้จำเลยกู้เงินไปเพื่อซื้อหุ้นของบริษัทโจทก์เอง โดยโจทก์ ยึดถือหุ้นนั้นไว้เป็นจำนำหรือเป็นประกันเงินที่โจทก์ทดรองจ่ายซื้อหุ้น หรือโจทก์ให้จำเลยกู้เงิน จากบริษัทในเครือของบริษัทโจทก์ โดยเงินที่กู้เป็นเงิน ของบริษัทโจทก์ให้บริษัทในเครือดังกล่าวกู้ไปให้จำเลย กู้ อีกต่อหนึ่ง ทั้งหุ้นที่จำเลยจำนำแก่บริษัทในเครือดังกล่าวโจทก์เป็น ผู้ยึดถือไว้เอง พฤติการณ์เช่นนี้ถือ ได้ว่าโจทก์เป็นผู้ให้จำเลยกู้ยืมเงินไปซื้อหุ้นของ บริษัทโจทก์และโจทก์รับจำนำหุ้นของตนเองเป็นประกัน เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1143 ทั้งต่อมาพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจเงินทุนธุรกิจหลักทรัพย์และ ธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ พ.ศ.2522 มาตรา 20(3)บัญญัติห้ามมิให้บริษัทเงินทุน รับหุ้นของ บริษัทเงินทุนนั้นเองเป็นประกันหรือรับหุ้นของบริษัทเงินทุน จากบริษัทเงินทุนอื่นเป็นประกันอีกด้วย การกระทำของ โจทก์จึงตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 113 ไม่มีผลบังคับ โจทก์จะอ้างเป็นมูลเรียกร้องให้ จำเลยชดใช้เงินที่โจทก์ฟ้องมิได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1343/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
วางเพลิงเพื่อเรียกค่าประกัน: พฤติการณ์และพยานแวดล้อมเพียงพอให้เชื่อได้ว่าจำเลยกระทำผิด
ก่อนเกิดเหตุประมาณ 1 เดือน จำเลยทั้งสองเอาทรัพย์สินประกันอัคคีภัยไว้กับบริษัทรับประกันสี่บริษัทโดยตีราคาทรัพย์เอาประกันเกินราคา และเกิดเพลิงไหม้บริเวณหลังร้านของจำเลยครั้งหนึ่งทางจังหวัดและเทศบาลต้องจัดรถดับเพลิงมาจอดใกล้ร้านทุกคืนหลังเกิดเหตุเพลิงไหม้แล้ว ได้ความว่ามิได้เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร แต่เกิดที่ชั้นล่าง ชั้นสองของตึก ห่างกันเป็นจุดๆ และขณะเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจพบจำเลยทั้งสองอยู่บนตึกชั้นสามมีถังที่ใช้บรรจุน้ำมันเบนซินอยู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องฉุดลากพาตัวจำเลยทั้งสองลงมา ตามพฤติการณ์แห่งคดีประกอบพยานแวดล้อมกรณีเชื่อได้ว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันวางเพลิงเผาทรัพย์เพื่อที่จะได้รับเงินค่าประกันอัคคีภัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2570/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาออกเช็คที่บัญชีปิดแล้ว ไม่ถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.เช็ค หากมีเจตนาเพื่อประกันและดำเนินคดี
โจทก์ร่วมรู้ดีว่าขณะที่จำเลยออกเช็ค ธนาคารได้ปิดบัญชีของจำเลยแล้ว การรับเช็คไว้มิใช่เพื่อให้ได้รับชำระหนี้ตามเช็คแต่รับไว้เพื่อเป็นประกันและเพื่อใช้เช็คดังกล่าวดำเนินคดีอาญาแก่จำเลยเพื่อบีบบังคับให้จำเลยชำระหนี้ จำเลยจึงไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1752/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนเช็คผู้ถือ การสลักหลังเป็นประกัน และสิทธิของผู้ทรง
เช็คพิพาทจำเลยสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือ ย่อมโอนไปเพียงด้วยการส่งมอบ ให้กันโดยไม่จำต้องสลักหลัง การที่โจทก์สลักหลังเช็คพิพาทขายลดให้แก่ธนาคาร ย่อมเป็นเพียงประกัน(อาวัล) จำเลยผู้สั่งจ่าย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 921,989 เมื่อเช็คพิพาท เรียกเก็บเงินไม่ได้ ธนาคารผู้รับซื้อเช็คจึงหักเงินจากบัญชีโจทก์และส่งเช็คกลับคืนมาให้โจทก์ครอบครองโจทก์จึงเป็นผู้ถือ ย่อมเป็นผู้ทรงตามมาตรา 904จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยผู้สั่งจ่ายภายในอายุความ 1 ปี ตามมาตรา 1002. กรณีไม่เข้ามาตรา 1003 ซึ่งมีอายุความ 6 เดือน นับแต่วันที่ผู้สลักหลังเข้าถือเอาตั๋วเงินและใช้เงิน เพราะโจทก์ มิใช่ผู้สลักหลังตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1682/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปฏิบัติตามคำสั่งศาลก่อนอุทธรณ์: จำเลยต้องชำระเงินหรือหาประกันก่อนอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์
เมื่อจำเลยอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันมาวางศาล จำเลยมีหน้าที่จะต้องปฏิบัติตามคำสั่งนั้นจะอ้างว่าได้ยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับไว้ก่อนแล้วหาได้ไม่ เพราะประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 บัญญัติไว้โดยชัดแจ้งว่าจะต้องนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาล ดังนั้น จะนำวิธีการขอทุเลาการบังคับเช่นการยื่นอุทธรณ์คำพิพากษามาใช้บังคับไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2401/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
งดไต่สวนคำร้องขอให้งด/รอการบังคับคดี: เมื่อมีการจ่ายเงินและมีประกันเพียงพอ
การที่ศาลชั้นต้นสั่งให้งดการไต่สวนคำร้องของผู้ร้อง ก็เพื่อจะวินิจฉัยว่าข้ออ้างที่ผู้ร้องประสงค์จะขอให้งดหรือรอการจ่ายเงินให้โจทก์มีเหตุผลหรือไม่เพียงใด แต่เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า ศาลได้จ่ายเงินที่โจทก์ขอให้แก่พนักงานบังคับคดีอายัดมาให้แก่โจทก์ไปแล้ว ซึ่งเป็นการจ่ายเงินเนื่องจากการบังคับคดีของโจทก์ นอกจากนี้ศาลยังได้กำหนดเงื่อนไขให้โจทก์นำธนาคารกรุงเทพ จำกัด มาทำสัญญาค้ำประกันเงินจำนวนดังกล่าวต่อศาลอีกด้วย ดังนี้ถ้าผู้ร้องชนะคดีในที่สุด ผู้ร้องก็มีสิทธิขอให้ธนาคารดังกล่าวจ่ายเงินตามที่ทำสัญญาค้ำประกันไว้ให้ผู้ร้องได้ทันที ไม่เสียหายแต่ประการใด จึงไม่มีประโยชน์ที่จะทำการไต่สวนคำร้องของผู้ร้องต่อไป ศาลย่อมสั่งงดการไต่สวนคำร้องของผู้ร้องเสียได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1057/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกู้ยืมเงินและมอบที่ดินเป็นประกัน การครอบครองแทนโจทก์ และเจตนาเปลี่ยนลักษณะการยึดถือครอบครอง
โจทก์จำเลยพิพาทกันว่าใครมีสิทธิครอบครองที่พิพาท คำที่จำเลยได้เคยกล่าวกับบุคคลภายนอกว่า จำเลยรับจำนำที่นาแปลงพิพาทไว้จากโจทก์นั้น เป็นคำกล่าวที่เป็นปฏิปักษ์ต่อผลประโยชน์ของตนเอง ใช้ยันจำเลยได้
โจทก์กู้เงินจำเลยแล้วมอบที่นาให้จำเลยทำกินต่างดอกเบี้ยการที่จำเลยครอบครองทำกินในที่นาแปลงพิพาท และเสียภาษีบำรุงท้องที่ตลอดมานั้น เป็นการครอบครองแทนโจทก์
โจทก์กู้เงินจำเลยแล้วมอบที่นาให้จำเลยทำกินต่างดอกเบี้ยการที่จำเลยครอบครองทำกินในที่นาแปลงพิพาท และเสียภาษีบำรุงท้องที่ตลอดมานั้น เป็นการครอบครองแทนโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1023/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ต้องปฏิบัติตามมาตรา 234 วางค่าฤชาธรรมเนียมและชำระเงิน หรือหาประกัน
การอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์นั้นประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 บัญญัติไว้โดยชัดแจ้งว่า จะต้องนำค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาลและนำเงินมาชำระตามคำพิพากษา ถ้าจะไม่นำเงินมาชำระตามคำพิพากษา ผู้อุทธรณ์ก็ต้องหาประกันให้ไว้ต่อศาล จะนำวิธีการขอทุเลาการบังคับเช่นการยื่นอุทธรณ์คำพิพากษามาใช้บังคับหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 822/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งศาลทหารเรื่องประกัน ศาลทหารมีอำนาจตัดสินเด็ดขาด ไม่สามารถอุทธรณ์ไปยังศาลพลเรือนได้
คดีที่ขึ้นศาลทหาร เมื่อศาลทหารได้สั่งเรื่องประกันไปอย่างไรแล้วจะอุทธรณ์คำสั่งไปยังศาลอุทธรณ์อันเป็นศาลพลเรือนไม่ได้ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 732/2504)