พบผลลัพธ์ทั้งหมด 102 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 582/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำแผนที่พิพาทตามคำพิพากษาศาล หากแผนที่ถูกต้อง ศาลงดสืบพยานได้
คู่ความท้ากัน ให้จ่าศาลทำแผนที่ กำหนดเขตตามคำพิพากษาในคดีเดิมถ้าจ่าศาลทำตามคำสั่งแล้วจะถือข้อแพ้ชนะตามแผนที่นั้นเมื่อจ่าศาลทำแผนที่แล้ว จำเลยเถียงว่าแผนที่ตอนหนึ่งไม่ถูกประเด็นข้อนี้ศาลตรวจดูแผนที่ ถ้าปรากฏชัดว่าถูกต้องและข้อเถียงของจำเลยไม่มีเหตุสนับสนุนศาลก็งดสืบพยานตามที่จำเลยเถียงได้เพราะหลักฐานเท่าที่ปรากฏฟังเป็นยุติได้แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 951-952/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกานี้วินิจฉัยเรื่องพินัยกรรมฉบับพิพาท ความถูกต้องของลายมือชื่อ และการเปลี่ยนแปลงเจตนาเดิมของผู้ทำพินัยกรรม
โจทก์ฟ้องขอทำลายพินัยกรรม อ้างว่าปลอมหรือทำโดยสำคัญผิดจำเลยให้การว่า เป็นพินัยกรรมที่สมบูรณ์ โจทก์ขอแก้ฟ้องยืนยันว่าเป็นพินัยกรรมปลอมอย่างเดียว จำเลยไม่ให้การอย่างไรอีก ดังนี้จะถือว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การไม่ถนัด เพราะจำเลยยื่นคำให้การต่อสู้ไว้ในชั้นแรกแล้ว
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ โจทก์ไม่ขอให้ศาลสั่งว่าจำเลยขาดนัดใน 15 วัน ศาลไม่สั่งจำหน่ายคดีก็ได้
ฟ้องบรรยายข้อเท็จจริงมาโดยละเอียด แล้วลงท้ายว่าผู้ตายไม่ได้พิมพ์ลายนิ้วมือในพินัยกรรมหรือจำเลยแอบกดลายนิ้วมือผู้ตายลงโดยผู้ตายไม่รู้ตัวขอให้แสดงว่าพินัยกรรมเป็นโมฆะเป็นที่เข้าใจว่าผู้ตายไม่ได้ทำพินัยกรรมไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
ทายาทโดยธรรม ฟ้องขอให้ทำลายพินัยกรรมได้แม้จะมีพินัยกรรมอีกฉบับหนึ่งซึ่งโจทก์ไม่มีส่วนได้รับมรดกเลยก็ตาม
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ โจทก์ไม่ขอให้ศาลสั่งว่าจำเลยขาดนัดใน 15 วัน ศาลไม่สั่งจำหน่ายคดีก็ได้
ฟ้องบรรยายข้อเท็จจริงมาโดยละเอียด แล้วลงท้ายว่าผู้ตายไม่ได้พิมพ์ลายนิ้วมือในพินัยกรรมหรือจำเลยแอบกดลายนิ้วมือผู้ตายลงโดยผู้ตายไม่รู้ตัวขอให้แสดงว่าพินัยกรรมเป็นโมฆะเป็นที่เข้าใจว่าผู้ตายไม่ได้ทำพินัยกรรมไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
ทายาทโดยธรรม ฟ้องขอให้ทำลายพินัยกรรมได้แม้จะมีพินัยกรรมอีกฉบับหนึ่งซึ่งโจทก์ไม่มีส่วนได้รับมรดกเลยก็ตาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 34/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเก็บสะตอในที่พิพาทกรรมสิทธิ์ ไม่ถือเป็นการลักทรัพย์หากมีเหตุผลเชื่อว่าตนเองมีสิทธิ์
การที่จำเลยเก็บผักสะตอในที่ซึ่งผู้เสียหายและจำเลยยังเถียงกรรมสิทธิในเรื่องที่ดินและต้นสะตอรายนี้อยู่โดยมีเหตุผลนั้นย่อมฟังไม่ได้ว่าจำเลยเก็บสะตอไปโดยการทุจริตอันเป็นผิดฐานลักทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1472/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เขตที่ดินพิพาท การซื้อขาย และสิทธิครอบครอง การรุกล้ำพื้นที่
เพียงแต่ชายคาเรือนยื่นเกินจากแนวเขตที่ดินของตนเข้าไปในที่ดินของผู้อื่น หาทำให้ที่ดินใต้ชายคาเป็นสิทธิแก่เจ้าของเรือนในทางครอบครองไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1140/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าจ้างแรงงานพิพาท: จำนวนข้าวเปลือกเป็นค่าจ้างตกลงกันแล้ว แต่พิพาทเรื่องราคา ศาลยึดตามราคาที่จำเลยนำสืบเนื่องจากโจทก์มิได้นำสืบ
โจทก์กล่าวฟ้องเกี่ยวกับค่าแรงงานว่าโจทก์ควรได้ข้าวเปลือกในนา 13 ไร่ 650 ถัง ราคาถังละ 10 บาทรวมเป็นเงิน 6,500 บาท และคำให้การของจำเลยก็มิได้ปฏิเสธจำนวนข้าวที่โจทก์เรียกร้องคงเถียงแต่เรื่องราคาข้าวว่าถังละ 7 บาท ดังนี้ก็ชอบต้องฟังว่าโจทก์ควรได้ข้าวเปลือกเป็นค่าจ้าง 650 ถัง แต่ราคาข้าวเปลือกโจทก์มิได้นำสืบจึงต้องฟังตามคำพยานจำเลยว่าราคาข้าวเปลือกถังละ 7 บาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 972/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพาทเรื่องเขตที่ดิน การสืบพยานร่วมไม่สมบูรณ์โจทก์จึงต้องรับผิดชอบตามคำท้า
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบุกรุกที่ดิน จำเลยปฏิเสธแล้วโจทก์จำเลยท้ากันว่า ขอให้สืบนายประสงค์ นายเมืองเจ้าพนักงานแผนที่ถ้าปรากฏว่ามีการย้ายหลักเขตเข้าไปในที่โจทก์แล้ว จำเลยยอมแพ้ถ้าไม่ได้ความว่ามีการย้ายหลักเขตโจทก์ยอมแพ้เมื่อพยานที่ท้ากันเบิกความไม่แน่นอน ฟังไม่ได้ว่ามีการย้าย ดังนี้โจทก์ก็ต้องแพ้ตามคำท้า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 808/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เขตที่ดินพิพาท: การพิจารณาตามแนวเส้นเขตที่คู่ความยอมรับ ไม่จำเป็นต้องวัดเขตที่ดินออกไป
เมื่อคู่ความรับว่าที่พิพาทคือที่ปรากฎอยู่ภายในเส้นแดงตามแผนที่พิพาทเป็นแต่เถียงกันว่าเป็นของฝ่ายใดดังนี้แล้วก็ให้ศาลพิจารณาคดีไปตามนั้นไม่จำต้องวินิจฉัยถึงว่าจะควรวัดเขตที่ดินที่+ออกไปอย่างไร เพราะไม่มีข้อเถียงกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 808/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เขตที่ดินพิพาท: การพิจารณาตามเส้นเขตที่คู่ความยอมรับและหลักการที่ดินงอก
เมื่อคู่ความรับว่าที่พิพาทคือที่ที่ปรากฏอยู่ภายในเส้นสีแดงตามแผนที่พิพาท เป็นแต่เถียงกันว่าเป็นของฝ่ายใดดังนี้แล้วก็ให้ศาลพิจารณาคดีไปตามนั้น ไม่จำต้องวินิจฉัยถึงว่าจะควรวัดเขตที่ดินที่งอกออกไปอย่างไรเพราะไม่มีข้อเถียงกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1463/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีพิพาทสัญชาติ: การฎีกาในข้อเท็จจริงสำหรับคดีสิทธิสภาพบุคคล
ในคดีที่โจทก์ฟ้องศาลขอให้ศาลสั่งแสดงว่าโจทก์มีสัญชาติไทยตามกฎหมาย และกระทรวงมหาดไทยผู้เป็นจำเลยคัดค้านนั้น เป็นคดีที่พิพาทกันว่าโจทก์เป็นบุคคลที่มีสัญชาติไทยหรือเป็นคนต่างด้าว จึงเป็นคดีที่เกี่ยวด้วยสิทธิแห่งสภาพบุคคล คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1191/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำและการวินิจฉัยข้อฎีกาของผู้ให้เช่าในคดีพิพาทการเช่าห้อง
โจทก์จำเลยต่างร่วมกันเช่าห้องอยู่อาศัยและค้าขายร่วมกันรวม 2 ห้อง อยู่มาโจทก์ไม่อยู่ จำเลยกั้นห้องเช่าแบ่งให้คนอื่นเช่าแทนเสีย 1 ห้อง โจทก์กลับมาจึงฟ้องจำเลยขอให้ขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่าที่ยังเหลือ และเรียกค่าเสียหาย คดีถึงที่สุดโดยศาลพิพากษายกฟ้อง โจทก์กลับมาฟ้องจำเลยใหม่โดยฟ้องผู้ให้เช่าและผู้เช่าห้องพิพาทแทนเป็นจำเลยด้วย โดยโจทก์ฟ้องขอให้ศาลแสดงว่าห้องที่จำเลยให้ผู้เช่าเช่าแทนไปนั้น โจทก์มีสิทธิการเช่าอยู่ ขอให้จำเลยกับผู้ให้เช่าผู้เช่าแทนร่วมใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ดังนี้คดีเฉพาะเดิมย่อมเป็นฟ้องซ้ำ
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์จำเลยเป็นผู้เช่าห้องพิพาทร่วมกัน แต่การที่จำเลยเอาห้องพิพาทไปให้ผู้อื่นเช่าแทนต่อไปนั้น ผู้ให้เช่าไม่ต้องรับผิด ดังนี้ผู้ให้เช่าซึ่งถูกฟ้องเป็นจำเลยด้วยจะฎีกาว่าความจริงจำเลยเป็นผู้เช่าแต่ฝ่ายเดียว โจทก์ไม่ได้เป็นผู้เช่าร่วมด้วย ดังนี้ข้อโต้เถียงดังกล่าวย่อมไม่ทำให้ผู้ให้เช่ากลับแพ้คดีนี้ได้ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยข้อเท็จจริงดังกล่าวให้
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์จำเลยเป็นผู้เช่าห้องพิพาทร่วมกัน แต่การที่จำเลยเอาห้องพิพาทไปให้ผู้อื่นเช่าแทนต่อไปนั้น ผู้ให้เช่าไม่ต้องรับผิด ดังนี้ผู้ให้เช่าซึ่งถูกฟ้องเป็นจำเลยด้วยจะฎีกาว่าความจริงจำเลยเป็นผู้เช่าแต่ฝ่ายเดียว โจทก์ไม่ได้เป็นผู้เช่าร่วมด้วย ดังนี้ข้อโต้เถียงดังกล่าวย่อมไม่ทำให้ผู้ให้เช่ากลับแพ้คดีนี้ได้ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยข้อเท็จจริงดังกล่าวให้