คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เช่านา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 83 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1051/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกเลิกสัญญาเช่านาต้องเป็นไปตาม พ.ร.บ.ควบคุมการเช่านา การฟ้องโดยไม่ปฏิบัติตามกฎหมายจึงไม่มีผล
พระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ.2517 ได้บัญญัติเรื่องการบอกเลิกการเช่านาไว้เป็นพิเศษ โจทก์จะถือเอาคำฟ้องเป็นการแสดงเจตนาบอกเลิกการเช่านาหาได้ไม่ เมื่อโจทก์ไม่ปฏิบัติตามที่พระราชบัญญัติดังกล่าวกำหนดไว้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องเลิกการเช่า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 591/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสิ้นสุดสัญญาเช่านาและการบังคับใช้ พ.ร.บ.ควบคุมการเช่านา พ.ศ.2517 การพิสูจน์สถานะผู้เช่า
ตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 มาตรา 46 ที่บัญญัติไว้ว่า การเช่านารายใดซึ่งทำไว้ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ถ้าไม่มีกำหนดเวลาหรือมีกำหนดเวลาต่ำกว่าหกปี ให้การเช่านารายนั้นมีกำหนดหกปีนับตั้งแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับเว้นแต่ผู้เช่าไม่ประสงค์จะเช่านาต่อไป ย่อมหมายความว่าพระราชบัญญัติฉบับนี้ใช้บังคับแก่การเช่าที่ยังคงมีอยู่ในวันที่ 18 ธันวาคม 2517 ซึ่งเป็นวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับเท่านั้น ที่จะมีการยืดการเช่าออกไปได้แต่ถ้าหากการเช่านาระหว่างผู้เช่าและผู้ให้เช่าสิ้นสุดลงแล้วก่อนวันที่ 18 ธันวาคม 2517 ก็จะนำมาตรา 46 นี้มาใช้บังคับไม่ได้เพราะในขณะที่พระราชบัญญัติควบคุมการเช่านามีผลใช้บังคับนั้น ไม่มีกำหนดระยะเวลาการเช่านาเหลืออยู่ที่จะยืดออกไปอีกได้
เมื่อโจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้กระทำผิดโดยเข้าไปไถทำนาในที่นาที่ผู้เสียหายเช่าจากจำเลย จำเลยให้การปฏิเสธ โจทก์จึงมีหน้าที่นำสืบให้ฟังได้ว่าในวันเวลาที่โจทก์กล่าวหา ผู้เสียหายยังเป็นผู้เช่าทำนาจากจำเลยอยู่ แต่เมื่อจำเลยได้ต่อสู้มาแต่ชั้นสอบสวนว่า สัญญาระหว่าง ผู้เสียหายกับจำเลยสิ้นสุดโดยความตกลงของคู่สัญญา มิได้รับในประเด็นข้อนี้ เมื่อโจทก์ไม่ติดใจสืบพยานเสียแล้วเช่นนี้ คดีก็ยังไม่พอที่จะรับฟังว่าจำเลยได้กระทำผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 มาตรา 28(4), 45

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2459/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่านา: การตีความลักษณะสัญญาและการมีผลบังคับใช้ตามกฎหมาย
โจทก์ให้จำเลยทำนาในที่นาของโจทก์โดยโจทก์เป็นผู้จัดหาพันธุ์ข้าวและปุ๋ย เป็นผู้เสียภาษีบำรุงท้องที่และซ่อมแซมพนังกั้นน้ำเพื่อป้องกันมิให้ข้าวในนาเสียหาย ส่วนจำเลยเป็นผู้ออกแรง ไถคราด ตกกล้า ปักดำ เก็บเกี่ยวและนวดข้าว โดยใช้อุปกรณ์การทำนาของจำเลยเมื่อทำนาได้ข้าวแล้ว ตวงเอาข้าวจำนวนหนึ่งไว้เป็นพันธุ์ข้าวในปีต่อไป ข้าวที่เหลือแบ่งกันคนละครึ่งระหว่างโจทก์จำเลย หากปีใดการทำนาไม่ได้ผลต่างไม่ต้องเสียอะไรให้แก่กัน การที่โจทก์มอบนาให้จำเลยทำและได้รับข้าวเป็นค่าตอบแทนเช่นนี้ ถือว่าเป็นการเช่าที่ดินเพื่อทำนาตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ.2517 มาตรา 4 หาใช่เป็นการจ้างจำเลยทำนาไม่
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 538 บัญญัติว่า เช่าอสังหาริมทรัพย์นั้น ถ้ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดเป็นสำคัญท่านว่าจะฟ้องร้องบังคับคดีหาได้ไม่ ตามบทบัญญัตินี้หาได้บัญญัติให้การเช่าอสังหาริมทรัพย์ที่มิได้มีหลักฐานเป็นหนังสือตกเป็นโมฆะไม่ และตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ.2517 มาตรา 4 การเช่านาเพื่อทำนาไม่จำต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ ดังนั้น การเช่านาของจำเลยจากโจทก์แม้จะไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ ก็ไม่เป็นโมฆะ
โจทก์ให้จำเลยเช่าที่ดินเพื่อทำนาโดยไม่มีกำหนดเวลาไว้ก่อนพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ.2517 ใช้บังคับ จำเลยมีสิทธิเช่าทำนาในที่ดินดังกล่าวต่อไปอีก 6 ปี ตามมาตรา 46

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2459/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่านา แม้ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ ก็ไม่ตกเป็นโมฆะ และมีสิทธิเช่าต่อเนื่องตามกฎหมาย
โจทก์ให้จำเลยทำนาในที่นาของโจทก์โดยโจทก์เป็นผู้จัดหาพันธุ์ข้าวและปุ๋ยเป็นผู้เสียภาษีบำรุงท้องที่และซ่อมแซมผนังกั้นน้ำเพื่อป้องกันมิให้ข้าวในนาเสียหาย ส่วนจำเลยเป็นผู้ออกแรง ไถคราด ตกกล้า ปักดำ เก็บเกี่ยวและนวดข้าว โดยใช้อุปกรณ์การทำนาของจำเลย เมื่อทำนาได้ข้าวแล้ว ตวงเอาข้าวจำนวนหนึ่งไว้เป็นพันธุ์ข้าวในปีต่อไป ข้าวที่เหลือแบ่งกันคนละครึ่งระหว่างโจทก์จำเลย หากปีใดการทำนาไม่ได้ผลต่าง ไม่ต้องเสียอะไรให้แก่กัน การที่โจทก์มอบนาให้จำเลยทำและได้รับข้าวเป็นค่าตอบแทนเช่นนี้ ถือว่าเป็นการเช่าที่ดินเพื่อทำนาตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ.2517 มาตรา 4 หาใช่เป็นการจ้างจำเลยทำนาไม่
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 538 บัญญัติว่า เช่าอสังหาริมทรัพย์นั้น ถ้ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดเป็นสำคัญ ท่านว่าจะฟ้องร้องบังคับคดีหาได้ไม่ ตามบทบัญญัตินี้หาได้บัญญัติให้การเช่าอสังหาริมทรัพย์ที่มิได้มีหลักฐานเป็นหนังสือตกเป็นโมฆะไม่ และตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ.2517 มาตรา 4 การเช่านาเพื่อทำนาไม่จำต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ ดังนั้น การเช่านาของจำเลยจากโจทก์ แม้จะไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ ก็ไม่เป็นโมฆะ
โจทก์ให้จำเลยเช่าที่ดินเพื่อทำนาโดยไม่มีกำหนดเวลาไว้ก่อนพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ.2517 ใช้บังคับ จำเลยมีสิทธิเช่าทำนาในที่ดินดังกล่าวต่อไปอีก 6 ปี ตามมาตรา 46

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2115/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิผู้เช่านาเดิมตาม พ.ร.บ.ควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 แม้ไม่มีสัญญาเช่าเป็นลายลักษณ์อักษร
ผู้เสียหายได้เช่านาจำเลยก่อนพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 ใช้บังคับ ไม่ได้ทำหนังสือสัญญาเช่าต่อกัน และไม่ได้กำหนดเวลาเช่า เมื่อพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 ใช้บังคับแล้ว ผู้เสียหายจึงมีสิทธิ์ในการเช่านามีกำหนด 6 ปีนับแต่วันที่ 18 ธันวาคม 2517 (วันถัดจากวันประกาศใช้พระราชกิจจานุเบกษา) และเมื่อผู้เสียหายมีฐานะเป็นผู้เช่านา ย่อมมีสิทธิ์ครอบครองนาที่เช่าโดยผลแห่งกฎหมายนั้น การเช่าจะยุติหรือสิ้นผลก็ต่อเมื่อผู้เช่า (ผู้เสียหาย) ไม่ประสงค์จะเช่าต่อไป หรือผู้ให้เช่าใช้สิทธิ์บอกเลิกเมื่อมีเหตุตามมาตรา 32 เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2115/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเช่านาตามพ.ร.บ.ควบคุมการเช่านา: การเช่าก่อนมีกฎหมาย และสิทธิการครอบครอง
ผู้เสียหายได้เช่านาจำเลยก่อนพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านาพ.ศ.2517 ใช้บังคับ ไม่ได้ทำหนังสือสัญญาเช่าต่อกันและไม่ได้กำหนดเวลาเช่า เมื่อพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านาพ.ศ.2517 ใช้บังคับแล้ว ผู้เสียหายจึงมีสิทธิในการเช่านามีกำหนด 6 ปีนับตั้งแต่วันที่ 18 ธันวาคม2517(วันถัดจากวันประกาศใช้พระราชกิจจานุเบกษา) และเมื่อผู้เสียหายมีฐานะเป็นผู้เช่านา ย่อมมีสิทธิครอบครองนาที่เช่าโดยผลแห่งกฎหมายนั้น การเช่าจะยุติหรือสิ้นผลก็ต่อเมื่อผู้เช่า (ผู้เสียหาย) ไม่ประสงค์จะเช่าต่อไปหรือผู้ให้เช่าใช้สิทธิบอกเลิกเมื่อมีเหตุตามมาตรา 32 เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1916/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การต่ออายุสัญญาเช่านาตาม พ.ร.บ.ควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 และความผิดฐานบุกรุก
ขณะที่พระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 มีผลใช้บังคับ คือวันที่ 18 ธันวาคม 2517 ผู้เสียหายเช่ายังเช่านาพิพาทอยู่ และเป็นการเช่าที่ไม่มีกำหนดเวลา หรือมีกำหนดเวลาแต่ต่ำกว่า 6 ปี กำหนดการเช่านาที่ทำไว้เดิมนั้นก็ต้องยืดออกไปอีก 6 ปี โดยผู้เสียหายไม่จำเป็นต้องแสดงเจตนาจะเช่านาต่อไป และต้องไปตกลงกันใหม่กับจำเลยเจ้าของนาอีก เว้นแต่ผู้เสียหายไม่ประสงค์จะเช่านาต่อไปตามมาตรา 46

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1103/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเช่านาสิ้นสุดก่อนบังคับใช้ พ.ร.บ.ควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 ไม่อยู่ในบังคับมาตรา 28(4)
การเช่านาสิ้นสุดลงก่อนพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 ใช้บังคับ กรณีจึงไม่อยู่ในบังคับของมาตรา 46 และไม่อยู่ในบังคับของมาตรา 5 ที่ให้ถือว่าการเช่านามีกำหนด 6 ปี เพราะมาตรา 5 เป็นบทบัญญัติทั่วไปให้บังคับแก่การเช่านาภายหลังพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 ใช้บังคับ
ในขณะเกิดเหตุ ผู้เสียหายมิใช่ผู้เช่านาจากจำเลย จะนำมาตรา 28(4) บังคับแก่จำเลยมิได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2496/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่านาที่เป็นโมฆะเนื่องจากค่าเช่าเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด และการรับภาระเกินหน้าที่ตามกฎหมาย
พระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2493 นอกจากจะมีบทบัญญัติห้ามมิให้ผู้ให้เช่าเรียกเก็บค่าเช่านาเกินกว่าอัตราไว้ในมาตรา 5 และมีบทกำหนดโทษผู้ฝ่าฝืนในมาตรา 16 แล้ว ยังมีบทมาตราอื่น ๆ ที่แสดงให้เห็นได้ชัดว่ามุ่งประสงค์ที่จะคุ้มครองผู้เช่านาอีกหลายกรณี
การที่จำเลยเต็มใจให้ค่าเช่านาเกินกว่าอัตราที่พระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2493 กำหนดไว้ และโจทก์ผู้ให้เช่าก็ตกลงยอมรับนั้น ถือได้ว่าเป็นการให้จำเลยผู้เช่ามีหน้าที่หรือรับภาระซึ่งตามกฎหมายจำเลยไม่ต้องมีหน้าที่หรือต้องรับภาระ จึงไม่เป็นการผูกพันจำเลยตามนัย มาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2493ที่จะต้องชำระค่าเช่านาให้โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 527/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเช่านาตาม พ.ร.บ.ควบคุมการเช่านา: การคุ้มครองระยะเวลา 5 ปี พิจารณาจากสัญญาเช่ารายปีต่อเนื่อง
มาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมการ เช่านา พ.ศ. 2493มุ่งคุ้มครองผู้เช่านาผู้อื่นทำ ให้มีสิทธิเช่าทำได้ติดต่อกันไปมีกำหนด 5 ปีนับแต่วันประกาศพระราชกฤษฎีกาให้พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับในกรณีตามอนุมาตรา (1) หรือนับแต่วันทำสัญญาเช่าในกรณีตามอนุมาตรา (2)การที่จะพิจารณาวินิจฉัยว่า การเช่ารายใดจะได้รับความคุ้มครองตามมาตรานี้หรือไม่ ต้องพิจารณาว่าการเช่ารายนั้นได้ทำสัญญาเช่ากันมาตั้งแต่เมื่อใด เกิน 5 ปีตามสิทธิที่จะได้รับการคุ้มครองแล้วหรือไม่ จะถือเอาหนังสือสัญญาเช่าฉบับใดฉบับหนึ่งที่ทำกันไว้เป็นเกณฑ์พิจารณาแต่เพียงอย่างเดียวไม่ได้ จำเลยได้ทำสัญญาเช่าทำนาพิพาทกับโจทก์เป็นรายปีทุกปีติดต่อกันมา ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2508 ถึงปีพ.ศ. 2514ระยะเวลากว่า 5 ปีแล้ว จำเลยจึงไม่ได้รับความคุ้มครองให้มีสิทธิเช่าต่อได้อีกต่อไป มิใช่ว่าเมื่อจำเลยประสงค์จะเช่าต่อไปแล้วสัญญาเช่าฉบับที่ทำกันเมื่อ พ.ศ. 2514 นั้นยังมีอายุต่อไปอีก 5 ปี
of 9