คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ศาลพิจารณา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 292 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3117/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ลายมือชื่อในสัญญากู้เป็นหลักฐานสำคัญ ศาลพิจารณาจากพยานหลักฐานประกอบอื่นและดุลพินิจ
ผู้เชี่ยวชาญกองพิสูจน์หลักฐานมีความเห็นว่าลายมือชื่อของจำเลยในเอกสารต่าง ๆ กับลายมือชื่อของจำเลยในสัญญากู้ไม่ใช่ลายมือชื่อของคนเดียวกัน แต่โจทก์จำเลยไม่ได้ตกลงท้ากันให้ถือความเห็นของผู้เชี่ยวชาญเป็นข้อแพ้ชนะ ความคิดเห็นตามหลักวิชาของพยานผู้เชี่ยวชาญเป็นพยานที่ศาลรับฟัง แต่มิใช่ว่าผู้เชี่ยวชาญให้ความเห็นอย่างไร ศาลต้องฟังตามนั้นเสมอไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2204/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้อน: คดีซื้อขายที่ดินที่มีการฟ้องแย้งเรื่องการชำระราคาและข้อฉ้อฉล เมื่อคดีเดิมยังอยู่ระหว่างพิจารณา
เดิมจำเลยฟ้องโจทก์อ้างว่า โจทก์ผิดสัญญาซื้อขายที่ดินขอให้โจทก์รังวัดแบ่งแยกที่ดินที่ซื้อให้แก่จำเลย โจทก์ให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยยังค้างชำระราคาที่ดินโจทก์ การที่โจทก์ให้จำเลยถือกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินที่ซื้อเกิดจากการฉ้อฉลและสำคัญผิดเป็นโมฆะ ขอให้เพิกถอนจำเลยจากผู้ถือกรรมสิทธิ์และริบเงินมัดจำ คดีดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาโจทก์ได้ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้อ้างว่า จำเลยตกลงซื้อที่ดินโจทก์ชำระเงินวันทำสัญญาบางส่วน โจทก์ใส่ชื่อจำเลยถือกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินที่ซื้อแล้ว จะชำระราคาส่วนที่เหลือให้ โดยระบุราคาซื้อขายที่ดินในสัญญา จำเลยไม่ชำระราคาที่ดินที่ค้างให้แก่โจทก์ ขอให้จำเลยชำระราคาที่ดินส่วนที่เหลือ ดังนี้ฟ้องแย้งของโจทก์ในคดีเดิมจึงเป็นเรื่องเดียวกันกับคดีนี้ และโจทก์ในคดี นี้ซึ่งเป็นจำเลยผู้ฟ้องแย้งในคดีเดิมมีฐานะเป็นโจทก์ฟ้องแย้ง ในคดีเดิมด้วย เมื่อคดีเดิมยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ฟ้องโจทก์คดีนี้จึงซ้อนกับฟ้องแย้งในคดีเดิม ต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173(1)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 176/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขยายระยะเวลาวางค่าฤชาธรรมเนียมอุทธรณ์: พฤติการณ์พิเศษที่ศาลจะพิจารณา
จำเลยเตรียมเงินค่าฤชาธรรมเนียมอุทธรณ์มาไม่พอวางศาลทนายจำเลยบอกให้จำเลยที่ 1 เบิกเงินจากธนาคาร แต่จำเลยที่ 1เบิกเงินไม่ทัน ยังถือไม่ได้ว่าเป็นพฤติการณ์พิเศษที่จะขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมอุทธรณ์และค่าทนายความส่วนที่ขาดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1449/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ศาลพิจารณาพยานหลักฐานและเหตุบรรเทาโทษ
จำเลยทำผิดในเวลากลางวัน มีประจักษ์พยานรู้เห็นเหตุการณ์ถึงสองคนหลังเกิดเหตุราว 1 ชั่วโมง เจ้าพนักงานตำรวจก็จับกุมจำเลยได้ ในลักษณะที่เสื้อผ้าของจำเลยยังเปรอะเปื้อนโลหิตของผู้ตายนอกจากนี้ยังมีวัตถุพยานคือ ขวานเปื้อน โลหิตที่มีเส้นผมติดอยู่ทั้ง2 เล่ม ในที่เกิดเหตุ ซึ่งสามารถตรวจพิสูจน์ได้ว่าคราบโลหิตทั้งหมดเป็นโลหิตมนุษย์หมู่เดียวกัน เส้นผมของกลางก็มีลักษณะคล้ายคลึงกับเส้นผมของผู้ตาย พยานหลักฐานดังกล่าวพอรับฟังได้ว่าจำเลยเป็นผู้กระทำผิด ดังนั้น แม้จำเลยจะให้การรับว่าทำร้ายผู้ตายจริงคำรับของจำเลยก็ไม่เป็นประโยชน์แก่ศาลในการพิจารณา จึงไม่มีเหตุบรรเทาโทษ และการที่จำเลยกระทำผิดเพราะความมึนเมาสุราความมึนเมาก็มิใช่เหตุบรรเทาโทษ ตาม ป.อ. มาตรา 78 จำเลยเป็นฝ่ายก่อเหตุกระทำผิดขึ้นก่อน การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นบันดาลโทสะ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5494/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องคดีอาญา พิจารณาจากโทษที่ศาลลงโทษ ไม่ใช่ข้อหาที่ฟ้อง
อายุความฟ้องคดีอาญา ตาม ป.อ. มาตรา 95 ต้องถือตามอัตราโทษของความผิดที่ศาลพิจารณาได้ความ ไม่ใช่พิจารณาจากข้อหาหรือ ฐานความผิดที่โจทก์ฟ้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3982/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายด้วยอาวุธมีคม ศาลพิจารณาเจตนาและลักษณะบาดแผลเพื่อตัดสินความผิดฐานทำร้ายร่างกาย
จำเลยกับพวกรวม 7 คน รุมทำร้ายผู้เสียหายโดยใช้ขวดน้ำอัดลมและเหล็กเปิดน้ำอัดลมซึ่งด้านหนึ่งไม่มีคม อีกด้านหนึ่งมีคม ยาว จากปลายแหลมถึงที่กั้น 1.2 เซนติเมตร เป็นอาวุธแทงคนละที และ ไม่มีโอกาสเลือกแทง ผู้เสียหายมีบาดแผลถูกแทงด้วยขวดน้ำอัดลม ที่ หางคิ้วซ้าย เป็นแผลฉีกขาดลึกครึ่งเซนติเมตรยาวเพียง 2 เซนติเมตร ถ้า ไม่มีโรคแทรกซ้อนจะรักษาหายภายใน 7 วัน ส่วนแผลที่ถูกแทงด้วย เหล็กเปิดน้ำอัดลมที่หน้าท้องมีรอยช้ำเล็กน้อย ไม่ต้องรักษาบาดแผล ไม่สามารถทำให้ถึงแก่ความตายได้ การกระทำของจำเลยกับพวก ยัง ถือไม่ได้ว่า มีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย คงเพียงแต่มีเจตนาทำร้าย ร่างกาย เท่านั้น อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3703/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาคำขอให้ล้มละลาย แม้จำเลยผ่อนชำระหนี้แต่ไม่สม่ำเสมอ และไม่เคยยื่นประนอมหนี้
จำเลยเป็นหนี้โจทก์ตามคำพิพากษา 108,435.78 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ แม้ก่อนฟ้องคดีนี้จำเลยผ่อนชำระหนี้ให้โจทก์เดือนละ 1,000 บาท เป็นเงิน 29,000 บาทแล้วแต่ก็เป็นเพียงผ่อนชำระดอกเบี้ย ต่อมาจำเลยค้างชำระเงินต้นทั้งหมดและดอกเบี้ย 106,762.61 บาทจำเลยไม่มีทรัพย์สินที่จะยึดมาชำระหนี้โจทก์ หากให้จำเลยผ่อนชำระหนี้แก่โจทก์ต่อไปเดือนลำ 1,000 บาท กว่าจะหมดหนี้ก็ต้องใช้เวลาหลายปีและจำเลยหาได้ผ่อนชำระหนี้ให้โจทก์สม่ำเสมอทุกเดือนไปไม่ บางครั้งสองเดือนหรือสามเดือนจำเลยจึงนำเงินมาชำระครั้งหนึ่ง ถ้าจำเลยมีความสุจริตใจหรือขวนขวายอย่างแท้จริงที่จะชำระหนี้ให้โจทก์หมดสิ้นไปโดยเร็วแล้วก็น่าจะชำระให้โจทก์อย่างสม่ำเสมอทุกเดือนและเป็นจำนวนเงินมากกว่านี้ เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ จำเลยเด็ดขาดแล้ว จำเลยก็หาได้ยื่นคำขอประนอมหนี้ไม่ทั้ง ๆ ที่มีเจ้าหนี้เพียงรายเดียวคือโจทก์ ดังนี้แม้มูลแห่งหนี้จะสืบเนื่องมาจากการค้ำประกันกรณีก็ยังไม่มีเหตุที่ไม่ควรให้จำเลยล้มละลาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6009/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องฉ้อโกงประชาชนที่ขัดแย้งกับข้อหาจัดหางานเถื่อน ศาลพิจารณาจากเจตนาของผู้กระทำ
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยจัดหางานให้คนหางานเพื่อไปทำงานในต่างประเทศโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน โจทก์กลับบรรยายฟ้องว่า ความจริงจำเลยกับพวกมิได้มีความสามารถในการจัดหางานให้แก่ผู้เสียหายและประชาชนดังที่โฆษณากล่าวอ้างเลยแสดงว่าจำเลยกับพวกมิได้มีเจตนาจัดหางานให้แก่คนหางานแต่อย่างใด การกระทำของจำเลยตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์จึงไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางานพ.ศ.2528 มาตรา 30, 82

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4910/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอเป็นจำเลยอนาถา: ศาลไม่เห็นเหตุผลเพิ่มเติมจากที่เคยพิจารณา จึงยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาของจำเลยในชั้นอุทธรณ์ที่ยื่นครั้งแรกแล้วฟังว่า จำเลยมีที่ดิน 1 แปลงเนื้อที่ 20 ไร่ แม้จำเลยจะอ้างว่านำที่ดินไปจำนองเป็นประกันหนี้และยังไม่มีเงินไถ่ คืน ก็ถือไม่ได้ว่าจำเลยเป็นคนยากจนที่ไม่อาจเสียค่าธรรมเนียมศาลได้ จำเลยมิได้อุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นคงยื่นคำร้องเพื่อให้ศาลอนุญาตให้ตนนำพยานหลักฐานมาแสดงเพิ่มเติมว่าเป็นคนยากจน แต่ข้ออ้างที่ขอให้ไต่สวนใหม่ปรากฏในคำร้องว่าเป็นเหตุเดียวกับที่อ้างไว้เดิม และศาลชั้นต้นวินิจฉัยไปแล้วทำให้เห็นว่าไม่น่าจะมีพยานหลักฐานเพิ่มเติมแสดงให้เห็นฐานะของจำเลยนอกเหนือไปจากที่ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยไปแล้ว ดังนี้ศาลอุทธรณ์ชอบที่จะมีคำสั่งยืนตามศาลชั้นต้นให้ยกคำร้องขอให้พิจารณาคำขอใหม่ของจำเลยนั้น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4897/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาคำร้องระงับการบังคับคดี: ศาลไม่จำเป็นต้องไต่สวนก่อนสั่งยกคำร้องหากพิจารณาแล้วไม่มีเหตุสมควร
การพิจารณาคำร้องของผู้ร้องว่าที่ดินและบ้านเรือนที่เจ้าพนักงานบังคับคดีให้จำเลยและบริวารออกไปนั้น เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องมิใช่กรรมสิทธิ์ของจำเลย ขอให้ระงับการบังคับคดีไม่มีกฎหมายบังคับให้ต้องทำการไต่สวนก่อน ที่ศาลชั้นต้นสั่งนัดพร้อมให้ผู้ร้อง โจทก์ จำเลยมาศาลก็เพื่อทำการพิจารณาสั่งคำร้องของผู้ร้อง และในวันนัดพร้อม หากศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่าคำร้องของผู้ร้องไม่สมควรอนุญาตตามคำร้องก็อาจยกคำร้องเสียได้ ซึ่งศาลชั้นต้นได้พิเคราะห์แล้วว่าคำร้องของผู้ร้องไม่มีเหตุที่จะอนุญาตตามคำร้อง จึงยกคำร้อง มิได้สั่งยกคำร้องเพราะเหตุผู้ร้องไม่มาศาล.
of 30