คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ล่าช้า

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 95 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1081/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเวนคืนที่ดินล่าช้า เจ้าของมีสิทธิขอที่ดินคืนได้
เมื่อได้มี พระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อขยายเขตท่าเรือกรุงเทพฯ 2486 เวนคืนที่ดินของราษฎรไปเป็นเวลาเกิน 5 ปีแล้ว โดยกระทรวงเจ้าหน้าที่ผู้รักษาการตาม พระราชบัญญัติมิได้จัดการใช้ที่ดินนั้นเลยหรือมิได้จัดการใช้ตามวัตถุประสงค์ของการเวนคืนนั้นเจ้าของที่ดินที่ถูกเวนคืนนั้นมีอำนาจขอที่ดินที่ถูกเวนคืนได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 891/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พินัยกรรมด้วยวาจาต้องแจ้งโดยเร็ว พยานแจ้งล่าช้าเกิน 8 วัน ไม่ถือเป็นพินัยกรรมโดยชอบ
เจ้ามรดกเจ็บครรภ์จะคลอดบุตร นั่งรถ 3 ล้อไปโรงพยาบาล ในระหว่างทางเจ้ามรดกสั่งพยานที่ไปส่งด้วยว่า ถ้าเป็นอะไรให้ยกทรัพย์ให้จำเลย แล้วต่อมาเจ้ามรดกก็ตายที่โรงพยาบาล พยานเพิ่งนำความไปแจ้งแก่กรมการอำเภอภายหลังที่สั่งไว้ถึง 8 วัน ทั้งที่บ้านพยานก็อยู่ใกล้อำเภอเช่นนี้ จะปรับเข้าตามมาตรา 1663 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ไม่ได้เพราะไม่มีเหตุพอที่จะถือว่ามีพฤติการณ์พิเศษซึ่งเจ้ามรดกไม่สามารถทำพินัยกรรมได้ประการหนึ่ง และเป็นการขัดกับความในวรรคสาม แห่งมาตรา 1663 ที่บัญญัติว่า ให้ไปแจ้งโดยมิชักช้า จึงจะถือว่าเป็นพินัยกรรมโดยชอบไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 806/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอนุญาตให้จำเลยเบิกความอธิบายเอกสารที่ยื่นต่อศาลเพื่อหักล้างพยานโจทก์ แม้ยื่นระบุพยานล่าช้า
ในคดีแพ่ง จำเลยเพิ่งยื่นระบุพยานจำเลยเมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จแล้วเพราะความพลั้งเผลอเข้าใจผิด แต่ปรากฏว่าจำเลยได้ยื่นเอกสารเพื่ออ้างเป็นพยานต่อศาลไว้ 13 ฉบับ ศาลได้เรียกค่าอ้างจากจำเลยไว้แล้วทั้งจำเลยก็ได้ส่งสำเนาให้แก่โจทก์ไว้ด้วยแล้ว เช่นนี้เพื่อความยุติธรรมควรอนุญาตให้จำเลยอ้างตนเองเบิกความอธิบายเอกสารที่อ้างนี้และเบิกความแก้หรือหักล้างพยานหลักฐานฝ่ายโจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 144/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอเรียกคู่ความแทนจำเลยที่เสียชีวิตและการไม่ถือว่าทอดทิ้งคดีแม้จะล่าช้า
จำเลยตายก่อนฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ โจทก์ได้ยื่นคำร้องขอเรียกภรรยาจำเลยเข้ามาเป็นคู่ความแทนภายในกำหนด 1 ปี แต่ปรากฏว่าภรรยาจำเลยไม่ได้รับมรดก เนื่องจากจำเลยทำพินัยกรรมยกทรัพย์ให้แก่บุตรทั้งสิ้น โจทก์จึงยื่นคำร้องขอให้ศาลหมายเรียกบุตรจำเลยเข้ามาเป็นคู่ความแทนจำเลย แม้จะยื่นคำร้องตอนหลังนี้เกินกำหนด 1 ปีแล้วนับแต่จำเลยตายก็ถือได้ว่าโจทก์มิได้ทอดทิ้งคดีของตนเสียและจะถือว่าโจทก์ไม่มีคำขอภายใน 1 ปี ตามมาตรา 42 ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 971/2479

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจทนายในการฎีกา และผลของการสัตยาบันที่ล่าช้า
ฎีกาโจทก์ซึ่งทนายลงนามแทนนั้นใช้ไม่ได้ และถึงแม้โจทก์จะให้สัตยาบันในภายหลังก็ตาม ถ้าให้ภายหลังเมื่อสิ้นกำหนดอายุความฎีกาแล้วก็ไม่เป็นผล

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1001/2472

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยื่นคำให้การล่าช้าและอำนาจศาลในการสืบพยานเพิ่มเติม
จำเลยยื่นคำให้การภายหลัง 8 วัน ดุลยพินิจของศาลล่างถ้าไม่เหลือเกินศาลสูงไม่แก้ ลักษณพะยาน วิจักขณะพะยานให้การไม่ชัด ศาลมีอำนาจอนุญาตพะยานอื่นสืบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 15114/2558

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสิ้นสุดความเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 39 และการชำระเงินสมทบที่ล่าช้า ศาลฎีกาตัดสินว่าการชำระเงินสมทบก่อนหนังสือแจ้งสิ้นสุดความเป็นผู้ประกันตน ยังคงสิทธิความเป็นผู้ประกันตน
พ.ร.บ.ประกันสังคม พ.ศ.2533 มีเจตนารมณ์เพื่อให้การสงเคราะห์แก่ลูกจ้างผู้ประกันตนและบุคคลอื่น บทบัญญัติมาตราใดที่กำหนดเงื่อนไขให้ผู้ประกันตนหรือบุคคลอื่นจะต้องสิ้นสิทธิจึงต้องตีความอย่างเคร่งครัด ตามมาตรา 41 (5) บัญญัติให้ความเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 39 สิ้นสุดลงเมื่อภายในระยะเวลา 12 เดือนส่งเงินสมทบมาแล้วไม่ครบ 9 เดือนนั้น หมายถึงกรณีที่ผู้ประกันตนนำส่งเงินสมทบไม่ครบระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้อย่างแท้จริง
ในกรณีที่ผู้ประกันตนไม่ส่งเงินสมทบหรือส่งไม่ครบจำนวนภายในเวลาที่กำหนดตามมาตรา 39 วรรคสี่ ให้สิทธิผู้ประกันตนนำส่งเงินสมทบได้โดยต้องจ่ายเงินเพิ่มในอัตราร้อยละ 2 ต่อเดือนของจำนวนเงินสมทบที่ยังมิได้นำส่งหรือของจำนวนเงินสมทบที่ยังขาดอยู่นับแต่วันถัดจากวันที่ต้องนำส่งเงินสมทบ เมื่อโจทก์นำเงินสมทบและเงินเพิ่มของเดือนมีนาคมและเดือนเมษายน 2550 ไปชำระแก่จำเลยในวันที่ 8 มิถุนายน 2550 ซึ่งจำเลยได้รับไว้ก่อนที่จำเลยมีหนังสือแจ้งการสิ้นสุดการเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 39 ของโจทก์จึงเป็นกรณีที่จำเลยผ่อนผันให้โจทก์นำส่งเงินสมทบของเดือนดังกล่าวล่าช้าโดยไม่ตัดสิทธิความเป็นผู้ประกันตนของโจทก์ ถือได้ว่าโจทก์นำส่งเงินสมทบภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดแล้ว
ภายในระยะเวลา 12 เดือนนับแต่เดือนพฤษภาคม 2549 ถึงเดือนเมษายน 2550 โจทก์เพียงแต่ขาดส่งเงินสมทบของเดือนมิถุนายนและเดือนธันวาคม 2549 โจทก์จึงส่งเงินสมทบมาแล้วเป็นเวลา 10 เดือน เกินกว่า 9 เดือน ตามที่มาตรา 41 (5) กำหนดไว้แล้ว โจทก์ยังไม่สิ้นสุดความเป็นผู้ประกันตนและยังคงเป็นผู้ประกันตนตลอดมา ที่ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้โจทก์มีสิทธิตาม พ.ร.บ.ประกันสังคม พ.ศ.2533 นับแต่วันที่ 30 เมษายน 2550 เป็นต้นไป จึงไม่ถูกต้องและเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ ศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยเองได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10808/2558

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับพิจารณาเนื่องจากจำเลยดำเนินกระบวนการชำระค่าธรรมเนียมศาลล่าช้าเกินสมควร และไม่ชอบด้วยกฎหมาย
การที่จำเลยยื่นคำร้องลงวันที่ 22 เมษายน 2556 ขอขยายระยะเวลานำเงินค่าธรรมเนียมศาลชั้นฎีกาตามคำสั่งศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ 28 มกราคม 2552 ที่ให้จำเลยนำเงินค่าธรรมเนียมดังกล่าวมาชำระต่อศาลชั้นต้นภายใน 30 วัน โดยอ้างว่าจำเลยไม่สามารถหาเงินได้ทัน และผู้มีชื่อนัดช่วยเหลือจำเลย
ทั้ง ๆ ที่กำหนดเวลาให้จำเลยชำระเงินค่าธรรมเนียมศาลชั้นฎีกาตามคำสั่งศาลชั้นต้นได้ล่วงพ้นไปแล้วประมาณ 4 ปีเศษ อันเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบ และเกิดขึ้นจากความผิดพลาดของจำเลยเองมิใช่พฤติการณ์พิเศษหรือเหตุสุดวิสัยที่ศาลจะสั่งขยายระยะเวลาได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 23 แม้ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งอนุญาตขยายเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมศาลชั้นฎีกาตามคำขอของจำเลย และจำเลยได้นำเงินค่าธรรมเนียมดังกล่าวมาชำระภายในกำหนดเวลาที่ศาลชั้นต้นขยายก็ตาม ก็ถือไม่ได้ว่าฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาที่ชอบด้วยกฎหมายอันจะรับไว้พิจารณาได้ ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นอ้าง ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 142 (5) ประกอบมาตรา 246 และ 247

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4039/2557

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจ้างซ่อมรถยนต์ล่าช้า จำเลยผิดสัญญา ชดใช้ค่าเสียหาย
แม้สัญญาจ้างซ่อมรถยนต์ระหว่างโจทก์กับจำเลยไม่ได้กำหนดระยะเวลาว่าจะต้องซ่อมเสร็จเมื่อใด แต่จำเลยก็มีหน้าที่ต้องซ่อมรถยนต์ดังกล่าวให้แล้วเสร็จตามสัญญา จำเลยได้รับรถยนต์คันพิพาทไว้ตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคม 2549 ต่อมาวันที่ 25 พฤษภาคม 2550 โจทก์ได้นำรถยนต์ดังกล่าวไปให้อู่ น. ซ่อมต่อ รวมเวลาที่รถยนต์คันพิพาทอยู่ที่อู่ซ่อมรถของจำเลยเป็นเวลา 7 เดือนเศษ ซึ่งน่าจะเพียงพอแก่การซ่อมรถยนต์ดังกล่าวให้แล้วเสร็จ โดยเทียบเคียงกับที่หลังจากนำรถยนต์คันพิพาทไปซ่อมที่อู่แห่งใหม่ ใช้เวลาประมาณ 3 เดือนก็ซ่อมเสร็จ นอกจากนี้จำเลยซ่อมรถยนต์ได้เพียงประมาณร้อยละ 30 โจทก์มีหนังสือแจ้งจำเลยระบุให้เวลาจำเลยซ่อมรถยนต์คันพิพาทให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 30 พฤษภาคม 2550 และเมื่อโจทก์ไปขอรับรถในวันที่ 25 พฤษภาคม 2550 ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ถึงเวลาตามที่กำหนด จำเลยก็ยอมให้รับรถไปโดยมิได้โต้แย้งแต่อย่างใด ถือได้ว่าจำเลยสละประโยชน์แห่งเงื่อนเวลาที่โจทก์ให้แก่จำเลย พฤติการณ์แสดงให้เห็นได้ว่า จำเลยไม่สามารถซ่อมรถยนต์คันพิพาทให้แล้วเสร็จตามสัญญาและไม่ประสงค์จะปฏิบัติตามสัญญาแล้ว ทั้งถือได้ว่าจำเลยผิดสัญญาต่อโจทก์ โจทก์จึงชอบที่จะเลิกสัญญาโดยไม่จำต้องบอกกล่าวกำหนดระยะเวลาพอสมควรให้จำเลยซ่อมรถยนต์คันพิพาทให้แล้วเสร็จก่อน การบอกเลิกสัญญาของโจทก์ชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 16121/2556

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้ตามคำพิพากษาและการบังคับคดี: โจทก์ชำระหนี้ล่าช้าแต่ยังชอบที่จะชำระได้ และจำเลยไม่อาจห้ามโจทก์รับโอนที่ดิน
คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาถึงที่สุดโดยให้โจทก์จำเลยมีหน้าที่ต้องปฏิบัติการชำระหนี้ต่างตอบแทนกัน โจทก์จำเลยต่างฝ่ายต่างจึงต้องบังคับให้เป็นไปตามคำพิพากษา หาใช่บังคับให้เป็นไปตามสัญญาจะซื้อจะขายอีกต่อไปไม่ การบังคับคดีตามคำพิพากษาที่ถึงที่สุดดังกล่าวนั้น เมื่อโจทก์จะรับโอนที่ดินพิพาทโดยถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย โจทก์มีหน้าที่ต้องนำเงินค่าที่ดินมาวางศาลภายในกำหนดเพื่อชำระให้แก่จำเลยเสียก่อน ส่วนคำบังคับที่ให้โจทก์ชำระค่าที่ดินให้จำเลยภายใน 30 วันนั้น เป็นเพียงกำหนดเวลาที่ให้โจทก์เป็นผู้ชำระหนี้เองเท่านั้น ซึ่งหากโจทก์ไม่ชำระหนี้ภายในกำหนดตามคำบังคับ จำเลยย่อมร้องขอให้ใช้วิธีการบังคับคดียึดทรัพย์ของโจทก์ได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 275 การที่โจทก์ยังไม่ชำระหนี้จนพ้นกำหนดเวลาตามคำบังคับ จึงหาตัดสิทธิโจทก์ที่จะยอมชำระหนี้ด้วยความสมัครใจในระหว่างถูกบังคับคดีไม่ โจทก์จึงชอบที่จะวางเงินค่าที่ดินชำระหนี้แก่จำเลยแม้จะเกินกำหนดระยะเวลาตามคำบังคับได้ ซึ่งเป็นประโยชน์แก่จำเลยที่ทำให้จำเลยไม่จำต้องบังคับคดีแก่โจทก์ต่อไปเท่านั้น และหาเป็นการตัดสิทธิโจทก์ที่จะร้องขอให้บังคับจำเลยโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทตามคำพิพากษาให้แก่โจทก์เป็นการตอบแทนด้วยไม่ จำเลยจึงไม่อาจร้องขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีห้ามโจทก์ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยในการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินตามคำร้อง
of 10