คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เหตุสมควร

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 241 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2685/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดพิจารณาคดีแรงงานและการอนุญาตให้ยื่นคำให้การ ศาลต้องไต่สวนเหตุสมควร
ในวันนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์มาศาลตามเวลานัด ฝ่ายจำเลยทั้งสองไม่มาศาลตามเวลาที่กำหนด แต่ทนายของจำเลยทั้งสองมาศาลหลังจากที่ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งว่า จำเลยทั้งสองขาดนัดพิจารณา ให้พิจารณาคดีโจทก์ไปฝ่ายเดียว และโจทก์นำพยานเข้าสืบ 1 ปาก แล้วแถลงหมดพยานโจทก์ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งว่า คดีเสร็จการพิจารณา ให้รอฟังคำพิพากษา จำเลยที่ 1 ได้ยื่นคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การโดยอ้างว่าไม่ได้มีเจตนาขาดนัดยื่นคำให้การ พร้อมกับยื่นคำให้การของจำเลยที่ 1 ดังนี้ แม้ทนายของจำเลยทั้งสองมาศาลล่าช้ากว่าเวลานัดไปบ้าง แต่ศาลแรงงานกลางก็ยังไม่มีคำพิพากษา ถือได้ว่าทนายของจำเลยทั้งสองมาศาลขณะที่คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาฝ่ายเดียว ศาลแรงงานกลางจึงชอบที่จะต้องพิจารณาหรือไต่สวนให้ได้ความว่า มีเหตุสมควรที่จะอนุญาตให้จำเลยที่ 1 ยื่นคำให้การหรือไม่แล้วจึงมีคำสั่งให้รับหรือไม่รับคำให้การของจำเลยที่ 1 ให้พิจารณาคดีใหม่หรือดำเนินคดีของโจทก์แต่ฝ่ายเดียวต่อไปโดยอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้จำเลยทั้งสองนำพยานเข้าสืบ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 199, 205 ประกอบด้วย พ.ร.บ. จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 31 การที่ศาล-แรงงานกลางมีคำสั่งว่า คดีเสร็จการพิจารณาแล้ว ไม่อนุญาตให้จำเลยที่ 1 ยื่นคำให้การ และพิจารณาคดีของโจทก์มาแต่ฝ่ายเดียว จึงไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4615/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของทนายเมื่อเสมียนทนายจดวันนัดผิดพลาด ไม่เป็นเหตุสมควรให้ศาลยกคดีขึ้นไต่สวนใหม่
โจทก์ทราบวันนัดไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เมื่อถึงกำหนดวันและเวลานัดโจทก์ไม่มาศาลโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้อง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกฟ้องแม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ว่า การที่โจทก์ไม่มาศาลตามกำหนดนัดเป็นเพราะความบกพร่องหรือประมาทเลินเล่อของเสมียนทนายโจทก์ที่จดวันนัดให้ทนายโจทก์ผิดก็ตามก็ไม่ใช่เหตุสมควรที่โจทก์มาศาลไม่ได้ตามบทบัญญัติของมาตรา 166 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 39/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเลิกจ้าง นายจ้างต้องใช้ดุลพินิจ เหตุผลต้องสมเหตุสมผล แม้ข้อกล่าวหาไม่เป็นจริง
จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยกล่าวอ้างว่า โจทก์ทุจริตต่อหน้าที่นำใบเสร็จไปเรียกเก็บเงินแล้วเบียดบังเอาเงินนั้นเป็นประโยชน์ส่วนตัว มิได้อ้างเหตุความไม่ไว้วางใจเป็นเหตุเลิกจ้าง แม้ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าโจทก์กระทำผิดตามที่จำเลยกล่าวอ้าง แต่สิทธิเลิกจ้างโดยทั่วไปย่อมเป็นสิทธิของนายจ้างหรือสิทธิในทางจัดการ โดยต้องเป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรมและมีเหตุสมควรที่จะเลิกจ้างได้ เมื่อข้อเท็จจริงปรากฎว่าโจทก์ทำตัวไม่น่าไว้วางใจ การที่ศาล-แรงงานกลางอ้างเหตุดังกล่าวมาวินิจฉัยว่าโจทก์กระทำตัวไม่น่าไว้วางใจ และมีเหตุสมควรที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์ได้ เป็นการวินิจฉัยเพื่อความเป็นธรรมแก่ทั้งสองฝ่าย ไม่เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 39/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเลิกจ้างนายจ้าง ต้องเป็นธรรมหรือมีเหตุสมควร ศาลวินิจฉัยได้หากพิจารณาจากพฤติการณ์เพื่อความเป็นธรรม
สิทธิเลิกจ้างโดยทั่วไปย่อมเป็นสิทธิของนายจ้างและอยู่ในบังคับของมาตรา 49 แห่ง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานฯ คือต้องเป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรมหรือมีเหตุสมควรที่จะเลิกจ้างได้ จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยอ้างเหตุว่าโจทก์ทุจริตต่อหน้าที่อันเป็นความผิดร้ายแรงตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ 47หากโจทก์กระทำผิดดังกล่าวจริง จำเลยย่อมเลิกจ้างโจทก์โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยได้ เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่า โจทก์ทุจริตต่อหน้าทีจึงต้องพิจารณาต่อไปว่า มีเหตุสมควรที่จะเลิกจ้างโจทก์อันเป็นการเลิกจ้างที่เป็นธรรมหรือไม่ ที่ศาลแรงงานพิพากษาให้เลิกจ้างโจทก์ เพราะการปฏิบัติหน้าที่ของโจทก์มีพฤติการณ์ที่ทำให้จำเลยไม่ไว้วางใจ จึงเป็นการวินิจฉัยคดีโดยคำนึงถึงข้อเท็จจริงต่าง ๆ เพื่อความเป็นธรรมแก่ฝ่ายนายจ้างและลูกจ้างตามมาตรา 48 ซึ่งมีอำนาจวินิจฉัยได้ ไม่เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นแห่งคดี.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1428/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดพิจารณาคดีอาญา: เหตุสมควร และความรับผิดชอบของโจทก์
บทบัญญัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 166 และ 181 ได้กำหนดหน้าที่ของโจทก์ว่า ในวันนัดไต่สวนมูลฟ้องหรือพิจารณาคดี โจทก์จะต้องมาศาลตามนัดมิฉะนั้นก็ให้ศาลยกฟ้องเสีย เว้นแต่จะมีเหตุสมควรศาลจึงจะให้เลื่อนคดีไป บทบัญญัติดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงเจตนารมณ์ของกฎหมายที่จะเร่งรัดการดำเนินกระบวนพิจารณาให้เป็นไปโดยสะดวกและรวดเร็วมิให้มีการประวิงคดี จึงกำหนดมาตรการดังกล่าวเพื่อให้โจทก์ปฏิบัติตามโดยเคร่งครัด ข้ออ้างของโจทก์ที่ว่า โจทก์ไม่มาศาลเพราะทนายความจำเลยขอเลื่อนคดีไปโดยโจทก์ตกลงยินยอมกับทนายจำเลยไว้และโจทก์เชื่อโดยสุจริตว่าศาลอนุญาตให้เลื่อนคดีได้เป็นการคาดคะเนของโจทก์ ไม่เป็นเหตุที่ศาลจะอนุญาตให้มีการพิจารณาคดีใหม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 166 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 612/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพาอาวุธปืนและยิงปืนในหมู่บ้านโดยไม่มีเหตุสมควร: ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยประเด็นข้อเท็จจริง
ความผิดฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในถนนสาธารณะ ในหมู่บ้านโดยไม่มีเหตุสมควร และฐานยิงปืนโดยใช่เหตุในหมู่บ้าน ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น และให้ลงโทษจำคุกจำเลยแต่ละกระทงไม่เกินห้าปี ห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก จำเลยฎีกาว่า การที่จำเลยพาอาวุธปืนติดตัวไป และยิงปืนในหมู่บ้านมีเหตุสมควรเพื่อป้องกันเหตุร้าย ไม่ต้องห้ามตามกฎหมาย พฤติการณ์ของจำเลยที่ว่ามีเหตุสมควรหรือไม่อย่างไร เป็นปัญหาข้อเท็จจริงจึงต้องห้ามฎีกา ตามบทกฎหมายดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3566/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลื่อนคดีเนื่องจากทนายติดว่าความอื่น ศาลควรพิจารณาเหตุสมควรและประโยชน์แห่งความยุติธรรม
ในวันนัดสืบพยานโจทก์ ทนายโจทก์มอบฉันทะให้เสมียนทนายมายื่นคำร้องขอเลื่อน อ้างว่าป่วย ศาลชั้นต้นอนุญาต ก่อนถึงวันนัดที่เลื่อนไป ทนายโจทก์ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอีก อ้างเหตุว่าในนัดที่แล้วให้เสมียนทนายขอ เลื่อนคดีโดยให้นัดเกิน 1 เดือนวันนัดที่เลื่อนไปมิใช่เป็นวันนัดที่มอบให้เสมียนทนายไว้เพราะทนายโจทก์ติดว่าความที่ศาลแขวงสุพรรณบุรีซึ่งได้นัดไว้ก่อนเป็นคำร้องที่แสดงเหตุจำเป็นอันมิอาจก้าวล่วงได้ และมีข้อความว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ย่อมเป็นที่เข้าใจว่าหากศาลไม่อนุญาตจะทำให้เสียความยุติธรรมเมื่อปรากฏว่าในนัดที่แล้วศาลชั้นต้นเพียงกำชับโจทก์ว่า ให้เตรียมพยานมาให้พร้อมและทนายโจทก์ได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีก่อนวันนัดถึง 10 วันอีกทั้งทนายจำเลยมิได้คัดค้านว่าข้ออ้างของโจทก์ไม่เป็นความจริงแม้ศาลชั้นต้นจะสั่งให้เสมียนทนายไปแจ้งให้ทนายโจทก์นำพยานมาสืบตอนบ่าย ก็ย่อมเห็นได้ว่าทนายโจทก์ไม่อาจมาว่าความในวันนั้นได้ ถือว่ามีเหตุสมควร ชอบที่ศาลชั้นต้นจะอนุญาตให้เลื่อนคดีไป.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3504/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลกระทบของประกาศกระทรวงมหาดไทยต่อคดีแรงงานที่ค้างคา และการจ่ายค่าล่วงเวลาโดยมีเหตุสมควร
ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง กำหนดกิจการที่ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 103 ลงวันที่ 16 มีนาคม 2515 ไม่ใช้บังคับ ได้มีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 20 กันนยายน 2534 ซึ่งข้อ 3 กำหนดให้ข้อพิพาทหรือคดีของโจทก์ซึ่งยังไม่ถึงที่สุดให้บังคับตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 103 ลงวันที่ 16 มีนาคม 2515จนกว่าข้อพิพาทหรือคดีจะถึงที่สุด ดังนั้น เมื่อข้อพิพาทหรือคดีของโจทก์ได้เกิดขึ้นก่อนและยังไม่ถึงที่สุดก่อนใช้ประกาศฉบับดังกล่าวข้างต้น จึงนำพระราชบัญญัติพนักงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ.2534 มาใช้บังคับไม่ได้
จำเลยไม่จ่ายค่าล่วงเวลาให้โจทก์ซึ่งเป็นการกระทำตามระเบียบโดยมีเหตุผลอันสมควร จึงไม่เป็นการกระทำโดยจงใจผิดนัดและไม่มีเหตุสมควร โจทก์ไม่มีสิทธิได้รับเงินเพิ่มตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ 31 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3266/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจจับกุมเจ้าพนักงานป่าไม้: พฤติการณ์หลีกเลี่ยงกฎหมายเป็นเหตุสมควรในการจับกุม
โจทก์ทั้งสองเป็นผู้นำสิ่งประดิษฐ์ที่ทำด้วยไม้สักผ่านด่านตรวจออกไปนอกเขตอุทยานแห่งชาติเป็นประจำแทนทุกวัน โดยนำผ่านด่านเพียงครั้งละ 1 ชิ้น เป็นการหลีกเลี่ยงกฎหมาย เพื่อแสดงให้เห็นว่าไม่ผิดกฎหมาย การที่โจทก์ทั้งสองได้กระทำมาเป็นเวลานานและโดยเฉพาะเดือนสิงหาคม 2530 ได้มีการนำสิ่งประดิษฐ์ทำด้วยไม้สักผ่านด่านเฉพาะโจทก์ที่ 1 จำนวน 25 เที่ยว โจทก์ที่ 6 จำนวน 20 เที่ยว เมื่อนำพฤติการณ์ดังกล่าวมาประกอบกับการกระทำของโจทก์ทั้งสองในวันที่ถูกจับ เป็นเหตุผลให้จำเลยซึ่งเป็นผู้ช่วยป่าไม้จังหวัดผู้มีอำนาจจับกุมปราบปรามผู้กระทำผิดตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ เชื่อว่าโจทก์ทั้งสองน่าจะเป็นผู้ค้าสิ่งประดิษฐ์ที่ทำด้วยไม้หวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต เมื่อจำเลยได้จับกุมโจทก์ทั้งสองในการขับรถผ่านด่าน แม้จะมีสิ่งประดิษฐ์ที่ทำด้วยไม้สักเพียง 1 ชิ้น แต่พฤติการณ์ที่ผ่านมาตลอดระยะเวลาจนถึงวันถูกจับกุม เป็นเหตุผลอันสมควรที่ชี้ให้เห็นว่า โจทก์ทั้งสองน่าจะมีการกระทำอันผิดกฎหมาย การที่จำเลยจับโจทก์ทั้งสองด้วยเหตุผลจากพฤติการณ์ของโจทก์ทั้งสองเอง จึงเป็นการกระทำตามอำนาจหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมาย มิใช่จงใจแกล้งจับโจทก์ทั้งสองหรือประมาทเลินเล่อ จึงมิใช่เป็นการละเมิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3266/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจับกุมผู้ต้องสงสัยค้าไม้หวงห้าม: พฤติการณ์หลีกเลี่ยงกฎหมายเป็นเหตุสมควรในการจับกุม
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานป่าไม้มีอำนาจจับกุมผู้กระทำผิดพระราชบัญญัติป่าไม้ และพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พฤติการณ์แห่งคดีปรากฏว่าโจทก์เป็นผู้นำสิ่งประดิษฐ์ที่ทำด้วยไม้สักผ่านด่านอยู่เป็นประจำแทบทุกวันเป็นเวลานาน โดยนำผ่านด่านเพียงครั้ง 1 ชิ้น กรณีเช่นนี้ย่อมเห็นเจตนาของโจทก์โดยชัดแจ้งว่าเป็นการหลีกเลี่ยง กฎหมาย การกระทำของโจทก์เป็นเหตุผลให้จำเลยเชื่อว่าโจทก์น่าจะ เป็นผู้ค้าสิ่งประดิษฐ์ที่ทำด้วยไม้หวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต การที่จำเลยจับโจทก์ด้วยเหตุผลจากพฤติการณ์ของโจทก์เองจึงเป็น การกระทำตามอำนาจหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมาย มิใช่จงใจแกล้งจับโจทก์ หรือประมาทเลินเล่อแต่อย่างใด จึงมิใช่เป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์
of 25