พบผลลัพธ์ทั้งหมด 6 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4394/2549
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งศาลล้มละลายที่ยกคำร้องคัดค้านการขายทอดตลาด ไม่อยู่ในข้อยกเว้นที่ให้อุทธรณ์ได้
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ร้องคัดค้านการขายทอดตลาดของผู้คัดค้าน ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งยกคำร้อง คำสั่งดังกล่าวไม่ต้องด้วยข้อยกเว้นตามมาตรา 24 จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 จึงไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5992/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ในเงินวางประมูล: โอนเมื่อวางเงิน, ไม่กลับคืนแม้เพิกถอนการขายทอดตลาด
เงินที่ผู้ซื้อทรัพย์วางต่อศาลชั้นต้นในวันประมูลซื้อทรัพย์ได้นั้นเป็นเงินที่ผู้ซื้อทรัพย์ใช้ราคาทรัพย์ที่ประมูลได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 515 เงินจำเนวนดังกล่าวจึงไม่เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ซื้อทรัพย์แล้ว นับแต่วันที่ผู้ซื้อทรัพย์วางต่อศาล แม้จำเลยจะยื่นคำร้องว่าการขายทอดตลาดดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมายก็ตาม แต่ผลที่สุดศาลอุทธรณ์ก็พิพากษาว่า การขายทอดตลาดชอบด้วยกฎหมายเมื่อได้มีการโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ที่ขายทอดตลาดให้ผู้ซื้อทรัพย์แล้ว เงินจำนวนดังกล่าวจึงเป็นเงินที่ใช้ราคาทรัพย์ในวันที่วางเงินต่อศาลชั้นต้น การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เพิกถอนการขายทอดตลาด เมื่อคดีไม่ถึงที่สุดเงินจำนวนดังกล่าวก็ไม่กลับมาตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ซื้อทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3355/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อที่ดินจากการบังคับคดี: กรรมสิทธิ์ของผู้ซื้อเมื่อศาลยกเลิกการขายทอดตลาด
จำเลยไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์ได้นำ เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินของ ส. ซึ่งได้นำมาประกันหนี้ของจำเลยต่อศาลตามที่ได้อนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ และ ได้นำออกขายทอดตลาด ผู้ร้องที่ 1 เป็นผู้ซื้อที่ดินได้ต่อมา ส. ยื่นคำร้องว่าการขายทอดตลาดของ เจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ชอบด้วยกฎหมายขอให้ศาลมีคำสั่ง ยกเลิกการขายทอดตลาดนั้น ศาลชั้นต้นนัดไต่สวนคำร้องพร้อมส่ง สำเนาคำร้องกับแจ้งวันนัดให้ผู้เกี่ยวข้องรวมทั้งผู้ร้องที่ 1 ทราบ ผู้ร้องที่ 1 ยื่นคำแถลงว่า ผู้ร้อง ที่ 1 เป็นผู้ซื้อที่ดินพิพาทโดยชอบ ขอให้ยกคำร้อง ของ ส. และผู้ร้องที่ 1 จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ ที่ดินพิพาทให้ผู้ร้องที่ 2 แล้วผู้ร้องที่ 2 โอนให้ผู้ร้องที่ 3ต่อมาศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกเลิก การขายทอดตลาดที่ดินพิพาทมีการอุทธรณ์ฎีกาต่อมา โดยผู้ร้องทั้งสามมิได้อุทธรณ์ฎีการะหว่างพิจารณาของศาลฎีกา ผู้ร้องทั้งสามยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่ง เพิกถอนคำสั่งที่ให้ยกเลิกการขายทอดตลาดนั้นเสีย เช่นนี้เห็นได้ว่า ผู้ร้องที่ 1 เป็นผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดี หากเสียหายอย่างไรก็ชอบที่จะยื่นคำร้องและ ขอสืบพยานเสียแต่ในชั้นไต่สวนคำร้อง ขอให้ยกเลิกการขายทอดตลาดของ ส.หรืออุทธรณ์ฎีกาคำสั่ง ของศาลชั้นต้นที่ให้ยกเลิกการขายทอดตลาดนั้นได้ แต่ ผู้ร้องที่ 1 ก็มิได้กระทำ ผู้ร้องที่ 1 จึงต้องผูกพันในผลแห่งคำสั่งศาลที่ว่าการขายทอดตลาดที่ดิน พิพาทไม่ชอบตามคำสั่งศาลที่ถึงที่สุด เมื่อการขายทอดตลาดที่ดินพิพาทไม่ชอบผู้ร้องที่ 1 ย่อมไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินนั้น ผู้ร้องที่ 2 ที่ 3เป็นผู้รับซื้อที่ดินพิพาทมาจากผู้ร้องที่ 1 ย่อมไม่ มีสิทธิดีกว่าผู้ร้องที่ 1 ผู้โอน จึงไม่ได้กรรมสิทธิด้วยเช่นกัน ศาลชอบที่จะสั่งยกคำร้องของผู้ร้องทั้ง สาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 694/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีและการชำระหนี้จากทรัพย์สินจำนอง เจ้าหนี้มีสิทธิได้รับเงินจากการขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้
เดิมโจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระหนี้เงินกู้ แล้วตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความผ่อนชำระหนี้เป็นงวด ๆ ภายใน 12 ปีโดยจำเลยจำนองที่ดินและสิ่งปลูกสร้างไว้เป็นประกันการชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ดังนั้นเมื่อจำเลยผิดนัดไม่ชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงขายทอดตลาดทรัพย์สินที่จำเลยจำนองนั้นโดยติดจำนอง เงินที่ได้มาเมื่อหักค่าฤชาธรรมเนียมในการบังคับคดีแล้วจึงต้องนำมาจ่ายให้แก่โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาก่อนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 318
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1396/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง แม้ถูกยึดในคดีอื่น ย่อมทำได้หากผู้ซื้อต้องรื้อถอนอยู่ดี
กรณีที่ศาลพิพากษาและบังคับจำเลยให้รื้อถอนบ้านเรือนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินของโจทก์นั้น แม้บ้านเรือนสิ่งปลูกสร้างของจำเลยจะถูกยึดไว้ในคดีอื่นเพื่อขายทอดตลาดเอาเงินใช้หนี้แก่เจ้าหนี้ ก็ยังถือไม่ได้ว่าสภาพแห่งการบังคับคดีไม่เปิดช่องให้กระทำได้ เพราะหากจะมีการขายทอดตลาดบ้านเรือนสิ่งปลูกสร้าง ผู้ซื้อได้ก็จะต้องรื้อถอนออกไปเช่นเดียวกัน ดังนั้น โจทก์จะเข้ารื้อถอนบ้านเรือนของจำเลยตามคำสั่งศาล(โดยเรียกค่าใช้จ่ายเอาจากจำเลย) แล้วเอาทรัพย์สิ่งของที่รื้อถอนมอบให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้ต่อไปก็ย่อมทำได้โดยชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3892/2559
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อห้องชุดจากการขายทอดตลาด การออกหนังสือรับรองการปลอดหนี้ และการครอบครองปรปักษ์ จำเลยมีหน้าที่ออกหนังสือรับรอง
โจทก์บรรยายข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาของฟ้องว่า โจทก์ซื้อห้องชุดพิพาทเลขที่ 30/540 จากการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีตามคำสั่งศาล และเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ทำหนังสือแจ้งเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดนนทบุรี ขอให้จดทะเบียนระงับการจำนองแล้วโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดดังกล่าวให้โจทก์ โดยบรรยายสภาพแห่งข้อหาว่า โจทก์มีหนังสือถึงจำเลยขอให้ออกหนังสือรับรองการปลอดหนี้เพื่อให้เจ้าพนักงานที่ดินจดทะเบียนระงับการจำนองและโอนกรรมสิทธิ์ให้โจทก์แล้ว แต่จำเลยเพิกเฉย จำเลยให้การว่า กรณีห้องชุดเลขที่ 30/540 นั้น จำเลยตรวจสอบพบว่าตั้งแต่เดือนมกราคม 2538 ส. พนักงานของจำเลยเข้าครอบครองโดยสงบ เปิดเผย เจตนาเป็นเจ้าของจนถึงปัจจุบัน กรรมสิทธิ์จึงตกเป็นของ ส. แล้ว จึงเป็นเหตุให้จำเลยไม่สามารถออกหนังสือรับรองการปลอดหนี้ให้โจทก์ ประเด็นตามคำฟ้องและคำให้การจึงมีว่าห้องชุดเลขที่ดังกล่าวเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ที่จำเลยจะต้องออกหนังสือรับรองการปลอดหนี้ให้หรือไม่เท่านั้น ไม่มีปัญหาว่าจำเลยค้างชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลางต่อจำเลยหรือไม่ การที่จำเลยนำสืบว่าโจทก์ค้างชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลางเป็นเหตุให้จำเลยไม่ยอมออกหนังสือรับรองการปลอดหนี้ให้โจทก์ เป็นการนำสืบนอกประเด็นคำให้การ ที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์เพราะเหตุโจทก์ไม่มีหลักฐานแสดงว่าโจทก์ได้ชำระค่าใช้จ่ายส่วนกลางพร้อมเบี้ยปรับห้องชุดดังกล่าวแก่จำเลย และศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นในประเด็นดังกล่าว จึงเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น ไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 142
ส่วนคำให้การที่ต่อสู้เรื่องการครอบครองปรปักษ์นั้น จำเลยไม่ได้กล่าวอ้างว่าจำเลยครอบครองปรปักษ์ห้องพิพาทจนได้กรรมสิทธิ์ แต่กลับอ้างว่ามีบุคคลภายนอกครอบครองจนได้กรรมสิทธิ์โดยไม่มีหลักฐานคำพิพากษาของศาลแสดงกรรมสิทธิ์ของบุคคลดังกล่าวหรือมีการจดทะเบียนกรรมสิทธิ์เป็นของบุคคลอื่นแล้ว จึงเป็นคำให้การที่ไม่อาจทำให้ศาลวินิจฉัยให้จำเลยชนะคดีในประเด็นนี้ได้
ส่วนคำให้การที่ต่อสู้เรื่องการครอบครองปรปักษ์นั้น จำเลยไม่ได้กล่าวอ้างว่าจำเลยครอบครองปรปักษ์ห้องพิพาทจนได้กรรมสิทธิ์ แต่กลับอ้างว่ามีบุคคลภายนอกครอบครองจนได้กรรมสิทธิ์โดยไม่มีหลักฐานคำพิพากษาของศาลแสดงกรรมสิทธิ์ของบุคคลดังกล่าวหรือมีการจดทะเบียนกรรมสิทธิ์เป็นของบุคคลอื่นแล้ว จึงเป็นคำให้การที่ไม่อาจทำให้ศาลวินิจฉัยให้จำเลยชนะคดีในประเด็นนี้ได้