คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
จำเลยฎีกา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 5 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 229/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดการฎีกา: จำเลยฎีกาประเด็นนอกเหนือคำให้การ และข้อเท็จจริงเกินทุนทรัพย์ที่พิพาท
ที่จำเลยฎีกาเป็นข้อกฎหมายว่า โจทก์ยังมิได้บอกเลิกสัญญาเช่าซื้อ จึงไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายเป็นค่าขาดประโยชน์และค่าติดตามรถยนต์คันที่เช่าซื้อนั้น จำเลยให้การแต่เพียงว่า รถยนต์มีสภาพเก่า และโจทก์มิได้ประสงค์จะให้ผู้ใดเช่า จึงไม่มีสิทธิเรียกค่าขาดประโยชน์ ส่วนค่าติดตามรถยนต์จำเลยเป็นผู้แจ้งโจทก์ให้ไปรับรถยนต์เองมิใช่กรณีที่โจทก์ติดตามยึดนั้น จำเลยมิได้ให้การว่าสัญญายังมิได้เลิกกัน โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหาย จำเลยจึงไม่มีสิทธิยกประเด็นดังกล่าวขึ้นฎีกาได้ เพราะเป็นข้อฎีกาที่นอกเหนือจากคำให้การของจำเลย ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ส่วนที่จำเลยฎีกาว่า ค่าขาดประโยชน์ที่ศาลอุทธรณ์กำหนดสูงเกินไปนั้น เมื่อทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกิน 200,000 บาท ฎีกาของจำเลยข้อนี้จึงต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.พ. มาตรา 248 วรรคหนึ่งศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้เช่นกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 54/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยฎีกาเฉพาะข้อหาปลอมเอกสาร ทำให้ข้อหาอื่นสิ้นสุดตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิ ใช้เอกสารสิทธิปลอมเบิกความเท็จ และนำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยผิดฐานปลอมเอกสารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265 จำเลยฝ่ายเดียวฎีกา ดังนี้ ข้อหาฐานใช้เอกสารสิทธิปลอมเบิกความเท็จและนำสืบแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จ จึงถึงที่สุดตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 501/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขโทษจากลักทรัพย์เป็นทำลายทรัพย์สิน: จำเลยฎีกาไม่ได้ และต้องมีเหตุความจำเป็นหรือยากจน
ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลย 2 เดือนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334 ศาลอุทธรณ์แก้ให้ลงโทษจำคุกจำเลย 6 เดือนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(7) จำเลยฎีกาข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220
การกระทำผิดตามมาตรา 335 จะลงโทษตามมาตรา 334 ได้ มิใช่ทรัพย์มามีราคาเล็กน้อยอย่างเดียว ผู้กระทำต้องกระทำโดยความจำใจหรือความยากจนเหลือทนทานเป็นหลักประกอบด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1165/2482

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้อง: แม้จำเลยฎีกา แต่หากโจทก์ไม่มีสิทธิฟ้อง ศาลฎีกายกฟ้องทั้งหมดได้
คดีแพ่งเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลย 2 คนช่วยกันใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์และแสดงว่าจำเลยไม่มีสิทธิเข้าเกี่ยวข้องกับที่พิพาท แม้จำเลยแต่คนเดียวจะฎีกาก็ดี เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องร้องได้เลยดังนี้ ศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องตลอดไปถึงจำเลยที่มิได้ฎีกาด้วยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1184/2480

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาความผิดฐานชิงทรัพย์และปล้นทรัพย์ จำเลยฎีกาในความผิดฐานชิงทรัพย์
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันให้ลงโทษจำเลย 2 กะทงคือฐานชิงทรัพย์จำคุก 3 ปีกะทงหนึ่งฐานปล้นทรัพย์จำคุก 10 ปี อีกกะทงหนึ่ง ดังนี้จำเลยฎีกาข้อเท็จจริงในฐานชิงทรัพย์ได้ต้องห้ามตามกฎหมายข้างต้น