คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ทอดทิ้ง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 15 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 519/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์และการทอดทิ้งการครอบครองที่ดิน การครอบครองต้องต่อเนื่องและเปิดเผย
จำเลยที่ 2 ออกจากที่ดินพิพาทไปเป็นเวลา 10 ปีเศษ โดยไม่ได้มาใช้สิทธิเหนือที่ดินพิพาทเลย เป็นการทอดทิ้งทรัพย์ที่ครอบครองไปแม้การทอดทิ้งนั้นจะเป็นเพราะถูกบุคคลอื่นหลอกว่าทางราชการต้องการที่ดินคืน ก็หาใช่เป็นเหตุขัดข้องชั่วคราวมาขัดขวางการครอบครองตาม ป.พ.พ. มาตรา 1377 วรรคสองไม่ ที่จำเลยที่ 2เข้ายึดถือครอบครองที่ดินพิพาทครั้งหลังก็ถูกโจทก์โต้แย้งการครอบครองของจำเลยจึงสิ้นสุดลง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 519/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์สิ้นสุดลงหากมีการทอดทิ้งทรัพย์สินเป็นเวลานาน แม้ถูกหลอกลวงก็ไม่ถือเป็นเหตุขัดข้องชั่วคราว
จำเลยที่ 2 อพยพออกจากที่ดินพิพาทไปเป็นเวลา 10 ปีเศษโดยไม่ได้ใช้สิทธิเหนือที่ดินพิพาทเลย เป็นการทอดทิ้งทรัพย์ที่ครอบครองไป แม้จะถูกบุคคลอื่นหลอกลวงว่าทางราชการต้องการที่ดินคืน ก็หาใช่เป็นเหตุขัดข้องชั่วคราวมาขัดขวางการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1377 วรรคสองไม่ ที่จำเลยที่ 2 เข้ายึดถือครอบครองที่ดินพิพาทครั้งหลังก็ถูกโจทก์โต้แย้งการครอบครองของจำเลยที่ 2 จึงสิ้นสุดลง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 519/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์สิ้นสุดลงเมื่อมีการทอดทิ้งที่ดินเป็นเวลานาน แม้ถูกหลอกลวงก็ไม่ถือเป็นเหตุขัดข้องชั่วคราว
จำเลยที่ 2 ออกจากที่ดินพิพาทเป็นเวลา 10 ปีเศษ โดยไม่ได้มาใช้สิทธิเหนือที่ดินพิพาทเลย แม้จะถูกบุคคลอื่นหลอกลวงว่าทางราชการต้องการที่ดินคืนก็เป็นการทอดทิ้งทรัพย์ที่ครอบครองมิใช่เป็นเหตุขัดข้องชั่วคราวมาขัดขวางการครอบครอง การครอบครองของจำเลยที่ 2 จึงสิ้นสุดลง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1418/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชี้ขาดตัดสินนอกประเด็นคดีที่ดิน: ประเด็นเจ้าของที่ดินสำคัญกว่าการทอดทิ้ง
คำให้การของจำเลยต่อสู้เพียงว่า โจทก์ไม่ใช่เจ้าของที่พิพาท คดีจึงมีประเด็นว่าโจทก์เป็นเจ้าของที่พิพาทหรือไม่เท่านั้น จำเลยมิได้ต่อสู้ว่าโจทก์ทอดทิ้งไม่ทำประโยชน์หรือปล่อยให้เป็นที่รกร้างว่างเปล่าจนหมดสิทธิในที่พิพาทและที่พิพาทได้ตกเป็นของแผ่นดินแล้ว ฉะนั้น ปัญหาที่ว่าโจทก์ทอดทิ้งไม่ทำประโยชน์ในที่พิพาทหรือปล่อยให้ที่พิพาทรกร้างว่างเปล่าจนตกเป็นของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายที่ดิน จึงไม่เป็นประเด็นในคดี ศาลชั้นต้นยกประเด็นดังกล่าวขึ้นมาวินิจฉัย จึงเป็นการชี้ขาดตัดสินนอกประเด็น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2457/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ รอการลงโทษจำเลยหญิงทอดทิ้ง มีภาระเลี้ยงดูบุตรจำนวนมาก และเป็นเพียงผู้รับฝากยาเสพติด
จำเลยเป็นหญิงถูกสามีทอดทิ้งเมื่อเกิดเหตุแล้ว มีบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ 8 หรือ 9 คน บุตรคนอื่นๆ ก็อยู่ร่วมบ้านกับจำเลย ซึ่งคงไม่พ้นจากความอุปการะเลี้ยงดูของจำเลย ทั้งจำเลยก็เป็นเพียงผู้รับฝากเฮโรอีนของกลางไว้จากผู้อื่นเท่านั้น พฤติการณ์แห่งคดีดังกล่าวสมควรรอการลงโทษให้แก่จำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 144/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์ที่นา: สิทธิความเป็นเจ้าของหลังไถ่ถอนและทอดทิ้ง
ข้อเท็จจริงได้ความว่า โจทก์กู้เงินจำเลยไป 300 บาทแล้วมอบที่นาพิพาทมือเปล่าให้จำเลยทำกินต่างดอกเบี้ยต่อมาโจทก์ได้นำเงิน 300 บาทไปชำระให้จำเลยเป็นการไถ่ถอนนาคืนมา และจำเลยได้ออกใบรับเงินให้ไว้เป็นหลักฐาน
จากนั้นโจทก์ก็ไปหากินรับจ้างที่ต่างจังหวัด ไม่เคยเข้าไปครอบครองทำนาพิพาทเลย ทั้งมิได้มอบหมายให้ผู้ใดครอบครองแทนโดยจำเลยยังคงครอบครองทำนาพิพาทนั้นตลอดมาดังนี้ การครอบครองของจำเลยในระยะหลังต่อมานั้นหาใช่เป็นการครอบครองทำนาต่างดอกเบี้ยไม่ จึงไม่ใช่เป็นการครอบครองแทนโจทก์แต่เป็นการครอบครองเพื่อตนเอง จึงไม่ต้องมีการบอกกล่าวไปยังโจทก์ว่าไม่เจตนายึดถือนาพิพาทแทนโจทก์ต่อไป ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1381เมื่อจำเลยครอบครองนาพิพาทเพื่อตนเองมาเกิน 1 ปีแล้วจำเลยก็ย่อมได้สิทธิเป็นเจ้าของนาพิพาทโดยทางครอบครอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1253/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ที่ดินศาลเจ้า: การครอบครองปรปักษ์และการสูญเสียกรรมสิทธิ์เมื่อทอดทิ้ง
ที่ศาลเจ้าที่เกิดมีขึ้นตามกฎเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย ลงวันที่15 มี.ค. 2463 ซึ่งออกตามพ.ร.บ.ลักษณะปกครองท้องที่พ.ศ.2457 มาตรา123 นั้นหาได้เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินไม่เพราะตามกฎนี้กำหนดว่าให้ที่ศาลเจ้ามีหนังสือสำคัญหรือโฉนดนั้นก็คือให้ปฏิบัติการอย่างบุคคลธรรมดาไม่มีข้อความพิเศษให้ลบล้างกฎหมายฉะนั้นเมื่อผู้ดูแลปล่อยปละให้บุคคลอื่นเข้าครอบครองที่ศาลเจ้าๆ ก็อาจสูญเสียที่ไปอย่างการสูญเสียที่ของบุคคลธรรมดานั้นเอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 696-698/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ในที่ดินตามตราจอง: การครอบครองทำประโยชน์ต่อเนื่องและผลของการทอดทิ้ง
ที่ดินมีตราจองก่อน พระราชบัญญัติออกโฉนดที่ดิน(ฉบับที่ 6)พ.ศ.2479 นั้นแม้เจ้าพนักงานจะได้ตราไว้ว่า 'ได้ทำประโยชน์แล้ว' หรือตราไว้ว่า'ทำประโยชน์สมควรแก่เนื้อที่' แล้วศาลฎีกาก็เห็นว่า ตราจองชนิดนี้ถ้าผู้ถือตราจองได้ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินตลอดมาโดยมิได้ละทิ้งจนถึงวันประกาศใช้พระราชบัญญัติอกโฉนดที่ดิน (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2479แล้ว มาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวจึงรับรองว่าผู้ถือตราจองมีกรรมสิทธิ์ที่ดินตามตราจองนั้น
ฉะนั้นเมื่อก่อนออก พระราชบัญญัติออกโฉนดที่ดิน (ฉบับที่ 6)พ.ศ.2479เจ้าของที่ดินตามตราจอง แม้ที่ตราไว้ว่า'ได้ทำประโยชน์แล้ว' ก็ตามถ้าได้ทอดทิ้งไม่ทำให้เป็นประโยชน์เกิน 3 ปีแล้วที่ดินนั้นก็กลับเป็นที่ว่างเปล่าตามเดิม และแม้จะโอนให้ใครๆ ต่อไป จะเป็นการโอนทางทะเบียนหรือไม่ก็ดี ผู้รับโอนก็ย่อมไม่ได้สิทธิอะไรในที่ดินนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 789/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เหตุหย่า: สามีทำร้ายร่างกาย-ทอดทิ้งภริยา-มีชู้
เป็นสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย เกิดบุตรหญิงด้วยกันคนหนึ่งยังมีชีวิตอยู่ อยู่มาภริยาสังเกตเห็นว่าสามีรักหญิงอื่น นอกใจภริยาเกิดต่อว่ากันขึ้น สามีด่าว่าภริยา และด่าว่ากันเนืองๆ บางคราวก็ใช้เท้าถีบภริยาใช้พร้าขว้างภริยาไปร้องต่อผู้ใหญ่บ้านแสดงความประสงค์จะไม่เลี้ยงดูภริยา และยังขับไล่ภริยาออกจากบ้าน ภริยาต้องไปอยู่กับยาย,สามียังห้ามไม่ให้ภริยากลับบ้านสำทับว่าถ้าขืนกลับจะทำร้ายเอา,ระหว่างนั้นสามีไม่สนใจต่อภริยาทำเหมือนภริยาเป็นคนอื่น เหล่านี้เป็นเหตุเพียงพอแล้วที่จะให้หย่าได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 411/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำในที่สาธารณะ (ทางหลวง) ไม่ถือเป็นการทอดทิ้งหรือปลูกสร้างสิ่งกีดขวาง
การหว่านกล้าก็ดี ปลูกต้นข้าวก็ดี รุกล้ำเข้าไปในทางหลวงนั้นจะให้ถือว่าเป็นการเอาไปทอดทิ้งยังไม่ได้ จึงไม่เป็นผิดตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 336 ข้อ 1 และจะถือว่าเป็นการปลูกสร้างสิ่งใดๆยังไม่ได้ จึงไม่เป็นผิดตามมาตรา 336 ข้อ 2 ดุจกัน (อ้างฎีกาที่78,79,80/2483 และที่ 148/2483)
of 2