พบผลลัพธ์ทั้งหมด 5 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2103/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อพิพาทเนื้อที่ดินในสัญญาซื้อขาย การตีความสัญญาเป็นสาระสำคัญ มิใช่การปฏิเสธการปฏิบัติตามสัญญา
เดิมโจทก์และจำเลยได้ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินพิพาทซึ่งมีเนื้อที่4 ไร่ 1 งาน 69 ตารางวา ในราคาตารางวาละ 3,100 บาท ต่อมาโจทก์และจำเลยได้ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินดังกล่าวใหม่โดยระบุว่า คู่กรณีทั้งสองฝ่ายตกลงจะซื้อขายกันในราคาตารางวาละ 3,100 บาท เหมือนเดิมตามจำนวนเนื้อที่ที่ระบุในเอกสารของกรมที่ดิน ต่อมาจำเลยจะจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ตามจำนวนเนื้อที่ที่เจ้าพนักงานรังวัดใหม่ คือ 4 ไร่ 2 งาน 42 4/10ตารางวา แต่โจทก์จะยอมรับซื้อและชำระราคาที่ดินเฉพาะจำนวนเนื้อที่ 4 ไร่67 ตารางวา เท่านั้น ดังนั้น เมื่อปรากฏว่าโจทก์และจำเลยเคยตกลงเลื่อนการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินออกไปเพราะเจ้าพนักงานที่ดินยังทำการรังวัดไม่แล้วเสร็จย่อมแสดงให้เห็นว่าคู่กรณีมีเจตนาที่จะซื้อขายที่ดินพิพาทกันตามจำนวนเนื้อที่ที่ระบุในเอกสารของกรมที่ดินในวันที่จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์และชำระราคา กล่าวคือเมื่อเจ้าพนักงานที่ดินรังวัดที่ดินพิพาทได้จำนวนเนื้อที่ที่แน่นอนแล้ว มิใช่ให้คิดตามจำนวนเนื้อที่ที่ระบุไว้ในเอกสารของกรมที่ดินในวันที่ทำหนังสือสัญญาจะซื้อขายดังนั้น การที่จำเลยไม่จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทตามจำนวนเนื้อที่ที่โจทก์ประสงค์ จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการผิดสัญญาจะซื้อขายดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ที่โจทก์จำเลยไปสำนักงานที่ดินเพื่อทำการโอนที่ดินพิพาทตามสัญญาจะซื้อขาย แต่มีปัญหาเกี่ยวกับการตีความในสัญญาซึ่งไม่อาจตกลงกันได้และทั้งสองฝ่ายต้องการให้ศาลเป็นผู้ตัดสิน แสดงว่าโจทก์ปฏิเสธที่จะรับโอนที่ดินเฉพาะส่วนที่โจทก์เข้าใจว่าไม่ถูกต้องตามสัญญาจะซื้อขายเท่านั้น เห็นได้ว่ากรณีเป็นเรื่องที่โต้แย้งกันเกี่ยวกับการตีความในข้อตกลงตามสัญญา ยังถือไม่ได้ว่าโจทก์มีเจตนาไม่ปฏิบัติตามสัญญาจำเลยจะอ้างข้อโต้แย้งดังกล่าวมาบอกเลิกสัญญาและริบเงินมัดจำหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 539/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการปฏิเสธสัญญาเช่าของผู้ให้เช่าเมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขสัญญา, การเป็นบริวารของจำเลย
โจทก์จำเลยทำสัญญาก่อสร้างตึกแถวยกกรรมสิทธิ์ โดยจำเลยเป็นผู้ก่อสร้างตึกแถวในที่ดินของโจทก์ แล้วจัดหาผู้เช่ามาทำสัญญากับโจทก์ แต่จำเลยกลับเข้าอยู่ในตึกแถวเสียเองโจทก์บอกเลิกสัญญาและฟ้อง ศาลฎีกาพิพากษาขับไล่จำเลยและบริวารออกจากตึกแถว อ่านคำพิพากษาเมื่อ วันที่ 15 มีนาคม 2521 ผู้คัดค้านเข้าไปอยู่ในตึกแถวตามสัญญาลงวันที่ 1ธันวาคม 2521 โดยจำเลยสัญญาว่าจะนำผู้คัดค้านไปทำสัญญาเช่ากับโจทก์โดยอาศัยสิทธิตามสัญญาก่อสร้างตึกแถวยกกรรมสิทธิ์เมื่อข้อ 7 ของสัญญามีว่า จำเลยรับรองว่าจะนำตึกแถวที่ก่อสร้างแล้วเสร็จไปเรียกเก็บเงินกินเปล่าให้แล้วเสร็จภายในกำหนดเวลา 1 ปี หากเกินกำหนดนี้แล้ว ต้องเสียค่าเช่าห้องที่ไม่มีคนเช่าอยู่ให้กับโจทก์ ดังนี้ จำเลยต้องนำผู้เช่ามาทำสัญญาเช่ากับโจทก์ภายใน 1 ปี นับแต่ วันก่อสร้างเสร็จ ถ้าเกินกำหนดนี้แล้วโจทก์มีสิทธิปฏิเสธไม่ทำสัญญาเช่ากับผู้เช่าที่จำเลยจัดหามาได้ จำเลยก่อสร้างตึกแถวเสร็จเมื่อ พ.ศ.2501 สัญญาระหว่างจำเลยกับผู้คัดค้านไม่ผูกพันโจทก์ โจทก์มีสิทธิปฏิเสธไม่ทำสัญญาเช่ากับผู้คัดค้านได้ จึงถือได้ว่าผู้คัดค้านเป็นบริวารของจำเลยที่ไม่สามารถแสดงอำนาจพิเศษให้ศาลเห็นได้คำพิพากษาคดีนี้จึงบังคับถึงผู้คัดค้านให้ต้องออกจากตึกแถวด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2097/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าซื้อที่ดินและข้อตกลงการคืนเงินเมื่อราคาขายต่ำกว่าที่ตกลง การปฏิเสธทำสัญญาใหม่ทำให้สิทธิเรียกร้องเงินคืนสิ้นสุด
โจทก์เช่าที่ดินของ น. เพื่อปลูกสร้างอาคารเก็บผลประโยชน์ โดยได้ชำระค่าตอบแทนให้ 180,000 บาท ต่อมาโจทก์และ น. ตกลงกันใหม่ให้ น. ขายที่ดินนั้นได้ โดยมีข้อสัญญาว่า ถ้า น. ขายที่ดินได้ตารางวาละ 5,000 บาท หรือกว่านั้น น. จะคืนเงินให้โจทก์ 150,000 บาท แต่ถ้าขายได้ต่ำกว่าตารางวาละ 5,000 บาท โจทก์กับ น. จะมาตกลงกันใหม่ ปรากฏว่า น. ขายที่ดินได้ต่ำกว่าตารางวาละ 5,000 บาท ครั้นโจทก์ไปพบ น. น. ปฏิเสธที่จะทำความตกลงใหม่กับโจทก์และท้าให้โจทก์ฟ้อง ดังนี้ถือว่า น. ไม่ยอมทำความตกลงกับโจทก์ใหม่และไม่ยอมคืนเงินให้โจทก์แล้ว โจทก์จึงไม่มีสิทธิ์ที่จะเรียกเงินคืน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1302/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความและสิทธิในการกำหนดค่าเช่าใหม่ ผู้เช่ามีสิทธิปฏิเสธสัญญาหากอัตราค่าเช่าไม่สมเหตุสมผล
โจทก์จำเลยทำสัญญายอมความว่า โจทก์ยอมให้จำเลยเช่าห้องพิพาทจนสิ้นเดือนตุลาคมค่าเช่าเดือนละ 100 บาท ครบกำหนดแล้วถ้าโจทก์ยังไม่สร้างอาคารในที่พิพาท ยอมให้จำเลยอยู่ในห้องพิพาทได้ต่อไปโดยโจทก์จำเลยจะได้ทำสัญญากันต่างหาก ถ้าจำเลยไม่ยอมทำให้ถือว่าจำเลยไม่ประสงค์จะอยู่ในที่พิพาทต่อไป ดังนี้ ในการทำสัญญาเช่าใหม่ แม้โจทก์จะเอาค่าเช่าเป็นวันละ 100 บาท ก็เป็นสิทธิของโจทก์ เมื่อจำเลยเห็นว่าแพงไปและไม่ทำสัญญาเช่าก็จะหาว่าโจทก์ขัดขวางมิให้จำเลยเข้าทำสัญญากับโจทก์ไม่ได้
อุทธรณ์ของโจทก์ได้ตั้งประเด็นมาแล้วว่าจำเลยผิดสัญญาแต่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยให้ถ้าศาลฎีกาเห็นเป็นการสมควรจะวินิจฉัยไปเสียทีเดียวโดยไม่ย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยใหม่ก็ได้
อุทธรณ์ของโจทก์ได้ตั้งประเด็นมาแล้วว่าจำเลยผิดสัญญาแต่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยให้ถ้าศาลฎีกาเห็นเป็นการสมควรจะวินิจฉัยไปเสียทีเดียวโดยไม่ย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยใหม่ก็ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 357/2485 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาให้ที่ดินระหว่างสามีภรรยาที่ยังไม่ได้หย่า: สิทธิในการปฏิเสธสัญญา
สามีภรรยาตกลงหย่ากันด้วยปาก แล้วสามีทำสัญญายกที่ดินให้ภรรยา แต่ยังคงเป็นสามีภรรยากันตลอดมา ดังนี้สามีย่อมปฏิเสธสัญญานั้นได้.