พบผลลัพธ์ทั้งหมด 5 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2243/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การระบุวันปฏิเสธการจ่ายเช็คในฟ้องอาญาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ โดย บรรยายฟ้องว่า"...เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2528 เวลากลางวัน ผู้เสียหายซึ่ง เป็นผู้ทรงเช็ค ได้ นำเช็ค ดังกล่าวไปเข้าบัญชีเงินฝากของผู้เสียหายที่ธนาคาร กรุงเทพ จำกัด สาขา 129 ลาดพร้าว เพื่อเรียกเก็บเงินตามเช็ค นั้น แต่ ธนาคารได้ ปฏิเสธการจ่ายเงินโดย แจ้งว่า โปรดติดต่อผู้สั่งจ่าย..." เช่นนี้ ย่อมเป็นที่เข้าใจได้ว่าวันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินเป็นวันเดียวกับวันที่โจทก์นำเช็ค เข้าบัญชีของโจทก์นั้นเอง ฟ้องโจทก์จึงเป็นฟ้องที่มีรายละเอียดเกี่ยวกับเวลาที่เกิดการกระทำผิด คือ วันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน เป็นฟ้องที่ชอบตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) แล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 729/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความไม่สมบูรณ์ของฟ้องอาญาเนื่องจากขาดรายละเอียดเวลาที่กระทำผิด แม้พิพากษาให้โจทก์ชนะ ก็ต้องปล่อยตัวจำเลย
ฟ้องของโจทก์บอกแต่วันเดือนปีที่จำเลยกระทำผิด ส่วนเวลาบอกแต่เพียง "เวลกลาง" จะเป็นเวลากลางวันหรือกลางคืน โจทก์ไม่บอก ดังนี้ ถือว่าเป็นฟ้องไม่สมบูรณ์ตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 1598(5)
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยเห็นว่าจำเลยไม่ได้กระทำผิด และฟ้องของโจทก์ก็ไม่สมบูรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายโจทก์ฎีกาว่าฟ้องของโจทก์สมบูรณ์และว่าจำเลยกระทำผิดดังนี้ แม้ศาลฎีกาจะเห็นว่าฎีกาข้อเท็จจริงต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 219 และฎีกาในข้อฟ้องสมบูรณ์อันเป็นฎีกาข้อกฎหมายนั้น แม้ศาลฎีกาจะพิพากษาให้โจทก์ชนะโดยฟังว่าฟ้องสมบูรณ์ก็ตาม แต่ผลของคำพิพากษาก็ยังคงต้องปล่อยจำเลยอยู่นั่นเอง ดังนี้ ศาลฎีกาก็มีสิทธิรับฎีกาของโจทก์ไว้วินิจฉัยให้ในข้อกฎหมายนั้น
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยเห็นว่าจำเลยไม่ได้กระทำผิด และฟ้องของโจทก์ก็ไม่สมบูรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายโจทก์ฎีกาว่าฟ้องของโจทก์สมบูรณ์และว่าจำเลยกระทำผิดดังนี้ แม้ศาลฎีกาจะเห็นว่าฎีกาข้อเท็จจริงต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 219 และฎีกาในข้อฟ้องสมบูรณ์อันเป็นฎีกาข้อกฎหมายนั้น แม้ศาลฎีกาจะพิพากษาให้โจทก์ชนะโดยฟังว่าฟ้องสมบูรณ์ก็ตาม แต่ผลของคำพิพากษาก็ยังคงต้องปล่อยจำเลยอยู่นั่นเอง ดังนี้ ศาลฎีกาก็มีสิทธิรับฎีกาของโจทก์ไว้วินิจฉัยให้ในข้อกฎหมายนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 508/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องอาญา: รายละเอียดเวลาสำคัญ
ฟ้องโจทก์ที่เกี่ยวกับเวลากล่าวเพียงว่า "เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2489 (ตรงกับวันขึ้น 9 ค่ำเดือนยี่)" ถือว่าขาดรายละเอียดเกี่ยวกับเวลา ไม่เป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามมาตรา 158 (5)
ฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย แม้ศาลชั้นต้นจะได้รับฟ้องและทำการพิจารณาจนสิ้นกระแสร์ความแล้ว ก็ไม่เป็นเหตุให้ฟ้องกลับสมบูรณ์ขึ้นได้
ฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย แม้ศาลชั้นต้นจะได้รับฟ้องและทำการพิจารณาจนสิ้นกระแสร์ความแล้ว ก็ไม่เป็นเหตุให้ฟ้องกลับสมบูรณ์ขึ้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 508/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องอาญาไม่สมบูรณ์หากขาดรายละเอียดเวลาที่กระทำผิด แม้พิจารณาไปแล้วก็แก้ไขไม่ได้
ฟ้องโจทก์ที่เกี่ยวกับเวลากล่าวเพียงว่า 'เมื่อวันที่11 มกราคม 2489(ตรงกับวันขึ้น 9 ค่ำเดือนยี่)' ถือว่าขาดรายละเอียดเกี่ยวกับเวลาไม่เป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามมาตรา 158(5)
ฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย แม้ศาลชั้นต้นจะได้รับฟ้องและทำการพิจารณาจนสิ้นกระแสความแล้ว ก็ไม่เป็นเหตุให้ฟ้องกลับสมบูรณ์ขึ้นได้
ฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย แม้ศาลชั้นต้นจะได้รับฟ้องและทำการพิจารณาจนสิ้นกระแสความแล้ว ก็ไม่เป็นเหตุให้ฟ้องกลับสมบูรณ์ขึ้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6137/2554
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความชอบด้วยกฎหมายของฟ้องอาญา: การบรรยายรายละเอียดเวลาและตัวบุคคลร่วมกระทำความผิด
โจทก์บรรยายฟ้องว่า เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2546 เวลากลางคืนหลังเที่ยง จำเลยทั้งสองกับพวกอีก 1 คน ซึ่งเป็นเยาวชนแยกดำเนินคดีต่างหากแล้ว ร่วมกันวิ่งราวทรัพย์เอาโทรศัพท์เคลื่อนที่ของผู้เสียหายไปโดยทุจริต โดยฉกฉวยเอาโทรศัพท์เคลื่อนที่ของผู้เสียหายที่เก็บรักษาไว้ในเคหสถานซึ่งเป็นร้านอาหารและที่อยู่อาศัยของผู้เสียหายไปซึ่งหน้า และใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิด การพาทรัพย์นั้นไป และเพื่อให้พ้นจากการจับกุม ดังนี้ ฟ้องโจทก์ได้บรรยายถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยที่ 1 กระทำผิด ข้อเท็จจริงและรายละเอียดเกี่ยวกับเวลา อีกทั้งบุคคลที่เกี่ยวข้องพอสมควรที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว ส่วนเวลาเกิดเหตุเป็นเวลากี่นาฬิกาก่อนเวลาเที่ยงคืน และเยาวชนที่ร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 1 เป็นใครและแยกไปดำเนินคดีที่ศาลใดเป็นรายละเอียดที่โจทก์สามารถนำสืบได้ในชั้นพิจารณาไม่จำต้องบรรยายมาในฟ้อง ฟ้องโจทก์จึงชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 158 (5)