พบผลลัพธ์ทั้งหมด 4 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2502/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่ดินสาธารณประโยชน์เลิกใช้แล้วเป็นที่ดินราชพัสดุ แม้ไม่ได้ขึ้นทะเบียน แต่จำเลยยังไม่ได้กรรมสิทธิ์จากการครอบครองเกิน 10 ปี
ที่ดินจำเลยตั้งอยู่ติดกับร่องน้ำสาธารณะ ประชาชนนำขยะและสิ่งของไปทิ้งจนร่องน้ำตื้นเขิน เป็นที่ราบ ดังนี้ แม้ที่ดินดังกล่าวจะตื้นเขิน มีระดับเสมอกับที่ดินของจำเลย แต่ก็มิใช่ที่งอกริมตลิ่งเพราะมิได้งอก ไปจากที่ดินของจำเลย การที่คลองหรือร่องน้ำสาธารณะซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินพิพาทกลายสภาพเป็นที่ตื้นเขิน แม้ต่อมาพลเมืองจะไม่ได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน โดยจำเลยเข้าครอบครองปลูกสร้างเพิง สังกะสีแต่ผู้เดียวเมื่อยังไม่มีบทกฎหมายเฉพาะหรือพระราชกฤษฎีกาให้ถอนสภาพจากการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน คลองหรือร่องน้ำดังกล่าวก็ยังคงมีสภาพเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินอยู่ตามเดิม แม้โจทก์จะไม่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นที่ดินราชพัสดุและจำเลยจะได้ครอบครองมาเกิน 10 ปีแล้ว จำเลยก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์เพราะต้องห้ามมิให้ยกอายุความขึ้นต่อสู้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1306 โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1116/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานปลอมและจำหน่ายธนบัตรต่างประเทศ แม้ธนบัตรเลิกใช้แล้ว ก็ยังคงเป็นความผิดตามกฎหมาย
การมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งธนบัตรปลอมของรัฐบาลต่างประเทศนั้นแม้ภายหลังการกระทำผิด รัฐบาลเจ้าของธนบัตรจะได้ประกาศเลิกใช้ธนบัตรนั้นก็ตาม ถ้าไม่ใช่เป็นการยกเลิกบทกฎหมายที่บัญญัติถึงความผิดแล้ว ผู้กระทำผิดก็ยังคงต้องรับโทษอยู่
ความผิดฐานมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งธนบัตรปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา ม.244 เป็นคุณแก่ผู้กระทำผิด จึงนำเอากฎหมายลักษณะอาญามาตรา 203 ที่แก้ไขแล้วมาลงโทษจำเลยไม่ได้
ความผิดฐานมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งธนบัตรปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา ม.244 เป็นคุณแก่ผู้กระทำผิด จึงนำเอากฎหมายลักษณะอาญามาตรา 203 ที่แก้ไขแล้วมาลงโทษจำเลยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 848/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความยินยอมเลิกเช่าตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ต้องเป็นกรณีที่ผู้เช่ายินยอมเลิกใช้ทรัพย์สินเมื่อถูกเรียกร้องเท่านั้น
คำว่า "ได้รับความยินยอมจากผู้เช่า" ตามมาตรา 16 (5) แห่ง พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน 2489 หมายความฉะเพาะถึงกรณีย์ที่ผู้เช่ายินยอมเลิกใช้หรือรับประโยชน์ในทรัพย์สินที่เช่าเท่านั้น ผู้ให้เช่าจึงจะมีสิทธิบังคับให้ผู้เช่าเลิกใช้ได้
ความยินยอมที่จะให้ไว้ล่วงหน้าโดยที่ผู้ให้เช่ายังไม่ได้เรียกร้องให้เลิกใช้ ไม่ใช่เป็นความยินยอมของผู้เช่าตามความหมายของกฎหมายนี้
ความยินยอมที่จะให้ไว้ล่วงหน้าโดยที่ผู้ให้เช่ายังไม่ได้เรียกร้องให้เลิกใช้ ไม่ใช่เป็นความยินยอมของผู้เช่าตามความหมายของกฎหมายนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 77/2487 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับใช้กฎหมายที่ขัดแย้งกัน: พ.ร.บ.ค่าโคกระบือฯ 2481 ย่อมเลิกใช้ พ.ร.บ.ค่าโคกระบือ ร.ส. 119
เมื่อมีราชกริสดีกาไห้ไช้ พ.ร.บ. ค่าโคกะบือฯ พ.ส. 2481 ไนห้องที่ได แล้ว พ.ร.บ. ค่าโคกระบือ ร.ส. 119 ซึ่งขัดแย้งกันก็ถูกยกเลิก.
ฟ้องขอไห้ลงโทสตาม พ.ร.บ.ค่าโคกะบือ ร.ส. 119 พิจารนาได้ความว่าการกะทำเปนผิดตาม พ.ร.บ.ค่าโคกะบือ พ.ส. 2481 ดังนี้ ต้องยกฟ้อง.
ฟ้องขอไห้ลงโทสตาม พ.ร.บ.ค่าโคกะบือ ร.ส. 119 พิจารนาได้ความว่าการกะทำเปนผิดตาม พ.ร.บ.ค่าโคกะบือ พ.ส. 2481 ดังนี้ ต้องยกฟ้อง.