โจทก์ฟ้องว่า ลูกจ้างของจำเลยที่ 1 ขับรถยนต์ของจำเลยที่ 1ซึ่งเอาประกันภัยค้ำจุนไว้กับจำเลยที่ 2 ไปในทางการที่จ้าง และขับรถยนต์ดังกล่าวโดยประมาทเป็นเหตุให้ชนกับรถยนต์ของโจทก์ได้รับความเสียหาย คิดเป็นค่าซ่อม ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถยนต์ระหว่างซ่อม และค่าเสื่อมราคารวมเป็นเงิน 213,350 บาท ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองใช้เงินจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันละเมิด
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ให้การว่า โจทก์มิใช่เจ้าของผู้ครอบครองรถยนต์คันที่ถูกชน จึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายและค่าเสื่อมราคา ลูกจ้างของจำเลยที่ 1 มิได้เป็นฝ่ายประมาท โจทก์มิได้เสียหายตามฟ้อง จำเลยที่ 2 รับประกันภัยรถยนต์ของจำเลยที่ 1 โดยมีข้อกำหนดว่าจะรับผิดต่อความเสียหายของบุคคลภายนอกเกี่ยวกับทรัพย์สินแทนผู้เอาประกันภัยในอุบัติเหตุแต่ละครั้งไม่เกินครั้งละ 100,000 บาทหากจำเลยที่ 2 จะต้องรับผิดก็ไม่เกิน 100,000 บาท
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 90,800บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่2 ธันวาคม 2525 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
โจทก์และจำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า โจทก์ได้เช่าซื้อรถยนต์คันที่ถูกชนมาจากห้างหุ้นส่วนจำกัดสีแสงการโยธา ตามหนังสือสัญญาเช่าซื้อเอกสารหมาย จ.1 และโจทก์เป็นผู้ครอบครองรถยนต์คันดังกล่าวในขณะเกิดเหตุ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องเรียกค่าเสียหายจากผู้ทำละเมิดได้ จำเลยที่ 2 ฎีกาต่อไปว่า จำเลยที่ 2 ได้ให้การไว้ในคำให้การข้อ 6 ว่า "...หากจำเลยที่ 2 จะต้องรับผิดต่อโจทก์แล้ว จำเลยที่ 2 ก็รับผิดชอบไม่เกินจำนวนเงิน 100,000 บาท ของความเสียหายบุคคลภายนอกทั้งหมดที่เกิดอุบัติเหตุครั้งนี้..." เมื่อโจทกและจำเลยที่ 2 ได้แถลงรับข้อเท็จจริงตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลว่า จำเลยที่ 2 ได้จ่ายค่ารั้วให้แก่สมาคมหนังสือพิมพ์ไปแล้วเป็นเงิน 15,000 บาท ความรับผิดของจำเลยที่ 2 ต่อทรัพย์สินบุคคลภายนอก จึงยังคงเหลือเป็นจำนวนเงินไม่เกิน 85,000 บาทนั้น เห็นว่าตามคำให้การของจำเลยที่ 2 ดังกล่าว จำเลยที่ 2 มิได้ให้การถึงว่าจำเลยที่ 2 ได้จ่ายค่าทำรั้วให้แก่สมาคมหนังสือพิมพ์ไปแล้ว 15,000บาท จึงเป็นเรื่องที่จำเลยที่ 2 มิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ไว้ในคำให้การ แม้โจทก์และจำเลยที่ 2 จะได้แถลงรับข้อเท็จจริงตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลว่า จำเลยที่ 2 ได้จ่ายค่ารั้วให้แก่สมาคมหนังสือพิมพ์ไปแล้ว 15,000 บาท ก็เป็นเรื่องนอกประเด็นต้องถือว่าเป็นเรื่องที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายืน.