โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยที่ 1 เจ้าของผู้ครอบครองรถยนต์ กับจำเลยที่ 2 ผู้รับประกันภัยค้ำจุน ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายเนื่องจากลูกจ้างของจำเลยที่ 1 กระทำละเมิดจำนวน 213,350 บาท พร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันทำละเมิด
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ให้การว่า โจทก์มิใช่เจ้าของผู้ครอบครองรถยนต์ที่ถูกทำละเมิดลูกจ้างของจำเลยที่ 1 มิได้เป็นฝ่ายประมาทโจทก์มิได้เสียหายตามฟ้อง และจำเลยที่ 2 รับผิดต่อความเสียหายของบุคคลภายนอกในอุบัติเหตุแต่ละครั้งไม่เกิน 100,000 บาท
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน90,800 บาท พร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันทำละเมิด
โจทก์และจำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "...สำหรับประเด็นข้อแรกจำเลยที่ 2 ฎีกาว่าโจทก์ไม่ได้เป็นเจ้าของผู้ครอบครองรถยนต์หมายเลขทะเบียน 80-1188นนทบุรี โดยตามสำเนาหนังสือแสดงการจดทะเบียนเอกสารหมาย ล.11ปรากฏชื่อห้างหุ้นส่วนจำกัดสี่แสงโยธาการเป็นผู้ประกอบการขนส่งและเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ และการเสียภาษีหลังเกิดเหตุอีก 2 ครั้งได้เสียในนามห้างหุ้นส่วนจำกัดสี่แสงโยธาการ และตามเอกสารหมาย ล.7กับ ล.9 นายจุนฉี เซี่ยงวอง ให้การกับพนักงานสอบสวนมีข้อความว่ารับมอบอำนาจจากห้างหุ้นส่วนจำกัดสี่แสงโยธาการ มิได้กล่าวพาดพิงถึงโจทก์คดีนี้แต่อย่างใด เห็นว่า โจทก์มีหนังสือสัญญาเช่าซื้อรถยนต์หมายเลขทะเบียน 80-1188 นนทบุรี ตามเอกสารหมาย จ.1 และตัวโจทก์ได้เบิกความประกอบเอกสารดังกล่าวยืนยันว่า ได้เช่าซื้อรถยนต์คันดังกล่าวจากห้างหุ้นส่วนจำกัดสี่แสงโยธาการ จำเลยที่ 2มิได้นำสืบให้เห็นว่าหนังสือสัญญาเช่าซื้อตามเอกสารหมาย จ.1 เป็นเอกสารปลอมหรือเป็นเอกสารที่ทำขึ้นโดยที่โจทก์มิได้เช่าซื้อรถยนต์คันดังกล่าวจากห้างหุ้นส่วนจำกัดสี่แสงโยธาการแม้ภายหลังเกิดเหตุ2 ปี จะยังเสียภาษีรถยนต์คันดังกล่าวในนามห้างหุ้นส่วนจำกัดสี่แสงโยธาการตามเอกสารหมาย ล.11 และในชั้นสอบสวนนายจุนฉีเซี่ยงวอง ผู้รับมอบอำนาจจากห้างหุ้นส่วนจำกัดสี่แสงโยธาการ จะได้ให้การต่อพนักงานสอบสวนโดยไม่ได้กล่าวพาดพิงถึงโจทก์คดีนี้ก็ไม่ใช่เป็นข้อพิสูจน์ให้เห็นว่า โจทก์ไม่ได้เช่าซื้อรถยนต์คันดังกล่าวจากห้างหุ้นส่วนจำกัดสี่แสงโยธาการ และโจทก์มีนายบุญโฮม สมคะเนย์ ผู้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าวในวันเกิดเหตุเป็นพยานเบิกความว่า นายบุญโฮมเป็นลูกจ้างของโจทก์ ทำหน้าที่ขับรถยนต์คันดังกล่าวมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2525 แม้จำเลยที่ 2 จะได้นำสืบว่าในชั้นสอบสวนนายบุญโฮมได้ให้การต่อพนักงานสอบสวนตามเอกสารหมาย ล.8 โดยนายบุญโฮมให้การว่าเป็นลูกจ้างของห้างหุ้นส่วนจำกัดสี่แสงโยธาการ คำให้การในชั้นสอบสวนดังกล่าวเป็นเพียงพยานบอกเล่ามีน้ำหนักน้อยกว่าคำเบิกความของนายบุญโฮมที่ได้เบิกความต่อศาลซึ่งคู่ความมีโอกาสได้ซักถามต่อหน้าศาล ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ว่าโจทก์ได้เช่าซื้อรถยนต์คันดังกล่าวมาจากห้างหุ้นส่วนจำกัดสี่แสงโยธาการตามหนังสือสัญญาเช่าซื้อเอกสารหมาย จ.1 และโจทก์เป็นผู้ครอบครองรถยนต์คันดังกล่าวในขณะเกิดเหตุ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องเรียกค่าเสียหายจากผู้ทำละเมิดได้ จำเลยที่ 2 ฎีกาต่อไปว่าจำเลยที่ 2 ได้ให้การไว้ในคำให้การข้อ 6 ว่า "... หากจำเลยที่ 2จะต้องรับผิดต่อโจทก์แล้ว จำเลยที่ 2 ก็รับผิดชอบไม่เกินจำนวนเงิน 100,000 บาท ของความเสียหายบุคคลภายนอกทั้งหมดที่เกิดอุบัติเหตุครั้งนี้..." ฉะนั้น เมื่อโจทก์และจำเลยที่ 2 ได้แถลงรับข้อเท็จจริงตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลว่า จำเลยที่ 2ได้จ่ายค่ารั้วให้แก่สมาคมหนังสือพิมพ์ไปแล้วเป็นเงิน 15,000 บาทความรับผิดของจำเลยที่ 2 ต่อทรัพย์สินบุคคลภายนอก จึงยังคงเหลือเป็นจำนวนเงินไม่เกิน 85,000 บาทนั้น เห็นว่าตามคำให้การของจำเลยที่ 2 ดังกล่าว จำเลยที่ 2 มิได้ให้การถึงว่า จำเลยที่ 2 ได้จ่ายค่าทำรั้วให้แก่สมาคมหนังสือพิมพ์ไปแล้ว 15,000 บาท จึงเป็นเรื่องที่จำเลยที่ 2 มิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ไว้ในคำให้การแม้โจทก์และจำเลยที่ 2 จะได้แถลงรับข้อเท็จจริงตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลว่า จำเลยที่ 2 ได้จ่ายค่ารั้วให้แก่สมาคมหนังสือพิมพ์ไปแล้ว 15,000 บาท ก็เป็นเรื่องนอกประเด็น ต้องถือว่าเป็นเรื่องที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นชอบแล้วฎีกาของ จำเลยที่ 2 ฟังไม่ขึ้น"
พิพากษายืน