คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ไชยเจริญ สันติศิริ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 553 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 496/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานรถไฟทุจริต แก้ไขตั๋วรถไฟที่ใช้แล้ว นำมาขายซ้ำ เบียดบังเงินค่าโดยสาร
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานของการรถไฟแห่งประเทศไทย ตำแหน่งพนักงานห้ามล้อ ได้นำตั๋วค่าธรรมเนียมรถเร็วที่จำเลยขายแล้วซึ่งถูกขูดลบถอนแก้เครื่องหมายแสดงว่าใช้ไม่ได้แล้ว เพื่อให้ใช้ได้อีกมาขายให้แก่ผู้โดยสารรถไฟ การกระทำของจำเลยเป็นการใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่โดยทุจริตและเบียดบังเงินค่าธรรมเนียมที่จำเลยจำหน่ายตามหน้าที่เป็นของจำเลย จึงเป็นความผิดตามมาตรา 147 และ 151 แห่งประมวลกฎหมายอาญา
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 45/2505)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 496/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานรถไฟทุจริตขายตั๋วที่ใช้แล้ว แก้ไขข้อมูล และเบียดบังเงิน
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานของการรถไฟแห่งประเทศไทย ตำแหน่งพนักงานห้ามล้อได้นำตั๋วค่าธรรมเนียมรถเร็วที่จำเลยขายแล้วซึ่งถูกขูดลบถอนแก้เครื่องหมายแสดงว่าใช้ไม่ได้แล้วเพื่อให้ใช้ได้อีกมาขายให้แก่ผู้โดยสารรถไฟ การกระทำของจำเลยเป็นการใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่โดยทุจริตและเบียดบังเงินค่าธรรมเนียมที่จำเลยจำหน่ายตามหน้าที่เป็นของจำเลย จึงเป็นความผิดตามมาตรา 147 และ 151 แห่งประมวลกฎหมายอาญา (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 45/2505)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 483/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจะซื้อขายที่ดิน: สิทธิในการบังคับโอนที่ดิน แม้มีข้อตกลงเรื่องเงินมัดจำและค่าเสียหาย
จำเลยทำสัญญาจะขายที่ดินให้โจทก์โดยได้รับเงินมัดจำไว้ แม้จะมีข้อสัญญาไว้ด้วยว่า ถ้าผู้ขายไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามสัญญา ให้ผู้ซื้อฟ้องเรียกเงินมัดจำคืนตลอดทั้งค่าเสียหายได้ตามกฎหมาย ก็ไม่พอให้ถือว่าโจทก์ยอมผูกพันว่าเมื่อจำเลยผิดนัดโจทก์จะเพียงแต่เรียกเงินมัดจำคืน กับเรียกค่าเสียหายเท่านั้นเมื่อจำเลยไม่จัดการโอนที่ดินให้โจทก์ตามสัญญา โจทก์ย่อมฟ้องขอให้บังคับจำเลยโอนที่ให้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 483/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจะซื้อขายที่ดิน: โจทก์มีสิทธิขอให้บังคับโอนได้ แม้มีข้อตกลงเรื่องเงินมัดจำคืน
จำเลยทำสัญญาจะขายที่ดินให้โจทก์โดยรับเงินมัดจำไว้ แม้จะมีข้อสัญญาไว้ด้วยว่า ถ้าผู้ขายไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามสัญญา ให้ผู้ซื้อฟ้องเรียกเงินมัดจำคืนตลอดทั้งค่าเสียหายได้ตามกฎหมาย ก็ไม่พอให้ถือว่าโจทก์ยอมผูกพันว่าเมื่อจำเลยผิดนัดโจทก์จะเพียงแต่เรียกเงินมัดจำ กับเรียกค่าเสียหายเท่านั้น เมื่อจำเลยไม่จัดการโอนที่ดินให้โจทก์ตามสัญญา โจทก์ย่อมฟ้องขอให้บังคับจำเลยโอนที่ให้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 455/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าจ้างทนายเมื่อเลิกสัญญาจ้างว่าความ: การคิดค่าจ้างตามควรค่าของงานที่ทำไปแล้ว
จำเลยจ้างโจทก์เป็นทนายฟ้องคดีและว่าความในศาลชั้นต้นชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกา ครั้นโจทก์ฟ้องคดีและว่าความในศาลชั้นต้นไปบ้างแล้ว จำเลยขอถอนโจทก์จากการเป็นทนาย โจทก์แถลงไม่คัดค้านศาลฟังว่าการเลิกสัญญาเกิดจากการตกลงกัน คู่สัญญายังมีสิทธิที่จะได้คืนสู่ฐานะที่เป็นอยู่เดิมโดยวิธีการในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 391 วรรค 2,3,4 โดยเฉพาะก็คือ วรรค 3 จำเลยต้องใช้เงินตามควรค่าแห่งการงานของโจทก์ และต้องคิดค่าจ้างตามรูปคดี หาใช่คิดแต่จำนวนค่าเสียหายที่เรียกร้องไม่
ตัวแทนจ้างโจทก์แทนตัวการ. ตัวการต้องรับผิดต่อโจทก์แต่ผู้เดียวตัวแทนหาต้องรับผิดด้วยไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 443/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจับกุมโดยไม่มีหมายและการต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน: การพิพากษาขึ้นอยู่กับความชอบด้วยกฎหมายของการจับกุม
มีผู้แจ้งต่อนายร้อยตำรวจผู้บังคับกองฯ ว่า จำเลยกับพวกลักโคไป ผู้บังคับกองฯ สั่งให้นายสิบตำรวจไปเชิญตัวจำเลยบนบ้านโดยไม่มีหมายจำเลยไม่ยอมไป จึงเข้าจับกุม จำเลยใช้ขวานมีด ต่อสู้ขัดขวาง แม้ผู้บังคับกองฯ จะอยู่ไปห่าง 10 วา แต่ก็อยู่ที่บ้านผู้อื่น ไม่ได้ไปจับกุมด้วย การจับนี้ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 78, 81 จำเลยต่อสู้ขัดขวางจึงไม่มีความผิด แต่เมื่อผู้บังคับกองฯ นั้นไปทำการจับกุมด้วย ก็ชอบด้วยมาตรา 78, 92 วรรคท้าย
โจทก์กล่าวในฟ้องว่า นายสิบตำรวจ ฯลฯ ผู้เสียหายกับพวกซึ่งเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่สืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดตามกฎหมาย แม้จะไม่ระบุชื่อผู้บังคับกองฯ ซึ่งไปร่วมการจับกุมด้วย เมื่อผู้บังคับกองฯ เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จับกุมตามกฎหมายได้ ถือว่าฟ้องซึ่งได้ระบุว่ากับพวกเจ้าพนักงานฯ มีความหมายถึงผู้บังคับกองฯ ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 443/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจับกุมและการต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน: ความชอบด้วยกฎหมายของการจับกุมและขอบเขตความรับผิด
มีผู้แจ้งต่อนายร้อยตำรวจผู้บังคับกองฯว่า จำเลยกับพวกลักโคไปผู้บังคับกองฯสั่งให้นายสิบตำรวจไปเชิญตัวจำเลยบนบ้านโดยไม่มีหมาย จำเลยไม่ยอมไป จึงเข้าจับกุมจำเลยใช้ขวาน มีด ต่อสู้ขัดขวางแม้ผู้บังคับกองฯจะอยู่ห่างไป 10 วา แต่ก็อยู่ที่บ้านผู้อื่น ไม่ได้ไปจับกุมด้วย การจับนี้ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 78,81 จำเลยต่อสู้ขัดขวางจึงไม่มีความผิด แต่เมื่อผู้บังคับกองฯ นั้นไปทำการจับกุมด้วย ก็ชอบด้วยมาตรา 78,92 วรรคท้าย
โจทก์กล่าวในฟ้องว่า นายสิบตำรวจ ฯลฯผู้เสียหายกับพวกซึ่งเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่สืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดตามกฎหมาย แม้จะไม่ระบุชื่อผู้บังคับกองฯซึ่งไปร่วมการจับกุมด้วย เมื่อผู้บังคับกองฯเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จับกุมตามกฎหมายได้ถือว่าฟ้องซึ่งได้ระบุว่ากับพวกเจ้าพนักงานฯมีความหมายถึงผู้บังคับกองฯ ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 428/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าจ้างทนาย: แม้จำเลยได้เงินจากคู่ความน้อยกว่าฟ้อง ก็ต้องจ่ายค่าจ้างทนายตามสัญญาเดิม
จำเลยทำสัญญาจ้างโจทก์ให้ยื่นฟ้อง ฉ. ฐานผิดสัญญาทุนทรัพย์ 1,037,500 บาท ตกลงค่าจ้างกันไว้ 100,000 บาท ในชั้นศาลชั้นต้น โดยไม่มีข้อกำหนดกันไว้ว่าถ้าจำเลยได้เงินไม่เต็มตามคำฟ้องก็ให้ลดค่าจ้างลงตามส่วนโจทก์ได้ฟ้อง ฉ. แล้ว และยังได้ดำเนินการอายัดทรัพย์ของ ฉ. จนสำเร็จ แต่ต่อมาจำเลยได้ถอนฟ้องคดีเสียเองโดยโจทก์มิได้เห็นชอบด้วย แม้จำเลยจะได้รับเงินจาก ฉ. เพียง 120,000 บาทก็จะลดค่าจ้างไม่ได้ จะถือเอาจำนวนเงิน 120,000 บาทนี้เป็นผลสำเร็จแห่งการที่ทำเพื่อคำนวณค่าจ้างไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 428/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าจ้างทนายเมื่อจำเลยถอนฟ้อง: ค่าจ้างคำนวณจากผลสำเร็จที่เกิดขึ้น แม้ได้เงินไม่เต็มตามฟ้อง
จำเลยทำสัญญาจ้างโจทก์ให้ยื่นฟ้อง ฉ. ฐานผิดสัญญา ทุนทรัพย์ 1,037,500 บาท ตกลงค่าจ้างกันไว้ 100,000 บาท ในชั้นศาลชั้นต้น โดยไม่มีข้อกำหนดกันไว้ว่า ถ้าจำเลยได้เงินไม่เต็มตามคำฟ้องก็ให้ลดค่าจ้างลงตามส่วน โจทก์ได้ฟ้อง ฉ. แล้ว และยังได้ดำเนินการอายัดทรัพย์ของ ฉ. จนสำเร็จ แต่ต่อมาจำเลยได้ถอนฟ้องคดีเสียเอง โดยโจทก์มิได้เห็นชอบด้วย แม้จำเลยจะได้รับเงินจากฉ. เพียง 120,000 บาทนี้ เป็นผลสำเร็จแห่งการที่ทำเพื่อคำนวณค่าจ้างไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 405-410/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงประโยชน์ที่ดินสาธารณประโยชน์: อำนาจรัฐในการหวงห้ามที่ดินใหม่ย่อมลบล้างการหวงห้ามเดิม
เดิมอำเภอได้ประกาศหวงห้ามที่ดินรกร้างว่างเปล่าไว้สำหรับราษฎรใช้เลี้ยงสัตว์ร่วมกัน ต่อมาได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตหวงห้ามที่รกร้างว่างเปล่าบริเวณเดียวกันนั้นเพื่อประโยชน์ราชการทหาร ที่รกร้างว่างเปล่านั้นก็ยังคงเป็นที่ดินรกร้างว่างเปล่าอยู่ในสภาพเดิมเป็นแต่เปลี่ยนประโยชน์ที่ใช้เสียใหม่จากการใช้สำหรับราษฎรเลี้ยงสัตว์มาเป็นใช้ประโยชน์ในราชการทหารการหวงห้ามเดิมย่อมหมดสภาพไปทั้งตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตหวงห้ามนั้นก็กำหนดให้เจ้ากรมแผนที่เป็นเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจในการหวงห้ามที่ดินตามพระราชกฤษฎีกานั้นด้วยดังนี้ อำเภอย่อมไม่มีหน้าที่ดูแลตรวจตราที่ดินนั้นต่อไปนายอำเภอจึงไม่มีอำนาจสั่งให้จำเลยออกจากที่ดินในเขตหวงห้ามตามพระราชกฤษฎีกานั้นเมื่อจำเลยฝ่าฝืนหามีความผิดฐานขัดคำสั่งของนายอำเภอไม่
of 56