คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
กฎหมายลักษณะอาญา ม. 50.

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 9 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 938/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวเกินกว่าเหตุ: การกระทำเพื่อหยุดยั้งอันตรายจากอาวุธของผู้ถูกทำร้าย
ผู้ตายจะเอาปืนยิงจำเลย จำเลยจึงเข้าแย่งปืน ๆได้ลั่นขึ้น 1 นัด แล้วผู้ตายเอาลูกกระสุนบรรจุปืนและจะยิงจำเลยอีก จำเลยจึงแทงเอาปืนหลุดจากมือผู้ตายแล้ว ผู้ตายยังจะแย่งเอาปืนอีก จำเลยจึงต้องแทงผู้ตายอีกหลายที และเอาปืน ยิงผู้ตายล้มลงขาดใจตาย ดังนี้ ไม่เป็นการเกินสมควรแก่เหตุ เพราะเมื่อผู้ตายยังพยายามจะแย่งเอาปืนจากจำเลย แล้ว อันตรายก็ยังมีอยู่ จำเลยจะหยุดยั้งเสียไม่ได้เพราะเป็นเวลาฉุกเฉิน การกระทำของจำเลยจึงได้รับการยกเว้น โทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 50.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1365/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัว: การกระทำเพื่อป้องกันภัยจากการประทุษร้ายที่เกิดขึ้นก่อน
ผู้ตายไปทวงเงินจำเลย ๆ ว่ายังไม่มี ผู้ตายก็ลงเรือนไปแล้ว เรียกให้จำเลยลงไปด้วย จำเลยก็ลงไปตามที่ผู้ตายเรียก และได้เกิดการทำร้ายขึ้น โดยผู้ตายได้ใช้ไม้ตีจำเลย 2 ทีก่อน จนไม้หักแล้วยังหยิบไม้อีกอันหนึ่งจะตีซ้ำเติมอีก จำเลยจึงแทงไปแต่เพียงทีเดียวผู้ตายถึงแก่ความตาย ดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันไม่เกินสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 969/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุเมื่อถูกทำร้ายด้วยอาวุธอันตราย
ก. ไปชวนก่อเหตุถึงบ้านและใช้ขวานทำร้าย ร. ก่อน ร.คว้าไม้กระทู้รั้วไล่ไปเพื่อจับกุม พอทันกัน ก.หันกลับมาเงื้อขวานจะฟัน ร.อีก ร. จึงใช้ไม้กระทู้รั้วตี ก. บาดเจ็บสาหัส ดังนี้ การกระทำของ ร. จึงเป็นการกระทำเพื่อป้องกันตัว แต่พอสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 807/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ เมื่อถูกทำร้ายด้วยอาวุธอันตราย
ผู้ตายถือพลั่วเหล็กไล่ทำร้ายจำเลย ๆ วิ่งหนี ผู้ตายไล่ทันเอาพลั่วตีศีรษะจำเลย แล้วยังแทงซ้ำอีก 2 ที จำเลยจึงฉวยมีดที่ข้างฝามาใช้ป้องกันตัว ผู้ตายแข้าแย่งมีดจากจำเลยอีก จำเลยจึงเอามีดนั้นแทงผู้ตาย 1 ที ผู้ตายถึงแก่ความตาย ดังนี้ แม้ขณะที่แทงผู้ตายจะได้ทิ้งพลั่วแล้วก็ดี แต่เป็นเวลาที่จำเลยถูกตีศีรษะและแทงแล้วยังถูกผู้ตายกอดปล้ำแย่งมีด ถ้าผู้ตายแย่งมีดได้ก็อาจแทงจำเลยตาย การกระทำของจำเลยย่อมเป็นการป้องกันตัวไม่เกินสมควรแก่เหตุ อันควรได้รับยกเว้นโทษตามมาตรา 50.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 662/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตนเองจากการถูกทำร้าย: การกระทำที่ไม่เกินสมควรแก่เหตุ
จำเลยเป็นหัวหน้าควบคุมเหมืองฝาย มีหน้าที่แบ่งปันน้ำในเหมืองเฉลี่ยให้ตามนาต่าง ๆ ผู้ตายลักกั้นน้ำเข้านา จำเลยไปห้ามผู้ตายไม่เชื่อฟัง เกิดเถียงกัน แล้วจำเลยเดินหนี ผู้ตายตามไปทำร้ายจำเลย ๆ จึงทำตอบแทนจำเลยมีบาดแผล 3 แห่ง ถูกของมีคม แม้จะปรากฎว่าผู้ตายถูกทำร้ายเหมือนกันหลายแห่ง แต่ก็ปรากฎว่าผู้ตายได้ใช้มีดทำร้ายจำเลยหลายครั้ง จำเลยมีอำนาจกระทำป้องกันได้ การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันไม่เกินสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 494/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวและการทำร้ายร่างกาย: การพิจารณาเหตุแห่งการกระทำและความเหมาะสมของโทษ
ฟ้องโจทก์กล่าวว่า จำเลยที่ 1 มีมีดซุยฝ่ายหนึ่ง จำเลยที่ 2, 3, 4 อีกฝ่ายหนึ่ง ต่างสมัครใจเข้าวิวาททำร้ายซึ่งกันและกัน โดยจำเลยที่ 1 ใช้มีดซุยแทง จำเลยที่ 2,3,4 ใช้ขวานและไม้ตะบองตีจำเลยที่ 1 ถึงบาดเจ็บ จำเลยที่ 3 มีแผลถูกแทงที่หน้าอก 1 แห่ง บาดเจ็บสาหัส ดังนี้ ฟ้องของโจทก์ พอเข้าใจได้ว่าจำเลยที่ 1 ใช้มีดซุยแทงถูกจำเลยที่ 3 ที่หน้าอก 1 แห่ง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 65/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตายในเหตุการณ์ต่อสู้ การพิจารณาเจตนาและโทษฐานฆ่าคนตาย
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานสมคบกันฆ่าคนตายโดยเจตนาแต่ทางพิจารณาได้ความว่า ผู้ตายทั้งสองคนเป็น ปรปักษ์คู่ต่อสู้กัน จำเลยเป็นพรรคพวกผู้ตายฝ่ายหนึ่ง ได้เข้าต่อสู้กับผู้ตายอีกฝ่ายหนึ่งกับพรรคพวก โดยใจสมัครเพราะมีการท้ายทายกันก่อน รูปคดีไม่แน่ว่า จำเลยมีเจตนาจะฆ่ากัน จำเลยบางคนต่างวิ่งมาช่วยในที่เกิดเหตุ จำเลยกระทำหนักมือบ้าง เบามือบ้าง ควรวางโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายไม่เจตนา
จำเลยคนหนึ่งมีไม้ตะบอง ส่วนจำเลยคนอื่นมีขวานและมีดซุย แต่บาดแผลของผู้ตายล้วนแต่บาดแผลเรียบ แพทย์ลงความเห็นว่า ถูกของแข็งมีคม ไม่มีรอยถูกแผลตี ดังนี้ฟังไม่ได้ว่าจำเลยนั้นได้ใช้ไม้ตะบองตีผู้ตายด้วย
บิดาจำเลยสมัครใจต่อสู้และทำร้ายกับผู้ตาย จำเลยเข้าช่วยบิดาทำร้ายผู้ตาย ดังนี้ จำเลยจะแก้ตัวว่าทำโดยป้องกันบิดา ไม่ได้เพราะบิดาจำเลยเป็นฝ่ายผิดเหมือนกัน./

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 61/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัว: คนยามไม่มีอำนาจจับ การใช้กำลังเพื่อป้องกันการถูกทำร้ายเป็นเหตุสมควร
คนยามไปรษณีย์ไม่มีอำนาจจับราษฎรที่พูดโต้เถียงกับพนักงานไปรษณีย์
จำเลยโต้เถียงกับพนักงานไปรษณีย์ แล้วมีพวกพนักงานไปรษณีย์ร้องบอกให้จับ คนยามไปรษณีย์เข้าจับจำเลย ๆ จึงต่อยเอา ดังนี้ เป็นป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 676/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่นำสืบเมื่อจำเลยอ้างป้องกันตัว: โจทก์ต้องพิสูจน์ก่อน หากไม่นำสืบต้องยกฟ้อง
คดีอาญา จำเลยให้การว่ากระทำเพื่อป้องกันตัว โจทก์มีหน้าที่ต้องนำสืบก่อน เมื่อไม่นำสืบ ต้องยกฟ้อง