คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ยง เหลืองรังษี

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,154 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 483/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หลักฐานการกู้ยืมเงิน: จดหมายหลายฉบับรวมกันเป็นหลักฐานได้ หากแสดงเจตนาและจำนวนเงินชัดเจน
จำเลยมีจดหมายถึงโจทก์มีใจความว่า ไม่ต้องการรบกวนโจทก์อีก เก่ายังไม่ใช้จะเอาใหม่อีกจำเลยละอายใจ เพียงเท่านี้ไม่ใช่หลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือ เพราะไม่ระบุจำนวนเงิน โจทก์จึงฟ้องเรียกเงินจำนวนนี้ไม่ได้
ต่อมาโจทก์ส่งดราฟท์ไปให้จำเลย จำเลยมีจดหมายตอบว่าได้รับดราฟท์แล้ว และต่อมาจำเลยมีจดหมายอีกสองฉบับถึงโจทก์ยืนยันว่า จะใช้เงินที่ยืมให้ จดหมายทั้งหมดประกอบกันเป็นหลักฐานเป็นหนังสือแห่งสัญญากู้ยืม โจทก์จึงฟ้องเรียกเงินจำนวนหลังนี้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 483/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หลักฐานการกู้ยืมเงิน: จดหมายหลายฉบับรวมกันเป็นหลักฐานได้ หากแสดงเจตนาและจำนวนเงินที่ชัดเจน
จำเลยมีจดหมายถึงโจทก์มีใจความว่า ไม่ต้องการรบกวนโจทก์อีก เก่ายังไม่ใช้จะเอาใหม่อีกจำเลยละอายใจ เพียงเท่านี้ไม่ใช่ หลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือ เพราะไม่ระบุจำนวนเงินโจทก์ จึงฟ้องเรียกเงินจำนวนนี้ไม่ได้
ต่อมาโจทก์ส่งดราฟท์ไปให้จำเลย จำเลยมีจดหมายตอบว่าได้รับดราฟท์แล้วและต่อมาจำเลยมีจดหมายอีกสองฉบับถึงโจทก์ยืนยันว่า จะใช้เงินที่ยืมให้ จดหมายทั้งหมดประกอบกันเป็นหลักฐานเป็น หนังสือแห่งสัญญากู้ยืมโจทก์จึงฟ้องเรียกเงินจำนวนหลังนี้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 443/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยิงเพื่อป้องกันตัวต้องมีเหตุอันตรายใกล้จะถึงตัว หากเตรียมปืนก่อนยิงถือไม่ได้ว่าเป็นการป้องกันตัว
จำเลยโกรธแค้นผู้ตายที่ลักกระบือของจำเลยวันเกิดเหตุผู้ตายเห็นจำเลยเดินผ่านไป จำเลยจึงกลับบ้านเอาปืนลูกซองออกติดตามผู้ตายไปถึงที่เกิดเหตุ ได้พูดกันถึงเรื่องที่กระบือหาย แล้วเกิดโต้เถียงกันขึ้น จำเลยได้ปลดปืนจากไหล่เตรียมยิงอยู่ก่อนแล้วพอผู้ตายล้วงปืนออกมา จำเลยก็ยิงไปทันที พฤติการณ์ดังนี้ถือไม่ได้ว่าจำเลยยิงผู้ตายเพื่อป้องกันตัว จำเลยย่อมมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 443/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยิงเพื่อป้องกันตัวต้องปราศจากเหตุโกรธแค้นและเตรียมการก่อน หากมีพฤติการณ์เตรียมยิงก่อนย่อมไม่ถือเป็นการป้องกันตัว
จำเลยโกรธแค้นผู้ตายที่ลักกระบือของจำเลยวันเกิดเหตุ ผู้ตายเห็นจำเลยเดินผ่านไป จำเลยจึงกลับบ้านเอาปืนลูกซองออกติดตามผู้ตายไปถึงที่เกิดเหตุ ได้พูดกันถึงเรื่องที่กระบือหาย แล้วเกิดโต้เถียงกันขึ้น จำเลยได้ปลดปืนจากไหล่เตรียมยิงอยู่ก่อนแล้ว พอผู้ตายล้วงปืนออกมา จำเลยก็ยิงไปทันที พฤติกรณ์ดังนี้ถือไม่ได้ว่าจำเลยยิงผู้ตายเพื่อป้องกันตัว จำเลยย่อมมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 407/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องเรียกค่าเช่าจากทรัพย์มรดกหลังแบ่งมรดกแล้ว ไม่ถือเป็นฟ้องซ้ำ เพราะเป็นดอกผลที่เกิดขึ้นภายหลัง
คดีก่อน โจทก์ฟ้องเรียกทรัพย์มรดกจากจำเลยในคดีนี้และบุคคลอื่น ระหว่างคดี จำเลยได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการมรดกและได้เอาทรัพย์มรดกให้คนเช่า แล้วศาลพิพากษาให้จำเลยแบ่งทรัพย์มรดกให้โจทก์ โจทก์มาฟ้องจำเลยในฐานะเป็นผู้จัดการมรดก เพื่อเรียกเอาค่าเช่าทรัพย์มรดกตามส่วนที่โจทก์ได้รับแบ่งในคดีเรื่องก่อนได้ ไม่เป็นฟ้องซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 407/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าเช่าทรัพย์มรดกหลังแบ่งมรดกแล้ว ไม่ถือเป็นฟ้องซ้ำ เพราะเป็นดอกผลที่เกิดขึ้นภายหลัง
คดีก่อน โจทก์ฟ้องเรียกทรัพย์มรดกจากจำเลยในคดีนี้และบุคคลอื่น ระหว่างคดี จำเลยได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการมรดกและได้เอาทรัพย์มรดกให้คนเช่า แล้วศาลพิพากษาให้จำเลยแบ่งทรัพย์มรดกให้โจทก์โจทก์มาฟ้องจำเลยในฐานะเป็นผู้จัดการมรดกเพื่อเรียกเอาค่าเช่าทรัพย์มรดกตามส่วนที่โจทก์ได้รับแบ่งในคดีเรื่องก่อนได้ไม่เป็นฟ้องซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 406/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแบ่งมรดกกรณีทายาทบวชเป็นพระ และสิทธิของภริยาผู้รับมรดกแทนที่
จ. กับ ข. ซึ่งถึงแก่กรรมไปแล้ว มีบุตร 6 คน บุตรของ จ.ข. ทุกคนเว้น ธ. ซึ่งบวชเป็นพระภิกษุ ได้ร่วมกันครอบครองมรดกตลอดมา ก. บุตรของ จ.ข ตายหลัง จ.ข. มรดกของจ.ข. ที่ ก. ได้รับจึงตกเป็นของโจทก์ที่ 3 ซึ่งเป็นภริยาของ ก. ในฐานะผู้รับมรดกของ ก. หาใช่ในฐานะผู้รับมรดกแทนที่ ก. ไม่ แต่เมื่อพิเคราะห์ฟ้องของโจทก์แล้ว เป็นที่เข้าใจได้ว่าโจทก์ที่ 3 ขอรับมรดกของ ก.นั่นเอง โจทก์ที่ 3 จึงมีสิทธิขอแบ่งทรัพย์มรดก
ธ. ซึ่งบวชเป็นพระภิกษุอยู่ก่อน ข. เจ้ามรดกถึงแก่ความตายตลอดมาเป็นเวลา 20 ปีแล้ว ไม่ได้เข้ามาร่วมครอบครองทรัพย์มรดก คงมีแต่โจทก์ที่ 1 ที่ 2 (ซึ่งเป็นบุตรของ จ.ข. เจ้ามรดก) และโจทก์ที่ 3 (ซึ่งเป็นภริยาของ ก.ซึ่งเป็นบุตรของ จ.ข. และถึงแก่ความตายไปแล้ว) จำเลย และ ส. ครอบครองร่วมกันมา โจทก์ทั้ง 3 จำเลย และ ส. ย่อมมีสิทธิในทรัพย์มรดกรายนี้เท่า ๆ กัน จึงให้แบ่งทรัพย์มรดกออกเป็น 5 ส่วน (วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 7-8/2510)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 406/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแบ่งมรดกกรณีทายาทบวชเป็นพระภิกษุ และสิทธิการครอบครองมรดกของทายาทที่ไม่ได้ร่วมครอบครอง
จ. กับ ข. ซึ่งถึงแก่กรรมไปแล้ว มีบุตร 6 คนบุตรของ จ. ข. ทุกคนเว้น ธ. ซึ่งบวชเป็นพระภิกษุ ได้ร่วมกันครอบครองมรดกตลอดมา ก. บุตรของ จ. ข. ตายหลัง จ. ข. มรดกของ จ. ข. ที่ ก. ได้รับจึงตกเป็นของโจทก์ที่ 3 ซึ่งเป็นภริยาของ ก. ในฐานะผู้รับมรดกของ ก. หาใช่ในฐานะผู้รับมรดกแทนที่ ก. ไม่แต่เมื่อพิเคราะห์ฟ้องของโจทก์แล้วเป็นที่เข้าใจได้ว่าโจทก์ที่ 3 ขอรับมรดก ของ ก. นั่นเองโจทก์ที่ 3 จึงมีสิทธิขอแบ่งทรัพย์มรดก
ธ. ซึ่งบวชเป็นพระภิกษุอยู่ก่อน ข. เจ้ามรดกถึงแก่ความตายตลอดมาเป็นเวลา 20 ปี แล้ว ไม่ได้เข้ามาร่วมครอบครองทรัพย์มรดกคงมีแต่โจทก์ที่ 1 ที่ 2 (ซึ่งเป็นบุตรของ จ. ข. เจ้ามรดก) และโจทก์ที่ 3 (ซึ่งเป็นภริยาของ ก. ซึ่งเป็นบุตรของ จ. ข. และถึงแก่ความตายไปแล้ว) จำเลย และ ส. ครอบครองร่วมกันมาโจทก์ ทั้ง3 จำเลย และ ส. ย่อมมีสิทธิในทรัพย์มรดกรายนี้เท่าๆกันจึงให้แบ่งทรัพย์มรดกออกเป็น 5 ส่วน (วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 7-8/2510)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 374/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องขับไล่ของผู้เช่าที่ดินเมื่อจำเลยครอบครองพื้นที่ก่อนทำสัญญาเช่า
โจทก์เช่าที่ดินทั้งแปลง แต่บางส่วนในที่ดินแปลงที่โจทก์เช่านั้น จำเลยได้ปลูกบ้านอาศัยอยู่ก่อนที่โจทก์จะทำสัญญาเช่าที่ดินกับเจ้าของที่ดิน และจำเลยได้อาศัยอยู่เรื่อยมา เมื่อโจทก์ยังไม่เคยครอบครองที่ดินที่จำเลยใช้ปลูกบ้านนั้น จำเลยคงมีนิติสัมพันธ์กับเจ้าของที่ดินเท่านั้น โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 374/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องขับไล่: ผู้เช่าไม่มีสิทธิขับไล่ผู้ครอบครองก่อนทำสัญญาเช่า แม้จะเช่าที่ดินแปลงเดียวกัน
โจทก์เช่าที่ดินทั้งแปลงแต่บางส่วนในที่ดินแปลงที่โจทก์เช่านั้นจำเลยได้ปลูกบ้านอาศัยอยู่ก่อนที่โจทก์จะทำสัญญาเช่าที่ดินกับเจ้าของที่ดิน และจำเลยได้อาศัยอยู่เรื่อยมาเมื่อโจทก์ยังไม่เคยครอบครองที่ดินที่จำเลยใช้ปลูกบ้านนั้น จำเลยคงมีนิติสัมพันธ์กับเจ้าของที่ดินเท่านั้นโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
of 116