พบผลลัพธ์ทั้งหมด 679 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 671/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำเช็คของผู้เสียหายไปโดยเจตนาทุจริตเพื่อหลีกเลี่ยงหนี้สิน ถือเป็นความผิดฐานเอาไปเสีย
ผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้ทรงเช็ค ได้ส่งเช็คซึ่งกำหนดแล้วให้แก่จำเลยซึ่งเป็นผู้สั่งจ่ายเพื่อให้จำเลยออกเช็คให้ใหม่แทนเช็คฉบับนั้นเพราะธนาคารปฏิเทธการจ่ายว่ามีเงินไม่พอจ่าย จำเลยได้รับเช็คแล้วได้เอาเช้คนั้นหลบหนีไป และไม่ได้ออกเช็คให้ใหม่ ดังนี้ เป็นการเอาไปเสียซึ่งเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 188
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 671/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเอาเช็คของผู้อื่นไปโดยเจตนาทุจริตเพื่อหลีกเลี่ยงหนี้สิน ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 188
ผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้ทรงเช็คได้ส่งเช็คซึ่งถึงกำหนดแล้วให้แก่จำเลยซึ่งเป็นผู้สั่งจ่ายเพื่อให้จำเลยออกเช็คให้ใหม่แทนเช็คฉบับนั้นเพราะธนาคารปฏิเสธการจ่ายว่าเงินไม่พอจ่ายจำเลยได้รับเช็คแล้วได้เอาเช็คนั้นหลบหนีไปและไม่ได้ออกเช็คให้ใหม่ ดังนี้ เป็นการเอาไปเสียซึ่งเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 188
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 666/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดหลายกรรมต่างกัน: แสดงตัวเป็นเจ้าพนักงานตำรวจเท็จและปล้นทรัพย์ สิทธินำคดีมาฟ้องยังไม่ระงับ
จำเลยทั้งสองกับพวกเข้าล้อมผู้เสียหาย แล้วจำเลยที่ 1 บอกว่าอั๊วเป็นตำรวจพร้อมกับเอาบัตรประจำตัวแลบกระเป๋าเสื้อขอค้น ผู้เสียหายเชื่อจึงยอมให้ค้นจำเลยกับพวกค้นแล้วไม่ได้ของผิดกฎหมายจึงเอามีดออกขู่เอานาฬิกาข้อมือของผู้เสียหายไป ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองฐานปล้นทรัพย์ไปแล้ว โจทก์จึงฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ดังนี้การแสดงตัวเป็นเจ้าพนักงานและกระทำการเป็นเจ้าพนักงานตำรวจโดยมิได้เป็นเจ้าพนักงานที่มีอำนาจกระทำการนั้น จำเลยที่ 1 ได้กระทำไปครบองค์ความผิดเป็นการเสร็จเด็ดขาดอยู่ในตัวไปตอนหนึ่งแล้วเมื่อไม่ได้ของผิดกฎหมายจำเลยที่ 1 กับพวกจึงเอามีดออกขู่ทำการปล้นทรัพย์เป็นการเริ่มกรรมใหม่อีกกรรมหนึ่งถือว่าการกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 สิทธินำคดีมาฟ้องยังไม่ระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 666/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดหลายกรรมต่างกัน: แสดงตัวเป็นเจ้าพนักงานเท็จแล้วปล้นทรัพย์ ไม่ถือว่าสิทธินำคดีมาฟ้องระงับ
จำเลยทั้งสองกับพวกเข้าล้อมผู้เสียหาย แล้วจำเลยที่ 1 บอกว่า อั๊วเป็นตำรวจ พร้อมกับเอาบัตรประจำตัวแลบกระเป๋มเสื้อ ขอ คน ผู้เสียหายเชื่อจึงยอมให้ค้น จำเลยกับพวกค้นแล้วไม่ได้ของผิดกฎหมายจึงเอามีดออกขู่เอานาฬิกาข้อมือของผู้เสียหายไป ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองฐานปล้นทรัพย์ไปแล้ว โจทก์จึงฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ดังนี้ การแสดงตัวเป็นเจ้าพนักงานและกระทำการเป็นเจ้าพนักงานตำรวจโดยมิได้เป็นเจ้าพนักงานที่มีอำนาจกระทำการนั้น จำเลยที่ 1 ได้กระทำไปครบองค์ความผิดเป็นการเสร็จเด็ดขาดอยู่ในตัวไปตอนหนึ่งแล้ว เมื่อไม่ได้ของผิดกฎหมาย จำเลยที่ 1 กับพวกจึงเอามีดออกขู่ทำการปล้นทรัพย์ เป็นการเริ่มกรรมใหม่อีกกรรมหนึ่ง ถือว่าการกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 สิทธินำคดีมาฟ้องยังไม่ระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39(4)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 638/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าหน้าที่เรียกเก็บเงินเกินอัตราเพื่อประโยชน์ส่วนตัว เข้าข่ายปฏิบัติหน้าที่ทุจริต
จำเลยเป็นปลัดอำเภอ ได้รับคำสั่งจากนายอำเภอโดยชอบให้จัดทำตั๋วพิมพ์รูปพรรณสัตว์ให้ราษฎร ซึ่งก็ได้จัดทำให้โดยชอบด้วยตำแหน่งหน้าที่ แต่ทำชอบไม่ตลอดโดยในระหว่างนั้นได้เรียกเงินเกินอัตราที่กำหนดไว้ตามกฎหมายจากราษฎรที่นำโคกระบือมาทำตั๋วพิมพ์รูปพรรณเพื่อประโยชน์ตนเสียโดยไม่ปรากฏว่าได้ข่มขืนใจหรือจูงใจราษฎรเหล่านั้นแต่อย่างใด ทั้งไม่ปรากฏว่าเป็นการเรียกเงินเพื่อกระทำการไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง เช่นนี้ ไม่เป็นความผิดตามมาตรา 148 และมาตรา 149 แต่ผิดตามมาตรา 157
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 638/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าหน้าที่เรียกเก็บเงินเกินอัตราเพื่อประโยชน์ส่วนตัว เข้าข่ายปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
จำเลยเป็นปลัดอำเภอ ได้รับคำสั่งจากนายอำเภอโดยชอบให้จัดทำตั๋วพิมพ์รูปพรรณสัตว์ให้ราษฎร ซึ่งก็ได้จัดทำให้โดยชอบด้วยตำแหน่งหน้าที่ แต่ทำชอบไม่ตลอดโดยในระหว่างนั้นได้เรียกเงินเกินอัตราที่กำหนดไว้ตามกฎหมายจากราษฎรที่นำโคกระบือมาทำตั๋วพิมพ์รูปพรรณเพื่อประโยชน์ตนเสีย โดยไม่ปรากฏว่าได้ข่มขืนใจหรือจูใจราษฎรเหล่านั้นแต่อย่างใด ทั้งไม่ปราฏกว่าเป็นการเรียกเงินเพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง เช่นนี้ ไม่เป็นความผิดตามมาตรา 148 และมาตรา 149 แต่ผิดตามมาตรา 157
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 627/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความที่มีเงื่อนไข หากไม่ปฏิบัติตาม สัญญาต่างตอบแทนเป็นโมฆะ ผู้ยกทรัพย์สินมีสิทธิเรียกคืน
สัญญาประนีประนอมยอมความที่ทำต่อหน้าศาลว่าโจทก์ยอมยกที่ดินให้จำเลยเป็นเจ้าของครอบครองทำกินและเลี้ยงดูโจทก์ถ้าไม่เลี้ยงดูจำเลยยอมคืนที่ดินให้โจทก์นั้นเป็นสัญญาที่ก่อให้เกิดหนี้โดยมีเงื่อนไขและเป็นสัญญาต่างตอบแทนฉะนั้น เมื่อจำเลยนำที่ดินที่ได้รับยกให้ซึ่งโจทก์ปลูกบ้านอยู่ไปขายฝากผู้อื่นจนหลุดเป็นสิทธิแล้วย่อมถือว่าเป็นสภาพการณ์ที่แสดงในตัวว่า จำเลยไม่เลี้ยงดูโจทก์และผิดตามสัญญาดังกล่าว โจทก์มีสิทธิฟ้องเรียกที่ดินคืนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 627/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความที่มีเงื่อนไข การผิดสัญญาและสิทธิในการเรียกคืนทรัพย์สิน
สัญญาประนีประนอมยอมความที่ทำต่อหน้าศาลว่าโจทก์ยอมยกที่ดินให้จำเลยเป็นเจ้าของครอบครองทำกินและเลี้ยงดูโจทก์ ถ้าไม่เลี้ยงดูจำเลยยอมคืนที่ดินให้โจทก์นั้น เป็นสัญญาที่ก่อให้เกิดหนี้โดยมีเงื่อนไขและเป็นสัญญาต่างตอบแทน ฉะนั้น เมื่อจำเลยนำที่พินที่ได้รับยกให้ซึ่งโจทก์ปลูกบ้านอยู่ไปขายฝากผู้อื่นจนหลุดเป็นสิทธิแล้ว ย่อมถือว่าเป็นสภาพการณ์ที่แสดงในตัวว่าจำเลยไม่เลี้ยงดูโจทก์และผิดตามสัญญาดังกล่าว โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องเรียกที่ดินคืนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 625/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตความรับผิดของผู้เช่า: ข้อตกลงในสัญญาเช่าต้องสอดคล้องกับบทบัญญัติกฎหมาย
ข้อความในสัญญาเช่าที่ว่าผู้เช่ารับรองจะระวังรักษาทรัพย์ที่เช่าและซ่อมแซมทรัพย์ที่เช่าด้วยค่าใช้จ่ายของผู้เช่าเอง ให้อยู่ในสภาพที่ดีใช้การได้เสมอนั้นไม่มีความหมายจะให้ผู้เช่าต้องรับผิดนอกเหนือไปจากที่กฎหมายได้กำหนดไว้ เพราะในสัญญามิได้มีข้อความชัดเจนว่าให้ผู้เช่าต้องรับผิดในทุกกรณีไปฉะนั้น ผู้เช่าจะต้องรับผิดก็แต่ในกรณีที่เป็นความผิดของตนตามที่กฎหมายบัญญัติไว้เท่านั้น
(อ้างฎีกาที่ 565/2497)
(อ้างฎีกาที่ 565/2497)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 625/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตความรับผิดของผู้เช่า: การซ่อมแซมทรัพย์สินที่เช่า และความรับผิดตามสัญญา
ข้อความในสัญญาเช่าที่ว่า ผู้เช่ารับรองจะระวังรักษาทรัพย์ที่เช่าและซ่อมแซมทรัพย์ที่เช่าด้วยค่าใช้จ่ายของผู้เช่าเอง ให้อยู่ในสภาพที่ดีใช้การได้เสมอนั้น ไม่มีความหมายจะให้ผู้เช่าต้องรับผิดนอกเหนือไปจากที่กฎหมายได้กำหนดไว้ เพราะในสัญญามิได้มีข้อความชัดเจนว่า ให้ผู้เช่าต้องรับผิดในทุกกรณีไป ฉะนั้นผู้เช่าจะต้องรับผิดก็แต่ในกรณีที่เป็นความผิดของตนตามที่กฎหมายบัญญัติไว้เท่านั้น
(อ้างฎีกาที่ 565/2497)
(อ้างฎีกาที่ 565/2497)