พบผลลัพธ์ทั้งหมด 424 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1155/2505
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            อำนาจจับกุมโดยไม่มีหมายจับ: เหตุอันควรสงสัยว่ากระทำผิดและจะหลบหนี
                        
                        จำเลยต้องหาเรื่องทำร้ายร่างกายและต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานจนได้มีคำสั่งจับของผู้ว่าราชการจังหวัดแล้ว  ครั้นเจ้าพนักงานพบจำเลยขี่รถจักรยานจึงได้จับจำเลย  เช่นนี้แม้จะไม่มีหมายจับ  ก็ย่อมจับจำเลยได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 78(3) คือ จับโดยมีเหตุอันควรสงสัยว่าจำเลยได้กระทำความผิดมาแล้วและจะหลบหนี
นายร้อยตำรวจตรีผู้จับได้เข้าจับรถจักรยานที่จำเลยขี่อยู่ไว้ แล้วแจ้งข้อหาให้ทราบและว่าจำเลยอยู่ในระหว่างควบคุมตัวแล้ว ขอให้ไปที่สถานีตำรวจ ดังนี้ ถือได้ว่าเป็นการจับจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 83 แล้ว
                                    นายร้อยตำรวจตรีผู้จับได้เข้าจับรถจักรยานที่จำเลยขี่อยู่ไว้ แล้วแจ้งข้อหาให้ทราบและว่าจำเลยอยู่ในระหว่างควบคุมตัวแล้ว ขอให้ไปที่สถานีตำรวจ ดังนี้ ถือได้ว่าเป็นการจับจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 83 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1143/2505
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การบังคับไถ่ถอนการขายฝาก: ศาลตีราคาที่ดินเพื่อคำนวณค่าขึ้นศาลหลังคำพิพากษา
                        
                        โจทก์ฟ้องขอให้บังคับให้จำเลยรับไถ่ถอนการขายฝากที่ดิน ซึ่งโจทก์ขายฝากไว้กับจำเลยเป็นเงิน 5,000 บาท โดยเสียค่าขึ้นศาลในราคา 5,000 บาท  ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องยืนกันมา  โจทก์ฎีกาและยื่นคำร้องขอเสียค่าธรรมเนียมในอัตราทุนทรัพย์ 5,300 บาท ตามที่จำเลยให้การว่ารับซื้อฝากไว้ในราคานี้  ศาลชั้นต้นสั่งให้ตีราคาที่ดินแล้วให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาลโดยคำนวณจากราคาที่ดิน 21,105 บาท ที่คู่ความตีราคาได้  เมื่อโจทก์เสียค่าขึ้นศาลตามคำสั่งศาลแล้ว โจทก์ก็ฎีกาในข้อเท็จจริงได้
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1143/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การกำหนดทุนทรัพย์ในคดีซื้อขายฝากและการมีสิทธิฎีกาเมื่อมีการตีราคาที่ดินใหม่
                        
                        โจทก์ฟ้องขอให้บังคับให้จำเลยไถ่ถอนการขายฝากที่ดินซึ่งโจทก์ขายฝากไว้กับจำเลยเป็นเงิน 5,000 บาท  และเสียค่าขึ้นศาลโดยคำนวณจากราคาขายฝากนี้  ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง  โจทก์อุทธรณ์ก็เสียค่าขึ้นศาลมาเท่าเดิมอีก  ครั้นศาลอุทธรณ์พิพากษายืน  โจทก์ฎีกาและยื่นคำร้องขอเสียค่าธรรมเนียมในอัตราทุนทรัพย์ 5,300 บาท  ตามที่จำเลยให้การว่ารับซื้อฝากไว้ในราคานี้  ศาลชั้นต้นสั่งให้ตีราคาที่ดินแล้วให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาล  โดยคำนวณจากราคาที่ดิน 21,105 บาท  ที่คู่ความตีราคาได้  และเมื่อโจทก์เสียค่าขึ้นศาลตามคำสั่งศาลแล้ว  โจทก์ฎีกาในข้อเท็จจริงได้
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1082/2505
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การเพิกถอนนิติกรรมโอนทรัพย์เพื่อหลีกเลี่ยงเจ้าหนี้ในชั้นบังคับคดี และอำนาจศาลในการสั่งค่าทนาย
                        
                        ในกรณีที่มีผู้ยื่นคำร้องขัดทรัพย์ว่า  ทรัพย์ที่โจทก์ยึดเป็นของผู้ร้องโดยจำเลยยกให้นั้น  โจทก์ย่อมขอให้ศาลเพิกถอนนิติกรรมการโอนระหว่างผู้ร้องและจำเลยได้  โดยไม่จำต้องไปฟ้องขอให้ทำลายการโอนหรือเพิกถอนการฉ้อฉลประการใดก่อน
ค่าฤชาธรรมเนียมย่อมรวมถึงค่าทนายซึ่งแม้คู่ความจะมิได้ขอขึ้นมา ศาลก็มีอำนาจใช้ดุลพินิจสั่งได้ ไม่ถือว่าเป็นการพิพากษาเกินคำขอ
                                    ค่าฤชาธรรมเนียมย่อมรวมถึงค่าทนายซึ่งแม้คู่ความจะมิได้ขอขึ้นมา ศาลก็มีอำนาจใช้ดุลพินิจสั่งได้ ไม่ถือว่าเป็นการพิพากษาเกินคำขอ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1080/2505
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การพิมพ์ลายนิ้วมือทับรอยเดิมในพินัยกรรม ไม่ถือเป็นการแก้ไขเปลี่ยนแปลง
                        
                        ผู้ทำพินัยกรรม (เจ้ามรดก) ได้พิมพ์ลายนิ้วมือทับรอยพิมพ์นิ้วมือที่ลงไว้ไม่ชัดอีกครั้งหนึ่ง  แม้ลายพิมพ์นิ้วมือนี้จะเลอะเลือนจนดูไม่ชัด ก็ไม่กลายเป็นแกงได  และการกระทำเช่นนี้หาเป็นการขูดลบตกเติมแก้ไขเปลี่ยนแปลงพินัยกรรมไม่
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1065/2505
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การยอมรับคำสั่งศาลแล้ว ห้ามเรียกร้องสิทธิใหม่
                        
                        การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอเฉลี่ยหนี้เงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์ของลูกหนี้ตามคำพิพากษาอย่างเจ้าหนี้ธรรมดาจนศาลมีคำสั่งอนุญาตโดยผู้ร้องไม่ได้โต้แย้งหรืออุทธรณ์นั้น  ต้องถือว่าคำสั่งศาลยุติถึงที่สุดแล้วผู้ร้องจะมาร้องใหม่ว่า เป็นเจ้าหนี้บุริมสิทธิพิเศษขอให้ได้รับชำระหนี้อีกไม่ได้
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 961/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            จำนำเรือยนต์เป็นประกันหนี้ การบังคับคดีและการได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้อื่น
                        
                        จำเลยกู้เงินผู้ร้องไปโดยนำเรือยนต์(ขนาด 3 ตัน) มามอบให้ผู้ร้องยึดถือไว้เป็นประกันการชำระหนี้ แล้วไม่มีเรือใช้ จึงเช่าเรือไปจากผู้ร้อง ต้องถือว่าจำเลยครอบครองเรือแทนผู้ร้องในฐานะเป็นผู้เช่า ย่อมเป็นการจำนำตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 747
คำร้องบรรยายไว้แล้วว่า จำเลยได้มอบเรือยนต์ให้ผู้ร้องยึดถือเพื่อเป็นประกันการชำระหนี้ผู้ร้อง ถือว่าผู้ร้องอ้างสิทธิจำนำแล้ว
สิทธิของผู้ร้องผู้รับจำนำจะเรียกว่าบุริมสิทธิดังที่ผู้ร้องเรียกในคำร้องหรือไม่ก็ตาม เมื่อเห็นความมุ่งหมายของผู้ร้องได้ว่าประสงค์จะขอรับชำระหนี้ของตนให้ครบถ้วนก่อนเจ้าหนี้อื่น และคำขอนี้ก็มีมาตรา 758 สนับสนุนอยู่แล้ว ศาลก็ย่อมมีคำสั่งให้ผู้ร้องได้รับชำระหนี้จากเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์ที่จำนำนี้ก่อนเจ้าหนี้อื่นได้.
                                    คำร้องบรรยายไว้แล้วว่า จำเลยได้มอบเรือยนต์ให้ผู้ร้องยึดถือเพื่อเป็นประกันการชำระหนี้ผู้ร้อง ถือว่าผู้ร้องอ้างสิทธิจำนำแล้ว
สิทธิของผู้ร้องผู้รับจำนำจะเรียกว่าบุริมสิทธิดังที่ผู้ร้องเรียกในคำร้องหรือไม่ก็ตาม เมื่อเห็นความมุ่งหมายของผู้ร้องได้ว่าประสงค์จะขอรับชำระหนี้ของตนให้ครบถ้วนก่อนเจ้าหนี้อื่น และคำขอนี้ก็มีมาตรา 758 สนับสนุนอยู่แล้ว ศาลก็ย่อมมีคำสั่งให้ผู้ร้องได้รับชำระหนี้จากเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์ที่จำนำนี้ก่อนเจ้าหนี้อื่นได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 961/2505
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การเช่าเรือเพื่อชำระหนี้ถือเป็นการจำนำตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
                        
                        จำเลยกู้เงินผู้ร้องไปโดยนำเรือยนต์(ขนาด 3 ตัน)มามอบให้ผู้ร้องยึดถือไว้เป็นประกันการชำระหนี้ แล้วไม่มีเรือใช้จึงขอเช่าเรือไปจากผู้ร้องต้องถือว่าจำเลยครอบครองเรือแทนผู้ร้องในฐานะเป็นผู้เช่าย่อมเป็นการจำนำตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 747
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 797/2505
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การเผาขยะลุกลาม: ฟ้องผิดฐานประมาทต้องอาศัยการบรรยายในฟ้อง
                        
                        ฟ้องว่าจำเลยเผาขยะและใบไม้กิ่งไม้แห้งในสวนยาง ในลักษณะอันน่าจะเกิดอันตรายแก่ทรัพย์ของผู้อื่นขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 220 โดยมิได้บรรยายเรื่องประมาทมาด้วยเมื่อศาลฟังข้อเท็จจริงว่าเป็นการเผาที่ไม่น่าจะเกิดอันตรายแก่ทรัพย์ผู้อื่นหากแต่เป็นการประมาทปราศจากการระมัดระวังเพลิงจึงลุกลามเข้าไปในสวนของผู้อื่น เช่นนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา192 จะลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 225 ไม่ได้(อ้างฎีกาที่ 546/2498) (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 19/2505)
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 797/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การฟ้องอาญามาตรา 220 ต้องพิสูจน์เจตนาหรือประมาทเลินเล่อ หากพิสูจน์ได้แต่ประมาท แต่ไม่ได้ฟ้องฐานประมาท จึงลงโทษไม่ได้
                        
                        ฟ้องว่าจำเลยเผาขยะและใบไม้กิ่งไม้แห้งในสวนยาง ในลักษณะอันน่าจะเกิดอันตรายแก่ทรัพย์ของผู้อื่น ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 220 โดยมิได้บรรยายเรื่องประมาทมาด้วย เมื่อศาลฟังข้อเท็จจริงว่าเป็นการเผาที่ไม่น่าจะเกิดอันตรายแก่ทรัพย์ผู้อื่น หากแต่เป็นการประมาทปราศจากการระมัดระวังเพลิงจึงลุกลามเข้าไปในสวนของผู้อื่น เช่นนี้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 192 จะลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 225 ไม่ได้.