พบผลลัพธ์ทั้งหมด 471 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 482/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้ครอบครองทรัพย์มีอำนาจฟ้องคดีบุกรุกทำลายทรัพย์สินได้ แม้ไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์
ผู้เสียหายในความผิดฐานบุกรุกทำให้เสียทรัพย์ ไม่จำต้องเป็นเจ้าของ กรรมสิทธิ์ในทรัพย์นั้น ผู้ครอบครองดูแลรักษาทรัพย์ก็เป็นผู้เสียหายมีอำนาจ ฟ้องคดีได้
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้บทที่ศาลชั้นต้นวางโทษ จำคุกไม่เกิน 1 ปี แต่ไม่แก้กำหนดโทษ โจทก์จำเลยฎีกาข้อเท็จจริงไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา219
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้บทที่ศาลชั้นต้นวางโทษ จำคุกไม่เกิน 1 ปี แต่ไม่แก้กำหนดโทษ โจทก์จำเลยฎีกาข้อเท็จจริงไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา219
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 452/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรอการลงโทษซ้ำ และการบวกโทษคดีเก่า – ศาลมีอำนาจใช้ดุลพินิจรอการลงโทษได้ แม้เคยรอการลงโทษไปแล้ว
จำเลยเคยถูกศาลพิพากษาลงโทษจำคุก 1 เดือน ปรับ 500บาท โทษจำคุกให้รอไว้ 1 ปี ภายในระยะเวลาที่ศาลรอการลงโทษไว้นั้น จำเลยกระทำผิดคดีนี้อีก ศาลพิพากษาลงโทษจำคุก 3 เดือน ปรับ 1,000 บาท โทษจำคุกให้รอไว้มีกำหนด 1 ปี การที่ศาลกำหนดโทษจำคุกแต่ให้รอการลงโทษไว้ในคดีก่อน ก็เท่ากับว่าจำเลยยังมิได้รับโทษจำคุกมาก่อน ศาลย่อมมีอำนาจใช้ดุลพินิจรอการลงโทษในคดีนี้ได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 การบวกโทษที่รอไว้ในคดีก่อนเข้ากับโทษในคดีหลังตามมาตรา 58 ใช้เฉพาะกรณีที่ศาลพิพากษาลงโทษจำคุกในคดีหลังเท่านั้น หาใช่เป็นบทบังคับว่า ถ้าจำเลยทำความผิดขึ้นอีกภายในเวลาที่ศาลรอการลงโทษ จะต้องลงโทษจำคุกในคดีหลังเสมอไปเพื่อบวกโทษที่รอไว้ดังฎีกาของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 436/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร แม้ผู้เสียหายสมัครใจไปด้วยก็เป็นความผิด
จำเลยกับพวกพาผู้เสียหายอายุ 14 ปี ไปจากบิดาและพักค้างคืนตามโรงแรมในสถานที่ต่าง ๆ หลายคืนติดต่อกัน บางคืนจำเลยที่ 1 ก็พักห้องเดียวกับผู้เสียหายและได้กระทำชำเราผู้เสียหายด้วยนั้น ถือได้ว่าจำเลยร่วมกับพวกพรากผู้เสียหายไปเสียจากบิดาเพื่อการอนาจาร แม้ผู้เสียหายจะเต็มใจไปด้วยก็ไม่พ้นผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 436/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร แม้ผู้เสียหายสมัครใจไปด้วย ก็ไม่พ้นผิดตามกฎหมาย
จำเลยกับพวกพาผู้เสียหายอายุ 14 ปี ไปจากบิดาและพัก ค้างคืนตามโรงแรมและในสถานที่ต่าง ๆ หลายคืนติดต่อกัน บางคืนจำเลยที่ 1 ก็พักห้องเดียวกับผู้เสียหายและได้กระทำชำเราผู้เสียหายด้วยนั้นถือได้ว่าจำเลยร่วมกับพวกพรากผู้เสียหายไปเสียจากบิดาเพื่อการอนาจาร แม้ผู้เสียหายจะเต็มใจไปด้วยก็ไม่พ้นผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 415/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานตำรวจตั้งด่านตรวจนอกเหนือหน้าที่ ไม่ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
ตามฟ้องว่า จำเลยเป็นตำรวจตั้งด่านตรวจรถ การกระทำเช่นนี้ไม่ใช่หน้าที่ของจำเลย เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทำให้เสียหายแก่ผู้ขับขี่รถ การกระทำตามฟ้องดังนี้เป็นการกระทำนอกหน้าที่ ไม่เป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 407/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหมิ่นประมาทผ่านสื่อ: การลงข่าวเรื่องเช็คไม่มีเงินกระทบต่อชื่อเสียงของนายกเทศมนตรี
จำเลยลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์มีข้อความสำคัญว่าโจทก์จ่ายเช็คจำนวน 1 ล้านบาทให้แก่ธนาคาร ถึงกำหนดปรากฏว่าเช็คไม่มีเงิน ธนาคารแจ้งตำรวจขอให้จับโจทก์ดำเนินคดี ตามข้อความดังกล่าวย่อมเป็นที่เข้าใจว่าโจทก์มีฐานะการเงินไม่ดีไม่น่าเชื่อถือการลงข่าวของจำเลยจึงเป็นการหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีและประกอบการค้าโดยประการที่น่าจะทำให้โจทก์ เสียชื่อเสียง ทั้งเรื่องที่โจทก์จ่ายเช็คไม่มีเงินและถูกธนาคารแจ้งความเป็นเรื่องส่วนตัวของโจทก์ ไม่เกี่ยวกับหน้าที่การงานของโจทก์ในตำแหน่งนายกเทศมนตรีอันจะถือได้ว่าเป็นประโยชน์แก่ประชาชน จำเลยจะอ้างว่าข่าวนั้นเป็นความจริงเพื่อมิให้ต้องรับผิดหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 407/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหมิ่นประมาทด้วยการลงข่าวเช็คไม่มีเงิน แม้เป็นเรื่องส่วนตัวแต่ทำให้เสียชื่อเสียง
จำเลยลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์มีข้อความสำคัญว่าโจทก์จ่ายเช็คจำนวน 1 ล้านบาทให้แก่ธนาคาร ถึงกำหนดปรากฏว่าเช็คไม่มีเงินธนาคารแจ้งตำรวจขอให้จับโจทก์ดำเนินคดี ตามข้อความดังกล่าวย่อมเป็นที่เข้าใจว่าโจทก์มีฐานะการเงินไม่ดีไม่น่าเชื่อถือ การลงข่าวของจำเลยจึงเป็นการหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีและประกอบการค้าโดยประการที่น่าจะทำให้โจทก์เสียชื่อเสียงทั้งเรื่องที่โจทก์จ่ายเช็คไม่มีเงินและถูกธนาคารแจ้งความเป็นเรื่องส่วนตัวของโจทก์ ไม่เกี่ยวกับหน้าที่การงานของโจทก์ในตำแหน่งนายกเทศมนตรีอันจะถือได้ว่าเป็นประโยชน์แก่ประชาชนจำเลยจะอ้างว่าข่าวนั้นเป็นความจริงเพื่อมิให้ต้องรับผิดหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 380/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความที่ไม่ตกเป็นโมฆียะ แม้ทำสัญญาเนื่องจากเกรงกลัวถูกฟ้องร้อง
ทำสัญญาประนีประนอมยอมความเพราะเกรงว่าจะถูกฟ้องเสียชื่อเสียงขาดความไว้วางใจ เป็นการเนื่องมาจากการใช้สิทธิฟ้องคดีต่อศาลยุติธรรมตามปกติ ไม่เป็นโมฆียะ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 343/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวแทนเชิด: ความรับผิดของโรงแรมต่อการยักยอกเช็คของลูกจ้าง
จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างทำงานในโรงแรมที่จำเลยที่ 2 และที่ 7 เป็นหุ้นส่วน โรงแรมดังกล่าวมีบริการผู้มาพักโดยรับฝากเช็คจากผู้มาพักแล้วนำไปซื้อดราฟท์ส่งให้ผู้ทรงเช็คที่อยู่ในกรุงเทพมหานคร ในการนี้ จำเลยที่ 2 ที่ 7 ยอมให้จำเลยที่ 1 เป็นผู้รับฝากเช็คของผู้มาพักโดยออกใบรับเช็คให้ ตามพฤติการณ์ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนเชิดของจำเลยที่ 2 ที่ 7 เมื่อปรากฏว่าเช็คของโจทก์ที่จำเลยที่ 1 รับฝากไว้เกิดสูญหายไป ทำให้โจทก์สูญเสียเงินตามเช็คเพราะธนาคารจ่ายเงินตามเช็คให้ผู้อื่นไป จำเลยที่ 2 ที่ 7 จะยกข้ออ้างว่า ตนให้อำนาจจำเลยที่ 1 รับฝากเช็คได้ไม่ถึงจำนวนเงินตามเช็คของโจทก์ขึ้นโต้เถียงกับโจทก์หาได้ไม่ จำเลยที่ 2 ที่ 7 ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายเท่ากับจำนวนเงินตามเช็คที่รับฝากไว้นั้นแก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 324/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้าราชการตำแหน่งสมุห์บัญชีมีอำนาจตรวจสอบภาษีอากร แม้ไม่รายงานอนุมัติสรรพากรจังหวัด การขู่เข็ญเรียกเงินจากผู้เสียภาษีถือเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ
จำเลยเป็นข้าราชการมีตำแหน่งเป็นสมุห์บัญชี ตามประมวลรัษฎากรมาตรา 2 คำว่า "อำเภอ" หมายความว่านายอำเภอหรือสมุห์บัญชีอำเภอและหมายความรวมถึงผู้ทำการแทนจำเลยมีอำนาจหน้าที่ตามประมวลรัษฎากร อธิบดีกรมสรรพากรมีคำสั่งให้สมุห์บัญชีอำเภอมีอำนาจทำการตรวจสอบภาษีอากร โดยให้รายงานขออนุมัติสรรพากรจังหวัดก่อนทำการตรวจสอบฉะนั้น จำเลยจึงมีอำนาจในการตรวจสอบภาษีอากรโดยอาศัยคำสั่งอธิบดีกรมสรรพากรประกอบกับประมวลรัษฎากร การรายงานขออนุมัติเป็นเพียงระเบียบปฏิบัติภายใน การที่จำเลยไม่รายงานขออนุมัติหาใช่ว่าจำเลยจะไม่มีอำนาจตรวจสอบภาษีอากรไม่ การที่จำเลยไปเรียกตรวจสอบบัญชีภาษีเงินได้และภาษีการค้าจากผู้เสียหาย เมื่อผู้เสียหายมิได้จัดทำบัญชีไว้ จำเลยก็ขู่เข็ญข่มขืนใจเรียกเอาเงินจากผู้เสียหาย ดังนี้ ถือได้ว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148