คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
กฎหมายลักษณะอาญา ม. 256

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 115 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1088/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษฐานทำร้ายร่างกาย แม้ข้อกล่าวหาในฟ้องระบุบาดเจ็บสาหัส แต่พิจารณาพบไม่ถึงสาหัส ศาลลงโทษตามมาตราที่อัตราโทษเบากว่าได้
คดีที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำร้ายร่างกาย ผู้เสียหายบาดเจ็บสาหัสตามมาตรา 256 แม้ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยทำร้ายไม่ถึงสาหัสก็ตาม ก็ไม่ถือว่าข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาต่างกับที่กล่าวในฟ้อง ลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายตามมาตรา 254 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 509/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สำคัญผิดในข้อเท็จจริง ยิงขู่เพื่อป้องกันตัว ไม่เจตนาฆ่าหรือทำร้าย
แม้จำเลยจะคิดว่าพลตำรวจม้วนเป็นคนร้ายงัดห้องแต่จำเลยก็มิได้เจตนาจะยิงคนร้ายจำเลยเพียงแต่ยิงเพื่อขู่โดยไม่เห็นตัวและได้ยิงลงต่ำ ไม่ประสงค์ให้ถูกใครหากแต่เผอิญกระสุนไปถูกไม้คร่าวจึงแฉลบไปถูกพลตำรวจม้วนเข้าถือว่า จำเลยไม่มีเจตนาฆ่าหรือแม้แต่เจตนาจะทำร้ายพลตำรวจม้วนเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 509/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สำคัญผิดในข้อเท็จจริงและเจตนาทางอาญา: การยิงเพื่อขู่ ไม่ใช่เจตนาทำร้าย
แม้จำเลยจะคิดว่าพลตำรวจม้วนเป็นคนร้ายงัดห้อง แต่จำเลยก็มิได้เจตนาจะยิงคนร้าย จำเลยเพียงแต่ยิงประตูเพื่อขู่โดยไม่เห็นตัวและได้ยิงลงต่ำ ไม่ประสงค์ให้ถูกใคร หากแต่เผอิญกระสุนไปถูกไม้คร่าวจึงแฉลบไปผูกพลตำรวจม้วนเข้า ถือว่าจำเลยไม่มีเจตนาฆ่าหรือแม้แต่เจตนาจะทำร้ายพลตำรวจม้วนเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 572/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการอุทธรณ์/ฎีกาขอไม่ให้รอการลงโทษจำกัดเฉพาะผู้เสียหายจากการกระทำโดยตรง
เมื่อศาลล่างฟังข้อเท็จจริงว่าการทำร้ายเกิดจากการวิวาทต่อสู้โจทก์ร่วมจึงไม่ใช่ผู้เสียหายดังนั้นจะอุทธรณ์หรือฎีกาขอไม่ให้รอการลงอาญาจำเลยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 572/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวิวาททำร้ายร่างกาย: สิทธิการอุทธรณ์/ฎีกาเพื่อไม่ให้รอการลงอาญาจำกัดเฉพาะผู้เสียหายโดยตรง
เมื่อศาลล่างฟังข้อเท็จจริงว่าการทำร้ายเกิดจากการวิวาทต่อสู้โจทก์ร่วมจึงไม่ใช่ผู้เสียหาย ดังนั้นจะอุทธรณ์หรือฎีกาขอไม่ให้รอการลงอาญาจำเลยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1945/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากความหึงหวง การยิงในระยะใกล้ถือเป็นหลักฐานสำคัญ
จำเลยกับผู้เสียหายต่างรักใคร่กับหญิงคนรักคน ๆ เดียวกัน คนรักถูกผู้ปกครองต่อว่าเสียใจวิ่งขึ้นบนห้อง จำเลยตามขึ้นไปผู้เสียตามขึ้นไปภายหลัง ถามจำเลยว่ามึงมาใหญ่โตที่นี่หรือ จำเลยยกมือไหว้ว่ามีอะไรสั่งสอนผม ๆ นับถือพี่พงษ์ (ผู้เสียหาย) แล้วจำเลยกับผู้เสียหายใช้มือผลักกันไปมาคนรักหนีเข้าห้อง จำเลยวิ่งหนีไปอีกห้องติด ๆ กัน ผู้เสียหายตามเข้าไปกอดคนรักและพูดว่า "พี่อยู่ทั้งคนไม่ต้องกลัว" ทันใดจำเลยอยู่หน้าประตูห้องคนรักก็ยิงผู้เสียหาย ดังนี้การกระทำของผู้เสียหายหาใช่เป็นการข่มเหงไม่และไม่ใช่เป็นการชวนวิวาทเพราะ เมื่อจำเลยหนีเข้าไปในห้องอีกห้องหนึ่ง ผู้เสียหายไม่ได้ติดตามเข้าไปหรือพูดอะไรกับจำเลยอีก ผู้เสียหายพูดว่าจำเลยในฐานเป็นผู้ใหญ่กว่า การผลักกันไปมานั้นก็ไม่หมายความว่าผู้เสียหายผลักจำเลยเป็นการชวนทำร้าย
อาวุธปืนเป็นของร้ายแรง แผลที่จำเลยยิงก็อยู่ใกล้อวัยวะส่วนสำคัญของร่างกาย จำเลยยิงในระยะใกล้ ๆ 1 วาเศษ อย่างน้อย 2 นัด และยิงเพราะความหึงหวงที่ผู้เสียหายกอดหญิงที่ตนรักใคร่ จึงส่อให้เห็นว่า จำเลยมีเจตนาฆ่าตาม ม.249 ไม่ใช่ 256.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1945/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการยิงใกล้ชิดและความหึงหวง ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าการกระทำแสดงเจตนาฆ่า
จำเลยกับผู้เสียหายต่างรักใคร่กับหญิงคนรักคนๆ เดียวกันคนรักถูกผู้ปกครองต่อว่าเสียใจวิ่งขึ้นบนห้อง จำเลยตามขึ้นไป ผู้เสียหายตามขึ้นไปภายหลัง ถามจำเลยว่ามึงมาใหญ่โตที่นี่หรือ จำเลยยกมือไหว้ว่ามีอะไรสั่งสอนผมผมนับถือพี่พงษ์(ผู้เสียหาย)แล้วจำเลยกับผู้เสียหายใช้มือผลักกันไปมา คนรักหนีเข้าห้อง จำเลยวิ่งหนีไปอีกห้องติดๆกัน ผู้เสียหายตามเข้าไปกอดคนรักและพูดว่า"พี่อยู่ทั้งคนไม่ต้องกลัว" ทันใดจำเลยอยู่หน้าประตูห้องคนรักก็ยิงผู้เสียหาย ดังนี้การกระทำของผู้เสียหายหาใช่เป็นการข่มเหงไม่ และไม่ใช่เป็นการชวนวิวาทเพราะเมื่อจำเลยหนีเข้าไปในห้องอีกห้องหนึ่ง ผู้เสียหายไม่ได้ติดตามเข้าไปหรือพูดอะไรกับจำเลยอีก ผู้เสียหายพูดว่าจำเลยในฐานเป็นผู้ใหญ่กว่า การผลักกันไปมานั้นก็ไม่หมายความว่าผู้เสียหายผลักจำเลยเป็นการชวนทำร้าย
อาวุธปืนเป็นของร้ายแรง แผลที่จำเลยยิงก็อยู่ใกล้อวัยวะส่วนสำคัญของร่างกาย จำเลยยิงในระยะใกล้ๆ 1 วาเศษ อย่างน้อย 2 นัด และยิงเพราะความหึงหวงที่ผู้เสียหายกอดหญิงที่ตนรักใคร่ จึงส่อให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าตาม มาตรา 249 ไม่ใช่ 256

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1381/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสมคบทำร้ายร่างกาย: ความรับผิดของจำเลยที่ไม่รู้เห็นการกระทำ
จำเลยสามคนไล่ทำร้ายบุคคลสองคน บุคคลทั้งสองนั้นวิ่งหนีไปที่เรือนผู้เสียหาย ผู้เสียหายช่วยป้องกันคนทั้งสองโดยสอดมือออกมาจะขัดประตูเรือน จำเลยคนหนึ่งใช้ดาบฟันมือผู้เสียหายจนนิ้วขาด ดั่งนี้ เป็นเรื่องนอกความมุ่งหมายหรือเจตนาของจำเลยอีก 2 คนคดีจึงไม่พอฟังว่าจำเลยอีก 2 คนนั้นสมคบในการทำร้ายร่างกายผู้เสียหายด้วย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1381/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสมคบทำร้ายร่างกาย: การกระทำเกินเลยเจตนาเดิมของกลุ่ม
จำเลยสามคนไล่ทำร้ายบุคคลสองคน บุคคลทั้งสองนั้นวิ่งหนีไปที่เรือนผู้เสียหาย ผู้เสียหายช่วยป้องกันคนทั้งสอง โดยสอดมือออกมาจะขัดประตูเรือน จำเลยคนหนึ่งใช้ดาบฟันมือผู้เสียหายจนนิ้วขาด ดั่งนี้ เป็นเรื่องนอกความมุ่งหมายหรือเจตนาของจำเลยอีก 2 คน คดีจึงไม่พอฟังว่าจำเลยอีก 2 คนนั้นสมคบในการทำร้ายร่างกายผู้เสียหายด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1292/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หลักการใช้กฎหมายอาญาที่แตกต่างกันตามช่วงเวลา และการเลือกใช้กฎหมายที่เป็นคุณแก่จำเลย
การใช้กฎหมายส่วนที่เป็นคุณแก่จำเลยตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 3 นั้น ต้องพิจารณาทั้งโทษสูงและโทษต่ำ เช่น ถ้าจะลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัสถ้าจะลงโทษจำคุกเกิน 7 ปี ซึ่งจะลงได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 เช่นนี้ ต้องใช้ มาตรา 256 เพราะลงโทษจำคุกได้ไม่เกิน 7 ปี แต่ถ้าจะลงโทษต่ำกว่า 2 ปีลงมา (ถึง 6 เดือน) ต้องใช้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297เพราะบัญญัติให้ทำได้
แต่ถ้าการวางโทษอยู่ในระดับที่ใช้กฎหมายลักษณะอาญาก็ได้หรือใช้ประมวลกฎหมายอาญาก็ได้ เช่นนี้ควรใช้กฎหมายลักษณะอาญา อันเป็นกฎหมายในขณะทำผิด
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 10/2500)
of 12