พบผลลัพธ์ทั้งหมด 154 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 162/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยักยอกเงินค่าแจ้งความ: จำเลยส่งเงินตามต้นขั้วถูกต้อง แม้จะไม่ได้นำส่งเงินส่วนเกินจากปลายขั้ว ไม่ถือว่าเสียหายทางกฎหมาย
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยยักยอกเงินค่าแจ้งความจำเลยเป็นข้าราชการประจำกรมการสนเทศกระทรวงเศรษฐการได้รับมอบหมายให้เก็บเงินค่าแจ้งความเมื่อปรากฏว่าเงินตามต้นขั้วใบเสร็จจำนวน 9,280 บาทนั้นจำเลยส่งครบแล้วและเป็นจำนวนที่ถูกต้องกับคำลงแจ้งความแม้จะปรากฏว่าใบเสร็จปลายขั้ว 46 ฉบับซึ่งมีจำนวนเกินกว่าต้นขั้ว3,695 บาทจำเลยหานำส่งไม่ ซึ่งจำเลยอ้างว่าเป็นค่าทำบล๊อกเงินจำนวนที่ไม่นำส่งนี้ทางกระทรวงไม่ได้เสียหายอย่างใดโดยข้อกฎหมายจำเลยจึงไม่มีความผิดฐานยักยอก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1936/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องฉ้อโกงและการยักยอกทรัพย์: การแยกความผิดฐานและความสมบูรณ์ของฟ้อง
บรรยายฟ้องว่าจำเลยฉ้อโกงและว่าจำเลยเอาทรัพย์ที่ฉ้อโกงไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวเสียนั้น ไม่เป็นฟ้องในความผิดฐานยักยอก
คดีความผิดฐานฉ้อโกงศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริง คดีต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ฉะนั้นศาลฎีกาย่อมจะไม่วินิจฉัยข้อกฎหมายที่ว่าฟ้องโจทก์สมบูรณ์ในฐานฉ้อโกงหรือไม่ เพราะย่อมไม่มีผลให้มีต้องยกฟ้องโจทก์
คดีความผิดฐานฉ้อโกงศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริง คดีต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ฉะนั้นศาลฎีกาย่อมจะไม่วินิจฉัยข้อกฎหมายที่ว่าฟ้องโจทก์สมบูรณ์ในฐานฉ้อโกงหรือไม่ เพราะย่อมไม่มีผลให้มีต้องยกฟ้องโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1936/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานฉ้อโกงและยักยอก: การฟ้องไม่สมบูรณ์ในฐานยักยอกเมื่อได้ทรัพย์มาจากการฉ้อโกง
บรรยายฟ้องว่าจำเลยฉ้อโกงและว่าจำเลยเอาทรัพย์ที่ฉ้อโกงไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวเสียนั้น ไม่เป็นฟ้องในความผิดฐานยักยอก
คดีความผิดฐานฉ้อโกงศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริง คดีต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ฉะนั้นศาลฎีกาย่อมจะไม่วินิจฉัยข้อกฎหมายที่ว่าฟ้องโจทก์สมบูรณ์ในฐานฉ้อโกงหรือไม่ เพราะย่อมไม่มีผลให้มิต้องยกฟ้องโจทก์
คดีความผิดฐานฉ้อโกงศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริง คดีต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ฉะนั้นศาลฎีกาย่อมจะไม่วินิจฉัยข้อกฎหมายที่ว่าฟ้องโจทก์สมบูรณ์ในฐานฉ้อโกงหรือไม่ เพราะย่อมไม่มีผลให้มิต้องยกฟ้องโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1068/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลักทรัพย์นายจ้าง: ลูกจ้างมีหน้าที่เฝ้าไม้ซุง แต่ลักทรัพย์ระหว่างคุมแพ ไม่ถือเป็นหน้าที่ดูแลรักษา
จำเลยมีหน้าที่เฝ้าไม้ซุงแล้วถูกใช้ให้คุมแพซุงล่องลงมา ระหว่างทางจำเลยได้ลักไม้ซุงที่คุมไป จำเลยย่อมมีผิดฐานลักทรัพย์ของนายจ้าง เพราะผู้อื่นเป็นผู้มีหน้าที่ตรวจควบคุมดูแลไม้ที่ล่องโดยตรง ไม่ใช่หน้าที่ของจำเลย จำเลยไม่ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ดูแลรักษาหรือจัดการหรือใช้สอยโดยเฉพาะในการนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 956/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยักยอกทรัพย์ในหน้าที่ของเจ้าพนักงาน แม้ไม่ได้พิสูจน์สถานะเจ้าพนักงานโดยตรง แต่ยังคงมีความผิดฐานยักยอกทรัพย์
การที่จำเลยตั้งยอดเบิกเงินตามจำนวนทหารที่จะได้รับเงินเดือนนั้น จำเลยอาจต้องลงบัญชีไว้ก่อน เพื่อจะได้จ่ายในวันหลังดั่งจำเลยต่อสู้ก็ได้ เมื่อไม่ได้ความว่าบัญชีไม่ตรงตามจำนวนทหารในเดือนใด การที่ทหารมารับเงินเดือนไม่ครบจำนวนจำเลยลงบัญชีจ่ายเต็มจำนวนให้ตรงกับบัญชีเงินสดประจำวันก็ไม่ได้หลักฐานว่ามีระเบียนข้อบังคับห้ามไม่ให้ทำเช่นนี้ ดังนี้จะวินิจฉัยว่าจำเลยกระทำการปลอมหนังสือไม่ถนัด
บรรยายฟ้องว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานกระทำผิดหลายกะทง ขอให้ลงโทษตามมาตรา 319 ข้อ (3) ฯลฯ เมื่อทางพิจารณาได้ความว่า ทางราชการจัดให้จำเลยทำหน้าที่เบิกจ่ายเงินจำเลยยักยอกเอาเงินรายนี้ไปจริงดังนี้ ก็ตรงกับคำฟ้อง ส่วนที่กล่าวว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานนั้นแม้ทางพิจารณาจะไม่ได้ความว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานโดยตรง ก็ยังถือไม่ได้ว่าคดีได้ความตามทางพิจารณาต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้อง
บรรยายฟ้องว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานกระทำผิดหลายกะทง ขอให้ลงโทษตามมาตรา 319 ข้อ (3) ฯลฯ เมื่อทางพิจารณาได้ความว่า ทางราชการจัดให้จำเลยทำหน้าที่เบิกจ่ายเงินจำเลยยักยอกเอาเงินรายนี้ไปจริงดังนี้ ก็ตรงกับคำฟ้อง ส่วนที่กล่าวว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานนั้นแม้ทางพิจารณาจะไม่ได้ความว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานโดยตรง ก็ยังถือไม่ได้ว่าคดีได้ความตามทางพิจารณาต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 175/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องเคลือบคลุมทำให้จำเลยเสียเปรียบในการต่อสู้คดี แม้โจทก์มีข้อมูลรายละเอียด
โจทย์ฟ้องหาว่า จำเลยยักยอกเงินของบริษัทหลายครั้ง เป็นจำนวนเงินจำนวนหนึ่ง ในระหว่างเวลาประมาณ 3 เดือน ขอให้ลงโทษ โดยมิได้บรรยายให้แจ้งชัดว่ายักยอกเงินรายไหน ประเภทใดทั้งที่โจทก์รู้รายการละเอียดเหล่านั้นในสำนวนการสอบสวนอยู่ดีแล้ว ดังนี้ ได้ชื่อว่าฟ้องเคลือบคลุม จะลงโทษจำเลยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 175/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องยักยอกทรัพย์ที่เคลือบคลุม ทำให้จำเลยเสียเปรียบในการต่อสู้คดี
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยยักยอกเงินของบริษัทหลายครั้งเป็นจำนวนเงินจำนวนหนึ่ง ในระหว่างเวลาประมาณ 3 เดือนขอให้ลงโทษโดยมิได้บรรยายให้แจ้งชัดว่ายักยอกเงินรายไหน ประเภทใดทั้งที่โจทก์รู้รายการละเอียดเหล่านั้นในสำนวนการสอบสวนอยู่ดีแล้วดังนี้ ได้ชื่อว่าฟ้องเคลือบคลุมจะลงโทษจำเลยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1339/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำที่เข้าข่ายยักยอกทรัพย์ ไม่ใช่ลักทรัพย์ แม้มีการขนย้ายทรัพย์สินของผู้เสียหายไป
จำเลยได้สมคบกับพวกไปหลอกลวงผู้เสียหายว่า จำเลยเป็นเจ้าของเรือ ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงได้ตกลงจ้างจำเลยขนข้าวไปกรุงเทพฯ จำเลยบรรทุกข้าวของผู้เสียหายไปแล้ว กลับพาข้าวหนี ดังนี้ ไม่ใช่เรื่องลักทรัพย์ ฉะนั้นถ้าโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ ศาลก็ต้องพิพากษายกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1339/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำที่เข้าข่ายยักยอกทรัพย์ ไม่ใช่ลักทรัพย์ แม้จะมีการขนย้ายทรัพย์สินของผู้เสียหายไป
จำเลยได้สมคบกับพวกไปหลอกลวงผู้เสียหายว่า จำเลยเป็นเจ้าของเรือ ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงได้ตกลงจ้างจำเลยขนข้าวไปกรุงเทพ ฯ จำเลยบรรทุกข้าวของผู้เสียหายไปแล้ว กลับพาข้าวหนี ดังนี้ ไม่ใช่ลักทรัพย์ ฉะนั้นถ้าโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ ศาลก็ต้องพิพากษายกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 930/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องคดีอาญา: การระบุรายละเอียดการกระทำผิดและเจตนาของผู้ต้องหา
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยยักยอก โดยระบุวันเวลาที่จำเลยได้รับมอบหมายทรัพย์จากเจ้าทุกข์ เพื่อนำไปขาย ถ้าขายได้หรือขายไม่ได้ ก็จะนำทรัพย์เหล่านั้นและเงินค่าขายมาส่งคืนภายใน 10 วัน ได้ระบุวันที่จะคืนด้วย แล้วบรรยายต่อไปว่า จำเลยได้รับทรัพย์ไปแล้วไม่นำมาส่งให้เจ้าทุกข์ตามกำหนด จำเลยกลับบังอาจมีเจตนาทุจริต ยักยอกเอาทรัพย์ดังกล่าวไว้ เจ้าทุกข์ทราบเหตุการณ์ในวันครบกำหนด จึงได้ร้องทุกข์ขอให้เจ้าพนักงานนำคดีขึ้นว่ากล่าวไปนั้นดังนี้ ถือได้ว่าเป็นฟ้องที่กล่าวถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่า จำเลยได้กระทำผิด ข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่เกี่ยวกับเวลา ฯลฯ พอสมควรให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีเป็นฟ้องอันถูกต้องตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 แล้ว