พบผลลัพธ์ทั้งหมด 12 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1563/2549
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษเกินคำขอ และการโต้แย้งดุลพินิจการกำหนดโทษในคดียาเสพติด
แม้โจทก์จะบรรยายฟ้องว่า จำเลยมีกัญชาอันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย แต่ตามคำขอท้ายฟ้องโจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา 4, 7, 8, 26, 76 โดยมิได้ระบุมาตรา 76/1 มาด้วย และจำเลยให้การรับสารภาพซึ่งเป็นกรณีตาม ป.วิ.อ. มาตรา 176 วรรคหนึ่ง ที่ศาลจะพิพากษาโดยไม่สืบพยานหลักฐานต่อไปก็ได้ และถือว่าโจทก์มิได้ขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานมีกัญชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา 76/1 วรรคหนึ่ง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาลงโทษจำเลยมานั้นเกินคำขอไม่ชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคหนึ่ง
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาแก้เฉพาะบทลงโทษไม่ได้แก้กำหนดโทษเป็นการแก้ไขเล็กน้อย และให้ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินห้าปี จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษเป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการกำหนดโทษเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามฎีกาตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218 วรรคหนึ่ง
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาแก้เฉพาะบทลงโทษไม่ได้แก้กำหนดโทษเป็นการแก้ไขเล็กน้อย และให้ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินห้าปี จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษเป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการกำหนดโทษเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามฎีกาตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218 วรรคหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6516/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลไทยพิจารณาคดีอาญาในทะเลหลวง, การลงโทษเกินคำขอ, และกรรมเดียวผิดหลายบท
ความผิดฐานปล้นทรัพย์และฆ่าผู้อื่นเกิดขึ้นในทะเลหลวงนอกราชอาณาจักร ศาลไทยจะลงโทษผู้กระทำผิดที่เป็นคนไทยในข้อหาความผิดต่อชีวิตตามมาตรา 8(4) ได้ต่อเมื่อผู้เสียหายได้ร้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 8(ก) เมื่อไม่ปรากฏว่าผู้ตายซึ่งถือว่าเป็นผู้เสียหายเป็นใคร และไม่ปรากฏว่าจะมีผู้ใดซึ่งสามารถจัดการแทนผู้ตายได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 5(2) ดำเนินการร้องขอให้ศาลไทยลงโทษ จึงลงโทษจำเลยฐานฆ่าผู้อื่นไม่ได้ โจทก์บรรยายฟ้องข้อหาปล้นทรัพย์ไว้แยกต่างหากจากข้อหาฆ่าและพยายามฆ่า โดยไม่ได้บรรยายว่าในการปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายด้วย ถือว่าโจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย คงลงโทษจำเลยได้เพียงฐานปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธและใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิด การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 ลงโทษจำเลยในความผิดฐานปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคท้ายจึงเป็นการเกินคำขอที่โจทก์กล่าวในฟ้องไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 หลังจากที่จำเลยกับพวกปล้นทรัพย์ได้แล้ว ถอยเรือไปอยู่ห่างจากเรือของผู้เสียหายกับพวกประมาณ 20 เมตร เพื่อรอดู การที่เรือประมงของพวกจำเลยอีก 2 ลำ เข้ามาปฏิบัติการเทียบกับเรือผู้เสียหายเมื่อเรือประมงดังกล่าวปฏิบัติการเสร็จแล้ว โดยนำหญิงในเรือของผู้เสียหายขึ้นไปบนเรือแล้วแล่นออกไป จำเลยกับพวกได้ขับเรือประมงพุ่งเข้าชนเรือผู้เสียหาย จนมีพวกของผู้เสียหายตกทะเลหายไปประมาณ20 คน ดังนี้ การกระทำดังกล่าวยังอยู่ในช่วงแห่งการปล้นทรัพย์เพราะเป็นเวลาใกล้ชิดต่อเนื่องจากการได้ทรัพย์และพาเอาทรัพย์ที่ปล้นได้ไป จำเลยกับพวกต้องการให้ผู้เสียหายกับพวกถึงแก่ความตายก็เพื่อปกปิดการที่ตนกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์ การพยายามฆ่าผู้เสียหายจึงเป็นการกระทำกรรมเดียวกับการปล้นทรัพย์ซึ่งต้องลงโทษตามกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ปัญหาว่าศาลไทยลงโทษจำเลยในข้อหาความผิดต่อชีวิตที่เกิดขึ้นนอกราชอาณาจักรได้หรือไม่ ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาลงโทษเกินคำขอหรือไม่ การกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์และพยายามฆ่าผู้เสียหายเป็นกรรมเดียวกันหรือไม่ เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยแม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยเองได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195,225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3186/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการลงโทษตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร: การลงโทษเกินคำขอ และการปรับบทลงโทษอาคารพาณิชย์
แม้ตาม ฟ้องโจทก์ระบุว่า จำเลยเป็นเจ้าของและผู้ครอบครองอาคารพิพาทแต่ ก็ไม่ได้บรรยายฟ้องให้เห็นว่า จำเลยได้ กระทำผิดในฐานะ ผู้ดำเนินการตาม ความหมายของมาตรา 4 แห่ง พ.ร.บ.ควบคุมอาคารฯ ทั้งมิได้อ้างมาตรา 69 ซึ่ง เป็นบทลงโทษเฉพาะผู้ดำเนินการมาในคำขอท้ายฟ้อง ศาลย่อมไม่อาจลงโทษจำเลยตามบทมาตราดังกล่าวได้ เพราะเป็นการพิพากษาเกินคำขอของโจทก์ มาตรา 70 พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522ที่บัญญัติว่า "ถ้า การกระทำความผิดตาม พระราชบัญญัตินี้ เป็นการกระทำเกี่ยวกับอาคารเพื่อพาณิชยกรรม... ต้อง ระวางโทษ...หมายรวมความผิดทุกอย่างที่เป็นความผิดตาม พระราชบัญญัติควบคุมอาคารหากมีลักษณะต้องตาม ที่บัญญัติไว้อย่างใดอย่างหนึ่ง ก็ลงโทษตาม มาตรานี้ได้ หาจำต้องเป็นความผิดที่เกี่ยวกับตัว อาคารโดยตรงไม่ เมื่อจำเลยฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นตาม มาตรา 44ซึ่ง จะต้องถูกลงโทษตาม มาตรา 67 และอาคารที่จำเลยกระทำผิดเป็นอาคารเพื่อพาณิชยกรรม ศาลจึงนำมาตรา 70 มาปรับบทลงโทษแก่จำเลยได้ .
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2460/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษเกินคำขอของโจทก์ ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขเพื่อความถูกต้อง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138 ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 140 วรรคสามเกินคำขอของโจทก์ เพราะโจทก์มิได้ขอให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 140 ด้วย การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยตามมาตรา 140 จึงเป็นผลร้ายแก่จำเลย แม้จำเลยจะมิได้ฎีกาขึ้นมาแต่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขให้ถูกต้องได้ (อ้างฎีกาที่ 1760/2509)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 659/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษจำเลยเกินคำขอในฟ้องฐานปล้นทรัพย์ ศาลฎีกาพิพากษากลับ
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานปล้นทรัพย์ โดยมิได้บรรยายว่าจำเลยกับพวกมีอาวุธใช้ในการปล้นทรัพย์ด้วย ดังนี้ จะให้ลงโทษจำเลยฐานปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธไม่ได้ เพราะเกินคำขอที่โจทก์กล่าวในฟ้อง ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1760/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษเกินคำขอของโจทก์ ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขเพื่อคุ้มครองสิทธิจำเลย แม้จำเลยมิได้ฎีกา
การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 138 ประกอบด้วยมาตรา 140 ซึ่งเป็นบทกระทงที่หนักตามมาตรา 91 โดยโจทก์มิได้ขอให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 140 ด้วยนั้น เป็นการเกินคำขอของโจทก์ จึงเป็นผลร้ายแก่จำเลย แม้จำเลยมิได้ฎีกาขึ้นมา แต่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไข
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1760/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษเกินคำขอของโจทก์ ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขได้ แม้จำเลยมิได้ฎีกา หากเป็นปัญหาความสงบเรียบร้อย
การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138 ประกอบด้วยมาตรา140 ซึ่งเป็นบทกระทงที่หนักตามมาตรา 91 โดยโจทก์มิได้ขอให้ลงโทษจำเลยตามมาตรา 140 ด้วยนั้น เป็นการเกินคำขอของโจทก์ จึงเป็นผลร้ายแก่จำเลย แม้จำเลยมิได้ฎีกาขึ้นมา แต่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไข
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1325/2480
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษเกินคำขอในความผิดลักทรัพย์: ศาลต้องใช้บทที่มีโทษต่ำกว่า แม้ความผิดเข้าทั้งสองบท
บรรยายฟ้องว่าจำเลยลักทรัพย์ในเคหะสถานในเวลาค่ำคืนขอให้ลงโทษตาม ม. 293 ดังนี้ ศาลจะลงโทษจำเลยตาม ม. 294 ตอน 2 มิได้เพราะเป็นการเกินคำขอ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1154/2479
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษจำเลยเกินคำขอในความผิดฐานกระทำพยานเท็จและสมคบกันกระทำผิด
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยสมคบกันปลอมหนังสือแล้วนำหลักฐานเท็จนี้มาฟ้องเรียกเงินกู้จากโจทก์ดังนี้ ถือว่าโจทก์ได้พรรณาฟ้องในความผิดฐานกระทำพะยานเท็จตาม ม.157 แล้ว +สินเกินคำขอโจทก์ฟ้องว่าจำเลยสมคบกันกระทำผิดดังนี้ศาลจะลงโทษจำเลยโดยอาศัย ม.64 โดยฟังว่าได้มีการใช้ให้ไปกระทำผิด มิได้สมคบกันนั้นเป็นการตัดสินเกินคำขอ +การที่ศาลจะอนุญาตให้เลื่อนหรือไม่นั้นอยู่ในดุลยพินิจของ+
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3268/2552
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษเกินคำขอฟ้อง: ศาลอุทธรณ์ปรับบทลงโทษนอกฟ้องโจทก์เป็นเหตุให้คำพิพากษาไม่ชอบ
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีอาวุธปืนและพาอาวุธปืน และฐานพยายามฆ่าผู้อื่นตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธฯ มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ และตาม ป.อ. มาตรา 80, 288,371 โดยโจทก์มิได้บรรยายฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานยิงปืนโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมนุมชนตาม ป.อ. มาตรา 376 ด้วย จึงถือไม่ได้ว่า โจทก์ประสงค์จะให้ลงโทษจำเลยตามบทมาตราดังกล่าว ทั้งการกระทำความผิดตามมาตรา 376 ก็มิใช่การกระทำซึ่งรวมอยู่ในความผิดตามที่โจทก์ฟ้องอันฟ้องอันศาลจะลงโทษจำเลยในการกระทำผิดตามที่พิจารณาได้ความได้ ดังที่บัญญัติไว้ใน ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคท้าย การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษาปรับบทลงโทษจำเลยตาม ป.อ. มาตรา 376 เป็นการพิพากษาเกินคำขอหรือที่มิได้กล่าวในฟ้อง ต้องห้ามตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคแรก อันเป็นการไม่ชอบ