พบผลลัพธ์ทั้งหมด 125 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1648/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่ดินที่ราชการซื้อเพื่อประโยชน์สาธารณะยังคงเป็นสาธารณสมบัติ แม้มีการให้เช่า ผู้ว่าฯ มีอำนาจฟ้องขับไล่
โรงเรียนประชาบาลประเภทโรงเรียนประถมศึกษาที่นายอำเภอตั้งและดำรงอยู่ด้วยเงินของประชาชนและเงินของการประถมศึกษาในงบประมาณของกระทรวงศึกษาธิการ,ในการจัดตั้งโรงเรียนดังกล่าวได้จัดซื้อที่ 1 แปลงเพื่อใช้เป็นที่ก่อสร้างโรงเรียน และใช้เป็นประโยชน์เกี่ยวกับกิจการของโรงเรียน ที่ดินดังกล่าวนับว่าเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน
ผู้ว่าราชการจังหวัดมีหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินในจังหวัด โดยมีหน้าที่คุ้มครองแลรักษาสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ฯลฯ มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยซึ่งผิดสัญญาเช่าที่โรงเรียนดังกล่าวแล้วได้
การที่ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์เห็นแย้งในข้อกฎหมาย ไม่ทำให้จำเลยมีสิทธิฎีกาในข้อเท็จจริงในเมื่อทุนทรัพย์ไม่เข้าเกณฑ์ที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้.
ผู้ว่าราชการจังหวัดมีหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินในจังหวัด โดยมีหน้าที่คุ้มครองแลรักษาสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ฯลฯ มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยซึ่งผิดสัญญาเช่าที่โรงเรียนดังกล่าวแล้วได้
การที่ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์เห็นแย้งในข้อกฎหมาย ไม่ทำให้จำเลยมีสิทธิฎีกาในข้อเท็จจริงในเมื่อทุนทรัพย์ไม่เข้าเกณฑ์ที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1648/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่ดินที่ราชการซื้อเพื่อประโยชน์สาธารณะเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ผู้ว่าฯ มีอำนาจฟ้องขับไล่ผู้เช่า
โรงเรียนประชาบาลประเภทโรงเรียนประถมศึกษาที่นายอำเภอตั้งและดำรงอยู่ด้วยเงินของประชาชนและเงินของการประถมศึกษาในงบประมาณของกระทรวงศึกษาธิการ ในการจัดตั้งโรงเรียนดังกล่าวได้จัดซื้อที่ 1 แปลงเพื่อใช้เป็นที่ก่อสร้างโรงเรียนและใช้เป็นประโยชน์เกี่ยวกับกิจการของโรงเรียน ที่ดินดังกล่าวนับว่าเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน
ผู้ว่าราชการจังหวัดมีหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินในจังหวัดโดยมีหน้าที่คุ้มครองและรักษาสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ฯลฯมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยซึ่งผิดสัญญาเช่าที่โรงเรียนดังกล่าวแล้วได้
การที่ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์เห็นแย้งในข้อกฎหมาย ไม่ทำให้จำเลยมีสิทธิฎีกาในข้อเท็จจริงในเมื่อทุนทรัพย์ไม่เข้าเกณฑ์ที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้
ผู้ว่าราชการจังหวัดมีหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินในจังหวัดโดยมีหน้าที่คุ้มครองและรักษาสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ฯลฯมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยซึ่งผิดสัญญาเช่าที่โรงเรียนดังกล่าวแล้วได้
การที่ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์เห็นแย้งในข้อกฎหมาย ไม่ทำให้จำเลยมีสิทธิฎีกาในข้อเท็จจริงในเมื่อทุนทรัพย์ไม่เข้าเกณฑ์ที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 765/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อุทิศที่ดินเป็นทางสาธารณะ แม้ยังไม่แก้โฉนดและไม่ถึง 10 ปี กีดกันกลับไม่ได้ ผิดฐานขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน
อุทิศที่ดินให้แก่ทางราชการใช้ทำเป็นถนนและทางสาธารณะแม้จะยังไม่ได้แก้โฉนดและยังใช้เป็นถนนและทางสาธารณะไม่ถึง 10 ปีก็ตาม ที่ดินนั้นก็เป็นทางสาธารณะแล้ว จะกีดกันเอากลับมาเป็นของตนอีกไม่ได้
ปลูกสร้างรุกล้ำทางหลวง อำเภอมีคำสั่งห้ามแล้วยังขัดขืนไม่รื้อถอนออกไปโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษฐานขัดคำสั่งเจ้าพนักงานจำเลยย่อมต้องมีผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 334(2) ที่โจทก์ขอให้ลงโทษ
ปลูกสร้างรุกล้ำทางหลวง อำเภอมีคำสั่งห้ามแล้วยังขัดขืนไม่รื้อถอนออกไปโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษฐานขัดคำสั่งเจ้าพนักงานจำเลยย่อมต้องมีผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 334(2) ที่โจทก์ขอให้ลงโทษ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1200/2498
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสละเจตนาครอบครองที่ดิน: เมื่ออุทิศที่ดินให้ทางราชการแล้ว สิทธิครอบครองย่อมสิ้นสุดลง
เจ้าของที่ดินมือเปล่าได้อุทิศที่ดินให้แก่กระทรวงศึกษาธิการเพื่อใช้เป็นที่ตั้งมหาวิทยาลัยและโรงเรียนแล้ว เช่นนี้ย่อมถือได้ว่าเจ้าของที่ดินนั้นได้สละเจตนาครอบครองแล้วการครอบครองย่อมสิ้นสุดลงหมดสิทธิในที่ดินนั้นต่อไป ไม่มีทางจะเอาคืนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 833/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องละเมิดตัดต้นไม้ในที่ดินสาธารณะ ศาลต้องวินิจฉัยเฉพาะประเด็นที่ฟ้องขอเท่านั้น การวินิจฉัยนอกประเด็นเป็นเหตุให้ต้องยกฟ้อง
โจทย์ฟ้องหาว่าจำเลยละเมิดเข้ามาตัดฟันต้นสาคูและใบจากในที่ดินของโจทก์ขอให้ศาลแสดงว่าที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิของโจทก์ และเรียกค่าเสียหาย ทางพิจารณาได้ความว่าที่พิพาทเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน โจทก์จะมีกรรมสิทธิไม่ได้ ดังนั้นศาลจะวินิจฉัยว่าต้นสาคูที่ปลูกอยู่ทางฝั่งใต้ของที่พิพาทเป็นของโจทก์และฝั่งเหนือเป็นของจำเลยแล้วพิพากษาห้ามจำเลยกับบริวารมิให้เข้าไปเกี่ยวข้องทางฝั่งใต้ จึงเป็นการนอกฟ้องนอกประเด็น เพราะโจทก์มิได้มีคำขอเช่นนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1479/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองที่ดินสาธารณะและการอนุญาตให้เข้าใช้ประโยชน์: สิทธิเหนือที่ดินหลังได้รับอนุญาต
นายอำเภอตัดทางสาธารณะใหม่เข้าไปในที่ของโจทก์ นายอำเภอจึงเอาที่ดินถนนเก่าซึ่งราษฎรมิได้ใช้เดินแล้วนั้น ให้แก่โจทก์ด้วยปากเปล่าดังนี้ แม้การยกให้จะเป็นโมฆะเพราะเป็นที่สาธารณะสมบัติของแผ่นดินอย่างนี้อยู่ในความดูแลรักษาของนายอำเภอ เมื่อนายอำเภออนุญาตให้โจทก์เข้าใช้ที่นี้ได้ และโจทก์ก็ได้เข้าไปปลูกต้นผลไม้ลงไว้ตามที่ได้รับอนุญาตแล้ว ราษฎรคนอื่นก็ไม่มีสิทธิจะเข้าทำรั้วล้อมที่ดังกล่าวเอาเป็นของตนเสีย เมื่อทำลงโจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องให้รื้อถอนขับไล่ออกไปจากที่ดังกล่าวแล้วนั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1259/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบุกรุกที่ดินสาธารณะประโยชน์เพื่อใช้ประโยชน์ส่วนตัว ถือเป็นความผิดทางอาญา
ที่ดินที่เป็นทำเลเลี้ยงสัตว์สาธารณประโยชน์สำหรับราษฎรใช้เลี้ยงสัตว์ร่วมกันนั้น เป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดินตาม ป.พ.พ.มาตรา 1304 (2) และเป็นหน้าที่ของกรมการอำเภอจะต้องคอยตรวจตรารักษามิให้ผู้ใดเกียดกันเอาไปเป็นประโยชน์เฉพาะตัวตาม พ.ร.บ.ปกครองท้องที่ 2457 ฉะนั้นเมื่อปรากฎว่ามีบุคคลบุกรุกเข้ามาทำนาหรือครอบครองเป็นประโยชน์ส่วนตัวเสียกรมการอำเภอย่อมมีอำนาจมีคำสั่งให้ผู้บุกรุกนั้นออกไปได้ ถ้าผู้นั้นฝ่าฝืนก็ย่อมมีความผิดฐานขัดคำสั่งตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 334
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 280/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหวงห้ามที่ดินสาธารณะต้องมีพระราชกฤษฎีกา และการเพิกถอนคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ที่ดินรกร้างว่างเปล่าอันเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดินนั้นถ้ารัฐบาลต้องการจะหวงห้าม หรือสงวนไว้ จะต้องกระทำโดยออกประกาศเป็นพระราชกฤษฎีกาตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการหวงห้ามที่ดินรกร้างว่างเปล่าอันเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดิน 2478 มาตรา 4,5 เพียงแต่ทางจังหวัดมีคำสั่งหวงห้ามหรือสงวนที่รกร้างว่างเปล่าไว้เป็นที่หลวงหวงห้ามนั้นยังหาเป็นการถูกต้องชอบด้วยกฎหมายไม่ จึงยังถือว่าเป็นที่หลวงหวงห้ามไม่ได้
นายอำเภอประกาศถอนใบเหยียบย่ำที่ดินของราษฎร โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ราษฎรผู้นั้นย่อมมีอำนาจฟ้องศาลขอให้สั่งเพิกถอนประกาศถอนใบเหยียบย่ำนั้นเสียได้
นายอำเภอประกาศถอนใบเหยียบย่ำที่ดินของราษฎร โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ราษฎรผู้นั้นย่อมมีอำนาจฟ้องศาลขอให้สั่งเพิกถอนประกาศถอนใบเหยียบย่ำนั้นเสียได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1971/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการฟ้องขับไล่ย่อมผูกพันกับความเป็นเจ้าของที่ดิน หากที่ดินเป็นที่สาธารณะ โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้อง
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาท โดยอ้างว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ครอบครองมา 7-8 ปีแล้ว แต่ทางพิจารณาได้ความว่าที่ดินพิพาทได้ถูกทางการกรมการอำเภอประกาศว่าเป็นที่สาธารณะ โจทก์จึงให้บุตรขอจับจองใหม่ ดังนี้ ย่อมเห็นได้ว่าที่ดินพิพาทไม่ใช่ของโจทก์ตามฟ้อง โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1971/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในการฟ้องขับไล่ขึ้นอยู่กับความเป็นเจ้าของที่ดิน หากไม่ใช่เจ้าของ สิทธิฟ้องย่อมไม่มี
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่พิพาท โดยอ้างว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ครอบครองมา 7-8 ปีแล้ว แต่ทางพิจารณาได้ความว่าที่ดินพิพาทได้ถูกทางการกรมการอำเภอประกาศว่าเป็นที่สาธารณะ โจทก์จึงให้บุตรขอจับจองใหม่ ดังนี้ ย่อมเห็นได้ว่าที่ดินพิพาทไม่ใช่ของโจทก์ตามฟ้อง โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลย