คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เรียกทรัพย์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 28 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 361/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำต้องห้าม: คดีแพ่งไม่ห้าม แม้เคยฟ้องคดีอาญาเรียกทรัพย์เดียวกันไว้ก่อน หากคดีอาญาไม่วินิจฉัยประเด็นทรัพย์
ผู้เสียหายเป็นโจทก์ฟ้องคดีแพ่งขอให้จำเลยใช้เงินที่จำเลยได้ยักยอกเอาไปจำเลยตัดฟ้องว่าเป็นฟ้องซ้ำต้องห้ามข้อเท็จจริงปรากฏว่า ก่อนผู้เสียหายเป็นโจทก์ฟ้องคดีแพ่งนั้น ผู้ว่าคดีเคยฟ้องจำเลยต่อศาลแขวงเป็นคดีอาญาหาว่าจำเลยยักยอกเงินรายเดียวกันนี้ และมีคำขอให้จำเลยใช้เงินที่ยักยอกนั้นด้วย ทั้งตัวผู้เสียหายก็ได้เข้าเป็นโจทก์ร่วมในคดีอาญานั้นด้วย ศาลแขวงได้ไต่สวนมูลฟ้องเพราะเป็นคดีเกินอำนาจ แล้วเห็นว่าคดียังไม่มีมูลว่าจำเลยได้กระทำผิดฐานยักยอก จึงพิพากษายกฟ้อง ผู้ว่าคดีอุทธรณ์ ต่อมาจำเลยได้ตายในระหว่างอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์จึงสั่งจำหน่ายคดีส่วนคดีแพ่งที่ผู้เสียหายเป็นโจทก์ฟ้องดังกล่าวนั้นได้ฟ้องเข้ามาก่อนจำเลยถึงแก่ความตาย ดังนี้ฟ้องคดีแพ่งของผู้เสียหายดังกล่าว หาเป็นฟ้องซ้ำต้องห้ามไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1027/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำฟ้องเรียกทรัพย์คืน (กระบือ) ไม่เคลือบคลุม แม้ไม่ได้ระบุรายละเอียดจำนวนเพศกระบือ
โจทก์บรรยายฟ้องว่า กระบือที่อยู่กับจำเลยฝูงหนึ่งมีจำนวน 33 ตัว เป็นกระบือที่โจทก์เป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยครึ่งหนึ่ง โดยโจทก์ได้รับมรดกมาจากบิดามารดา ในขณะที่ยังเป็นเด็กเล็ก ๆ และจำเลยซึ่งเป็นผู้ปกครองโจทก์ได้ปกครองกระบือนั้นไว้แทนโจทก์ ครั้นโจทก์ได้สามีแยกไปจากจำเลยแล้ว ขอแบ่งเอากระบือส่วนของโจทก์ จำเลยไม่ยอมให้โจทก์ จึงต้องฟ้องเช่นนี้ เป็นคำฟ้องที่ไม่เคลือบคลุมแต่อย่างใด ไม่จำเป็นต้องบรรยายในฟ้องว่าเป็นกระบือตัวผู้กี่ตัว ตัวเมียกี่ตัว เพราะนั้นเป็นรายละเอียดมากเกินควรและเกินความจำเป็นที่จะต้องบรรยายสำหรับคำฟ้องเช่นนี้ เพียงเท่าที่โจทก์บรรยายมานั้น ก็แสดงถึงสภาพแห่งข้อหาชัดแจ้งมากพออยู่แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 519/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องเรียกทรัพย์ตามพินัยกรรม: เริ่มนับเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาในพินัยกรรม
อายุความฟ้องเรียกทรัพย์ตามข้อกำหนดในพินัยกรรมตามป.พ.พ. มาตรา 1754 วรรค 2 นั้น ถืออายุความ 1 ปี นับแต่เมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาตามพินัยกรรม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 519/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องเรียกทรัพย์ตามพินัยกรรม เริ่มนับจากเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาในพินัยกรรม
อายุความฟ้องเรียกทรัพย์ตามข้อกำหนดในพินัยกรรมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 วรรคสองนั้น ถืออายุความ1 ปีนับแต่เมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาตามพินัยกรรม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1709/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องเรียกทรัพย์ซ้ำได้หรือไม่ เมื่อคดีก่อนศาลยกฟ้องเพราะสัญญาเป็นโมฆะ
โจทก์เคยฟ้องจำเลยเรียกราคาทรัพย์ ศาลพิพากษาถึงที่สุดว่าสัญญาซื้อขายระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นโมฆะบังคับไม่ได้ให้ยกฟ้อง โจทก์กลับมาฟ้องเรียกทรัพย์คืนจากจำเลยใหม่ได้ไม่เป็นฟ้องซ้ำ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 493-494/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดพยายามข่มขู่เรียกทรัพย์: การกระทำที่ผู้ถูกข่มขู่ไม่ยอมจ่ายเงิน ทำให้ความผิดไม่สำเร็จ
เจ้าพนักงานให้อำนาจในตำแหน่งที่โดยทางอันมิชอบ บังคับให้เขาหาทรัพย์หรือผลประโยชน์อย่างใด ๆ อันมิควรได้ตามกฎหมาย มา ให้แก่ตัวมันนั้น ถ้าผู้ที่ถูกบังคับไม่ได้ตกลงหรือยอมจะให้เงินตามที่มันเรียกร้องแล้วก็มีความผิดเพียงฐานพยายามตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 136 เท่านั้น
เมื่อศาลลงโทษจำเลยตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 136 ฐานพยายามแล้ว ความผิดฐานทำให้เสื่อมเสียอิสสระภาพตามมาตรา 268 ซึ่งเป็นบทมีโทษเบา ก็ไม่จำต้องวินิจฉัยว่าจะเป็นความผิดสำเร็จหรือคั่นพยายามเพราะการกระทำกรรมเดียว เป็นความผิดหลายบทและศาลได้ใช้บทมีโทษหนักลงโทษไปแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 712/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานใช้อำนาจในทางทุจริตเรียกทรัพย์จากประชาชน แม้ไม่ใช่การปล้นทรัพย์ ก็มีความผิดตามกฎหมาย
จำเลยที่ 1 - 2 เป็นพลตำรวจ ได้สมคบกันไปจับผู้เสียหายมา 2 คน บอกว่าสงสัยว่าลักควายของจำเลยที่ 3 และใส่กุญแจมือพามาบ้านจำเลยที่ 4 ในระหว่างเดินทาง จำเลยที่ 1 ได้เอาปืนยาวตีศีรษะผู้เสียหายให้เอาเงินมาคนละ 300 บาท ถ้าไม่ให้จะฆ่าทิ้งเสียในคืนนี้ ผู้เสียหายยอมรับจะให้คนละ 250 บาท แต่เวลานั้นยังไม่มีเงิน จำเลยจึงบอกให้ผู้เสียหายขายควายและให้เอา เรือนที่บ้านและไร่ยาสูบขายฝากผู้อื่นไว้แล้วจำเลยที่ 1 ก็รับเอาเงินที่ขายควายและขายฝากเรือน ที่บ้านและไร่ยาสูบไปดังนี้ การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดตามมาตรา 270 และมาตรา 136 ฐานใช้อำนาจและตำแหน่งหน้าที่ในทางทุจจริต หาใช่เป็นการปล้นทรัพย์ เพราะมิใช่การขู่เข็ญชิงเอาทรัพย์ไปจากความครอบครองของเจ้าทรัพย์ หากแต่เป็นการที่จำเลยบังคับให้เขาให้หรือให้เขาหาทรัพย์ หรือผลประโยชน์อันมิควรจะได้ตามกฎหมายมาให้แก่ตัวมันโดยมันเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจและตำแหน่งหน้าที่บังคับโดยทางอันมิชอบ
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 268, 270, 301 แต่ข้อเท็จจริงตามฟ้องโจทก์สืบสมว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามมาตรา 270, 136 แต่โจทก์อ้างบทหรือมาตราผิด ศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยตามฐานความผิดที่ถูกต้องได้ตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 192 วรรค 4.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1641/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานใช้อำนาจข่มขู่เรียกทรัพย์จากผู้กระทำผิด แทนการยึดทรัพย์ตามกฎหมาย
จำเลยเป็นพลศุลการักษ์มีหน้าที่ตรวจจับผู้กระทำผิด จำเลยได้ทำการจับบุหรี่ซิกาแรตซึ่งมิได้ปิดแสตมป์ยาสูบ มิได้เสียค่าภาษีศุลกากรจากผู้กระทำผิด จำเลยได้บังคับให้ผู้กระทำผิดให้บุหรี่และธนบัตร์แก่จำเลย เมื่อเจ้าทรัพย์จะติดตามไป จำเลยยังพูดขู่ไม่ให้ตามไป ถ้าตามไปจะจับ ดังนี้เป็นเรื่องจำเลยใช้อำนาจหน้าที่ไปขู่เอาทรัพย์เขามา จำเลยไม่ได้ทำการจับกุมยึดทรัพย์ตามหน้าที่ ควรลงโทษจำเลยตามมาตรา 136 การบังคับเอาทรัพย์ตามมาตรา 136 ไม่สั่งคืนทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 576/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อเท็จจริงในคดีอาญาผูกพันคดีแพ่ง: ศาลต้องใช้ข้อเท็จจริงจากคำพิพากษาคดีอาญาในการพิจารณาคดีเรียกทรัพย์
ในคดีอาญาฐานยักยอกที่โจทก์เรียกราคาทรัพย์มาด้วยนั้นในการพิพากษาคดีเกี่ยวกับการเรียกทรัพย์คืนอันเป็นส่วนแพ่งนั้น ศาลต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา เมื่อศาลล่างฟังว่าทรัพย์ไม่ใช่ของโจทก์ให้ยกฟ้องแล้ว การที่โจทก์ฎีกาเฉพาะส่วนแพ่งขึ้นมา ก็ย่อมไม่มีทางชนะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 491/2489 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องความผิดเจ้าพนักงานที่เรียกทรัพย์สินและรับสินน้ำใจ/สินบน ศาลต้องชี้ขาดความผิดตามข้อเท็จจริง
โจทก์บรรยายฟ้องตอนต้นว่า จำเลยเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจหน้าที่ทางทุจจริตบังคับให้เขาส่งทรัพย์ และในตอนหลังว่า จำเลยรับทรัพย์เหล่านั้นไว้เป็นสินบนหรือสินน้ำใจทางกฎหมายลักษณะอาญา ม.136,137,138 เป็นบทลงโทษดังนี้ ศาลฟังลงโทษตามที่บทพิจารณา ได้ความได้ไม่ถือว่าเป็นฟ้องเคลือบคลุม
of 3