พบผลลัพธ์ทั้งหมด 8 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2346/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิรับซื้อฝากอสังหาริมทรัพย์หลังมีประกาศรัฐมนตรี และอำนาจแก้ฟ้องแย้งของผู้รับมอบอำนาจ
บริษัทโจทก์จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล มีวุตถุประสงค์ในการรับซื้อฝากอสังหาริมทรัพย์อยู่ก่อนแล้ว ต่อมาเมื่อประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 58 ลงวันที่ 26 มกราคม 2515 ออกมาใช้บังคับก็ไม่ได้ระบุว่ากิจการรับซื้อฝากอสังหาริมทรัพย์เป็นกิจการที่ต้องได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรี หลังจากนั้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ออกประกาศกำหนดให้กิจการรับซื้อฝากอสังหาริมทรัพย์เป็นกิจการที่ต้องขออนุญาตเพิ่มขึ้น และให้ถือว่าการประกอบกิจการดังกล่าวเป็นการประกอบธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์อย่างหนึ่ง ดังนั้น เมื่อโจทก์ยื่นคำร้องขอรับอนุญาตต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเพื่อดำเนินกิจการดังกล่าวต่อไปภายในกำหนดตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับดังกล่าวข้อ 22 และกระทรวงการคลังได้แจ้งชื่อบริษัทโจทก์ไปยังกระทรวงมหาดไทยเพื่อแจ้งต่อกรมที่ดินทั้งนับแต่โจทก์ยื่นคำร้องขอรับอนุญาตแล้วรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังก็ไม่เคยแจ้งโจทก์หรือกรมที่ดินว่าไม่อนุญาตตามคำร้องขอดังกล่าวของโจทก์ โจทก์จึงมีสิทธิรับซื้อฝากที่ดินพิพาทได้โดยชอบ และมีอำนาจฟ้อง
เมื่อโจทก์มอบอำนาจให้ อ.ฟ้องและดำเนินคดีแทนแล้วอ. ย่อมมีอำนาจทำคำให้การแก้ฟ้องแย้งของจำเลยได้โดยโจทก์ไม่ต้องทำหนังสือมอบอำนาจและแต่งทนายความให้กระทำการดังกล่าวอีก
เมื่อโจทก์มอบอำนาจให้ อ.ฟ้องและดำเนินคดีแทนแล้วอ. ย่อมมีอำนาจทำคำให้การแก้ฟ้องแย้งของจำเลยได้โดยโจทก์ไม่ต้องทำหนังสือมอบอำนาจและแต่งทนายความให้กระทำการดังกล่าวอีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 923/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องอาญาฐานลงรายการบัญชีเท็จต้องมีประกาศรัฐมนตรีฯ กำหนดประเภทธุรกิจที่ต้องจัดทำบัญชี มิเช่นนั้นฟ้องไม่สมบูรณ์
ข้อ 31 แห่งประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 285 ลงวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2515 ระบุโยงไปให้ใช้พระราชบัญญัติการบัญชี พุทธศักราช 2482 บังคับในกรณีที่ยังไม่มีประกาศของรัฐมนตรีกำหนดธุรกิจที่ต้องจัดทำบัญชี ออกอตามข้อ 5 ของประกาศคณะปฏิวัติดังกล่าวใช้บังคับ ซึ่งพระราชบัญญัติการบัญชีฯ มาตรา 6 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบัญชี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2496 มาตรา 3 ก็บัญญัติให้รัฐมนตรีประกาศในราชกิจจานุเบกษาว่า กิจการประเภทใด ในท้องที่ใด ที่จะต้องทำบัญชีขึ้น หาใช่ว่าบุคคลผู้ประกอบกิจการทุกประเภทจะต้องจัดทำบัญชีไม่ เหตุนี้ เมื่อฟ้องโจทก์ไม่ได้บรรยายว่ารัฐมนตรีผู้มีอำนาจที่ได้ออกประกาศในราชกิจจานุเบกษา กำหนดให้มีการจัดทำบัญชีสำหรับการประกอบกิจการในประเภทที่โจทก์ฟ้องให้เป็นการถูกต้องตามข้อ 31 แห่งประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 285 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติการบัญชีฯ ดังกล่าวแล้ว ฟ้องโจทก์จึงขาดความสำคัญซึ่งเป็นองค์ประกอบความผิดตามกฎหมาย ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5) เป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ ลงโทษจำเลยไม่ได้ แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 923/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องอาญาฐานลงรายการเท็จในบัญชี ต้องพิสูจน์การออกประกาศรัฐมนตรี กำหนดประเภทธุรกิจที่ต้องทำบัญชีตามกฎหมาย
ข้อ 31 แห่งประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 285 ลงวันที่ 24 พฤศจิกายนพ.ศ. 2515 ระบุโยงไปให้ใช้พระราชบัญญัติการบัญชี พุทธศักราช 2482 บังคับในกรณีที่ยังไม่มีประกาศของรัฐมนตรีกำหนดธุรกิจที่ต้องขัดทำบัญชี ออกตามข้อ 5 ของประกาศคณะปฏิวัติดังกล่าวใช้บังคับ ซึ่งพระราชบัญญัติการบัญชีฯมาตรา 6 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการบัญชี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2496มาตรา 3 ก็บัญญัติให้รัฐมนตรีประกาศในราชกิจจานุเบกษาว่า กิจการประเภทใดในท้องที่ ใดที่จะต้องทำบัญชีขึ้น หาใช่ว่าบุคคลผู้ประกอบกิจการทุกประเภทจะต้องจัดทำบัญชีไม่ เหตุนี้ เมื่อฟ้องโจทก์ไม่ได้บรรยายว่ารัฐมนตรีผู้มีอำนาจหน้าที่ได้ออกประกาศในราชกิจจานุเบกษา กำหนดให้มีการจัดทำบัญชีสำหรับการประกอบกิจการในประเภทที่โจทก์ฟ้องให้เป็นการถูกต้องตามข้อ 31 แห่งประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 285 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติการบัญชีฯดังกล่าวแล้ว ฟ้องโจทก์จึงขาดความสำคัญซึ่งเป็นองค์ประกอบความผิดตามกฎหมาย ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)เป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ ลงโทษจำเลยไม่ได้ แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1363-1365/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประกาศรัฐมนตรีเรื่องเขตควบคุมการแปรรูปไม้: ผลบังคับใช้และการคัดสำเนาประกาศ
ประกาศของรัฐมนตรี ซึ่งจะต้องคัดสำเนาประกาศไว้ ณที่ต่างๆตามความในมาตรา 5 แห่ง พระราชบัญญัติป่าไม้ 2484 นั้นเป็นประกาศซึ่งรัฐมนตรีกำหนดขึ้นตามบท แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้อันเป็นเรื่องที่จะให้มีผลบังคับแก่ประชาชนทั่วไป เช่นประกาศกำหนดเขตควบคุมการแปรรูปไม้ เป็นต้น ส่วนประกาศยกเลิกประกาศนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ต้องการให้ประกาศนั้นมีผลบังคับแก่ประชาชนต่อไป จึงหาจำต้องนำไปปิดในที่ต่างๆตามที่กำหนดไว้ไม่ ก็ย่อมมีผลใช้ได้
ประกาศรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตราธิการมีข้อความยกเลิกประกาศฉบับแรกๆที่กำหนดเขตควบคุมการแปรรูปไม้ไว้ แล้วมีข้อความกำหนดเขตควบคุมการแปรรูปไม้ขึ้นใหม่ แต่ประกาศฉบับนี้หาได้มีการคัดสำเนาปิดไว้ ณ ที่ว่าการอำเภอ ที่ว่าการกำนันหรือที่สาธารณะสถานในท้องที่ในเขตที่เกี่ยวข้องไม่ ดังนี้ ประกาศฉบับหลังนี้คงมีผลใช้ได้เฉพาะที่ให้ยกเลิกประกาศฉบับแรกๆที่ กำหนดเขตควบคุมการแปรรูปไม้เท่านั้น
ประกาศรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตราธิการมีข้อความยกเลิกประกาศฉบับแรกๆที่กำหนดเขตควบคุมการแปรรูปไม้ไว้ แล้วมีข้อความกำหนดเขตควบคุมการแปรรูปไม้ขึ้นใหม่ แต่ประกาศฉบับนี้หาได้มีการคัดสำเนาปิดไว้ ณ ที่ว่าการอำเภอ ที่ว่าการกำนันหรือที่สาธารณะสถานในท้องที่ในเขตที่เกี่ยวข้องไม่ ดังนี้ ประกาศฉบับหลังนี้คงมีผลใช้ได้เฉพาะที่ให้ยกเลิกประกาศฉบับแรกๆที่ กำหนดเขตควบคุมการแปรรูปไม้เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 382/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำบัญชีของผู้ประกอบการค้าก่อนมีประกาศรัฐมนตรี: ไม่ผิดตาม พ.ร.บ.การบัญชี
ผู้ประกอบกิจการค้าซึ่งต้องเสียภาษีโรงค้ามิใช่ฉะเพาะป้าย ไม่ทำบัญชีตามที่รัฐมนตรีประกาศนั้นหากประกอบกิจการค้ามาก่อนรัฐมนตรีประกาศ ไม่มีบทมาตราใน พ.ร.บ. การบัญชีบัญญัติว่า เป็นความผิด
การไม่ทำบัญชีเสียเลยนั้นไม่ถือว่าเป็นการละเว้นลงรายการตามมาตรา 19
การไม่ทำบัญชีเสียเลยนั้นไม่ถือว่าเป็นการละเว้นลงรายการตามมาตรา 19
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 382/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำบัญชีของผู้ประกอบการค้าก่อนมีประกาศรัฐมนตรี: ไม่ถือเป็นความผิด
ผู้ประกอบกิจการค้าซึ่งต้องเสียภาษีโรงค้ามิใช่เฉพาะป้ายไม่ทำบัญชีตามที่รัฐมนตรีประกาศนั้นหากประกอบกิจการค้ามาก่อนรัฐมนตรีประกาศไม่มีบทมาตราใน พระราชบัญญัติการบัญชีบัญญัติว่า เป็นความผิด
การไม่ทำบัญชีเสียเลยนั้น ไม่ถือว่าเป็นการละเว้นลงรายการตามมาตรา 19
การไม่ทำบัญชีเสียเลยนั้น ไม่ถือว่าเป็นการละเว้นลงรายการตามมาตรา 19
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1007/2487 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปฏิบัติตามประกาศของรัฐมนตรีและการดำเนินการเรือโดยไม่ได้รับอนุญาต: จำเลยไม่มีหน้าที่ปฏิบัติตามประกาศ และไม่มีกฎหมายกำหนดโทษ
รัฐมนตรีประกาศให้ส่งมอบเรือกล จำเลยไม่ส่งมอบเรือใบฉลอมทะเลจึงไม่มีผิดตามประกาศนั้น
ผู้ดำเนินการหรือจัดการเรือใบฉลอมทะเลโดยมิได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรี ไม่มีกฎหมายบัญญัติว่าเป็นความผิด
ผู้ดำเนินการหรือจัดการเรือใบฉลอมทะเลโดยมิได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรี ไม่มีกฎหมายบัญญัติว่าเป็นความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4040/2552
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องไม่สมบูรณ์ฐานค้าของเก่า ต้องระบุประกาศรัฐมนตรีที่กำหนดประเภทของเก่าที่ต้องมีใบอนุญาต
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยบังอาจประกอบอาชีพค้าของเก่า โดยการรับซื้อและขายของเก่าจำพวกเศษเหล็ก อันเป็นของเก่าตามกฎหมายโดยไม่มีใบอนุญาตอันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมายตามมาตรา 4 (2) แห่ง พ.ร.บ.ควบคุมการขายทอดตลาดและค้าของเก่า พ.ศ.2474 แก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา 3 แห่ง พ.ร.บ.ควบคุมการขายทอดตลาดและค้าของเก่า (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2481 ที่ได้ระบุประเภทหรือชนิดของเก่าซึ่งรัฐมนตรีมิได้ประกาศยกเว้นในราชกิจจานุเบกษาให้เป็นของเก่าที่ห้ามบุคคลประกอบอาชีพโดยมิได้รับอนุญาตไว้ เมื่อโจทก์มิได้บรรยายฟ้องให้เห็นได้ว่าของเก่าจำพวกเศษเหล็กเป็นของเก่าซึ่งรัฐมนตรีมิได้ประกาศยกเว้นหรืออ้างถึงประกาศของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ประกาศกำหนดประเภทหรือชนิดของเก่าตามบทบัญญัติดังกล่าวไว้ในฟ้อง จึงเป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 158 (5) แม้จำเลยให้การรับสารภาพก็ไม่สามารถลงโทษจำเลยในข้อหาดังกล่าวได้ ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เองตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225