พบผลลัพธ์ทั้งหมด 548 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 979/2495
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            ฉ้อโกงโดยแสดงตนเท็จและหลอกลวงให้เชื่อว่าจะจัดตั้งบริษัท
                        
                        จำเลยกล่าวเท็จให้ผู้อื่นจองหุ้นบริษัทหนึ่ง ซึ่งจำเลยอ้างตนว่าเป็นผู้อำนวยการบริษัท  จนผู้อื่นเชื่อถือส่งเงินค่าจองหุ้นครึ่งหนึ่งให้แก่จำเลย  แต่จำเลยเพิ่งนำหนังสือบริคณห์สนธิไปจดทะเบียนภายหลังซึ่งคนอื่นๆ เข้าใจว่าจำเลยได้ตั้งเป็นบริษัทแล้ว  และต่อจากนั้นจำเลยก็มิได้ดำเนินการต่อไปให้ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อจัดตั้งบริษัทให้เป็นนิติบุคคลขึ้น  กิจการที่จำเลยดำเนินอยู่ไม่มีอะไร  และศาลฟังได้ว่าจำเลยมีแผนการจะฉ้อโกงมาแต่ต้น  จำเลยตั้งบริษัทขึ้นเป็นพิธีบังหน้าเพื่อการทุจริตของจำเลยเท่านั้น  ดังนี้ จำเลยย่อมมีความผิดฐานฉ้อโกง
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 979/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            ฉ้อโกงจากการกล่าวเท็จเพื่อจูงใจลงทุนในบริษัทที่มิได้จัดตั้งขึ้นจริง
                        
                        จำเลยกล่าวเท็จให้ผู้อื่นจองหุ้นบริษัทหนึ่ง   ซึ่งจำเลยอ้างตนว่าเป็นผู้อำนวยการบริษัท  จนผู้อื่นเชื่อถือส่งเงินค่าจองหุ้นครึ่งหนึ่งให้แก่จำเลย  แต่จำเลยเพิ่งนำหนังสือบริคณห์สนธิไปจดทะเบียนภายหลัง  ซึ่งคนอื่นๆ  เข้าใจว่าจำเลยก็มิได้ดำเนินการต่อไปให้ถูกต้องตามกฎหมาย  เพื่อจัดตั้งบริษัทให้เป็นนิติบุคคลขึ้น  กิจการที่จำเลยดำเนินอยู่ไม่มีอะไร  และศาลฟังได้ว่าจำเลยมีแผนการณ์จะฉ้อโกงมาแต่ต้น  จำเลยตั้งบริษัทขึ้นเป็นพิธีบังหน้าเพื่อการทุจริตของจำเลยเท่านั้น  ดังนี้  จำเลยย่อมมีผิดฐานฉ้อโกง
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 975/2495
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายทางแพ่ง แม้ไม่มีการประนีประนอมยอมความ และการสงวนสิทธิแก้ไขค่าเสียหาย
                        
                        จำเลยถูกพนักงานอัยการฟ้องขอให้ลงโทษฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้รถชนกัน  ผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บสาหัสจำเลยกลัวจะต้องรับโทษจำคุก  จึงขอให้ผู้เสียหายเขียนหนังสือถึงพนักงานอัยการ  ผู้เสียหายจึงเขียนหนังสือถึงพนักงานอัยการว่าตนไม่ติดใจจะฟ้องจำเลย  ทั้งนี้เพื่อหวังผลให้จำเลยได้รับความปรานีบรรเทาโทษในทางอาญาเท่านั้น หนังสือดังกล่าวไม่มีลักษณะเป็นหนังสือประนีประนอมยอมความตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850,851 ผู้เสียหายจึงมีสิทธิฟ้องจำเลยเรียกค่าเสียหายในทางแพ่งได้
ศาลพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้เสียหายซึ่งเป็นโจทก์เมื่อปรากฏในระหว่างพิจารณาคดีว่า อาการป่วยของโจทก์ยังไม่หาย ยังไม่เป็นการแน่นอนลงไปทีเดียวว่าโจทก์จะพิการต่อไปจนตลอดชีวิตหรืออาจหายได้ เช่นนี้ ศาลย่อมมีอำนาจสงวนสิทธิไว้ในคำพิพากษาที่จะแก้ไขคำพิพากษาในเรื่องกำหนดค่าเสียหายได้ ภายใน 2 ปี
                                    ศาลพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้เสียหายซึ่งเป็นโจทก์เมื่อปรากฏในระหว่างพิจารณาคดีว่า อาการป่วยของโจทก์ยังไม่หาย ยังไม่เป็นการแน่นอนลงไปทีเดียวว่าโจทก์จะพิการต่อไปจนตลอดชีวิตหรืออาจหายได้ เช่นนี้ ศาลย่อมมีอำนาจสงวนสิทธิไว้ในคำพิพากษาที่จะแก้ไขคำพิพากษาในเรื่องกำหนดค่าเสียหายได้ ภายใน 2 ปี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 975/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            หนังสือไม่ถือเป็นประนีประนอมยอมความ, สงวนสิทธิแก้ไขค่าเสียหายได้
                        
                        จำเลยถูกพนักงานอัยการฟ้องขอให้ลงโทษฐานขับรถ  โดยประมาท  เป็นเหตุให้รถชนกันผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บสาหัส  จำเลยกลัวจะต้องรับโทษจำคุก  จึงขอให้ผู้เสียหายเขียนหนังสือถึงพนักงานอัยการ  ผู้เสียหายจึงเขียนหนังสือถึงพนักงานอัยการว่าตนไม่ติดใจจะฟ้องจำเลย  ทั้งนี้เพื่อหวังผลให้จำเลยได้รับความปราณีบรรเทาโทษในทางอาญาเท่านั้น  หนังสือดังกล่าวไม่มีลักษณะเป็นหนังสือประนีประนอมยอมความตาม  ป.ม.แพ่งฯมาตรา  850,  851  ผู้เสียหายจึงมีสิทธิฟ้องจำเลยเรียกค่าเสียหายในทางแพ่งได้
ศาลพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้เสียหาย ซึ่งเป็นโจทก์ เมื่อปรากฎในระหว่างพิจารณาว่า อาการบ่วยของโจทก์ยังไม่หาย ยังไม่เป็นการแน่นอนลงไปทีเดียวว่าโจทก์จะพิการต่อไปจนตลอดชีวิตหรืออาจหายได้ เช่นนี้ ศาลย่อมมีอำนาจสงวนสิทธิไว้ในคำพิพากษาที่จะแก้ไขคำพิพากษาในเรื่องกำหนดค่าเสียหายได้ ภายใน 2 ปี
                                    ศาลพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้เสียหาย ซึ่งเป็นโจทก์ เมื่อปรากฎในระหว่างพิจารณาว่า อาการบ่วยของโจทก์ยังไม่หาย ยังไม่เป็นการแน่นอนลงไปทีเดียวว่าโจทก์จะพิการต่อไปจนตลอดชีวิตหรืออาจหายได้ เช่นนี้ ศาลย่อมมีอำนาจสงวนสิทธิไว้ในคำพิพากษาที่จะแก้ไขคำพิพากษาในเรื่องกำหนดค่าเสียหายได้ ภายใน 2 ปี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 957/2495
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            สัญญาเงินกู้มีเงื่อนไขซื้อขายที่ดิน: สิทธิของผู้ให้กู้จำกัดเฉพาะตามสัญญา
                        
                        สัญญากู้เงินอันมอบที่ดินให้ผู้ให้กู้ครอบครองทำกินต่างดอกเบี้ย และตามข้อสัญญามีเงื่อนไขด้วยว่าถ้าผู้กู้ประสงค์จะขายที่ดินที่ประกันนั้นแก่ผู้ให้กู้ภายในกำหนด 6 ปี  ผู้ให้กู้ยินยอมรับซื้อเป็นเงินจำนวนหนึ่งถ้าพ้นกำหนด 6 ปีแล้ว  ผู้กู้ต้องชำระหนี้เงินกู้ให้ผู้ให้กู้จนครบถ้วน หรือมิฉะนั้นก็ต้องมีการตกลงกันใหม่  ดังนี้เมื่อพ้นกำหนด 6 ปีแล้ว ผู้กู้ไม่ประสงค์จะขายที่ดิน  แต่เลือกเอาทางชำระหนี้เงินกู้ได้ผู้ให้กู้จะฟ้องขอให้ผู้กู้ขายที่ดินให้ตนเหมือนสัญญาจะซื้อขายธรรมดา ไม่ได้
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 957/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            สัญญาเงินกู้ที่มีเงื่อนไขขายที่ดิน สิทธิของโจทก์จำกัดเมื่อพ้นกำหนดสัญญา
                        
                        สัญญากู้เงินกันมอบที่ดินให้ผู้ให้กู้ครอบครองทำกินต่างดอกเบี้ย  และตามสัญญามีเงื่อนไขด้วยว่าถ้าผู้กู้ประสงค์จะขายที่ดินที่ประกันนั้นแก่ผู้ให้กู้ภายในกำหนด  6  ปี  ผู้ให้กู้ยินยอมรับซื้อเป็นเงินจำนวนหนึ่ง  ถ้าพ้นกำหนด  6  ปี  แล้ว  ผู้กู้ต้องชำระหนี้เงินกู้ให้ผู้ให้กู้จนครบถ้วน  หรือมิฉะนั้นก็ต้องมีการตกลงกันใหม่  ดังนี้เมื่อพ้นกำหนด  6  ปี  แล้ว  ผู้กู้ไม่ประสงค์จะขายที่ดิน  แต่เลือกเอาทางชำระหนี้เงินกู้ได้  ผู้ให้กู้จะฟ้องขอให้ผู้กู้ขายที่ดินให้ตนเหมือนสัญญาจะซื้อขายธรรมดา  ไม่ได้
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 948/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การรับสภาพหนี้และการขัดอายุความ: หนังสือรับรองยืนยันการชำระหนี้บางส่วน
                        
                        จำเลยทำหนังสือรับรองไว้มีใจความว่า  จำเลยได้รักษาตัวที่โรงพยาบาลและโจทก์เป็นผู้ทำการผ่าตัด  ค่าผ่าตัดนั้นตามบิลของโจทก์เป็นจำนวน  6500  แฟรงค์  และในวันที่  29  พฤษภาคม  2489  จำเลยได้ใช้หนี้แก่โจทก์ไปแล้ว  650  แฟรงค์  ดังนี้  ถือได้ว่า  จำเลยได้รับสภาพหนี้ตาม  ป.ม.แพ่งฯมาตรา  172  แล้ว
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 948/2495
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การรับสภาพหนี้จากหนังสือรับรองและหลักฐานการชำระหนี้บางส่วน
                        
                        จำเลยทำหนังสือรับรองไว้มีใจความว่า  จำเลยได้รักษาตัวที่โรงพยาบาลและโจทก์เป็นผู้ทำการผ่าตัด  ค่าผ่าตัดนั้นตามบิลของโจทก์เป็นจำนวน 6500 แฟรงค์  และในวันที่ 29พฤษภาคม 2489 จำเลยได้ใช้หนี้แก่โจทก์ไปแล้ว 650แฟรงค์ ดังนี้ ถือได้ว่า จำเลยได้รับสภาพหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 แล้ว
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 946/2495
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            ฟ้องซ้ำได้แม้จำเลยเคยเป็นคู่ความเดิม หากสถานะเปลี่ยนเป็นผู้ปกครองเด็ก
                        
                        ในคดีก่อน  โจทก์ฟ้องเรียกกรรมสิทธิ์ที่ดินจากจำเลยศาลพิพากษายกฟ้อง  โจทก์มาฟ้องมารดาจำเลยเป็นคดีอย่างเดียวกันอีกได้  และในคดีหลังนี้แม้จำเลยจะเข้ามาเป็นคู่ความก็เข้ามาในฐานะเป็นผู้ปกครองเด็กผู้เยาว์(คือเป็นจำเลยร่วม) ถือว่ามิใช่คู่ความในคดีเดิม คดีจึงไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา148
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 946/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การฟ้องซ้ำ: คู่ความเดิมไม่เหมือนกับคู่ความใหม่ คดีไม่ขาดอายุความ
                        
                        ในคดีก่อน  โจทก์ฟ้องเรียกกรรมสิทธิที่ดินจากจำเลย  ศาลพิพากษายกฟ้อง  โจทก์มาฟ้องมารดาจำเลยเป็นคดีอย่างเดียวกันอีกได้  และในคดีหลังนี้แม้จำเลยจะเข้ามาเป็นคู่ความในฐานะเป็นผู้ปกครองเด็กผู้เยาว์ (คือเป็นจำเลยร่วม)  ถือว่ามิใช่คู่ความในคดีเดิม  คดีจึงไม่ต้องห้ามตาม  ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา  148